“ยามาฮ่า” ตอบโจทย์ Food Delivery ร่วม “ฟินน์” ฝ่าวิกฤติ โควิด-19
ตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่พนักงานรับ-ส่งอาหาร เลือกใช้ “ฮีโร่สองล้อเพื่อท้องอิ่ม”
“ยามาฮ่า ฟินน์” คือพาหนะคู่ใจที่ “ฮีโร่สองล้อเพื่อท้องอิ่ม” เลือกใช้ด้วยสมรรถนะที่ตอบโจทย์ ทั้งในเรื่องของประสิทธิภาพการใช้งาน รวมถึงความคล่องตัวและสะดวกสบาย ทั้งยังมีส่วนช่วยเพิ่มรายได้ในช่วงภาวะวิกฤติ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบทบาทของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ในการร่วมขับเคลื่อนสังคมให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากเคียงคู่สังคมไทย
ในภาวะที่โคโรน่าไวรัส 2019 สร้างผลกระทบเป็นวงกว้างในสังคม ทั้งในเรื่องหน้าที่การงานไล่เรียงไปจนถึงการใช้ชีวิตประจำวัน เนื่องด้วยมาตรการสร้างระยะห่างทางสังคมจากภาครัฐบาล ส่งผลให้ประชาชนส่วนใหญ่เลือกที่จะกักตัวอยู่ภายในบ้าน เพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าว และเลือกใช้บริการต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์
บริการรับ-ส่งอาหาร จึงมีส่วนสำคัญและมีบทบาทในการร่วมขับเคลื่อนสังคม และหนึ่งในปัจจัยสำคัญได้แก่ พนักงานรับ-ส่งอาหาร หรือ Food Delivery ซึ่งเป็นอาชีพที่เดินไปในทิศทางเดียวกันกับธุรกิจออนไลน์ที่เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทั้งยังมีส่วนช่วยสร้างงานสร้างอาชีพให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
พาหนะคู่ใจของ พนักงานรับ-ส่งอาหาร อย่าง รถจักรยานยนต์ จึงมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสมรรถนะที่ตอบโจทย์การใช้งาน ทั้งในเรื่องของความคล่องตัว รวมถึงความสะดวกสบายและอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกใช้ของบรรดา “Hero Food Delivery…ฮีโร่สองล้อเพื่อท้องอิ่ม”
“ยามาฮ่า ฟินน์” เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่พนักงานรับ-ส่งอาหาร เลือกใช้ เพื่อร่วมขับเคลื่อนสังคมไทยและฟันฝ่าวิกฤติในครั้งนี้ โดย “น้องอู๋” นายพงษ์ภัสภ์ ชัยวิทยกาญจน์ เด็กหนุ่มวัย 22 ปีจากรั้วมหาวิทยาลัยปีที่ 3 ที่นอกจากจะเป็นนักศึกษาแล้ว ยังมีอาชีพเสริมด้วยการประกอบอาชีพนักดนตรี และในยามว่างจากเวลาเรียนมาขับขี่รถจักรยานยนต์ในฐานะพนักงานส่งอาหารให้กับ GRAB ซึ่งแต่ละวันต้องอยู่บนถนนประมาณร้อยกว่ากิโลเมตรและบางวันก็มากกว่านั้น
“ผมว่าฟินน์ขี่ง่ายดีนะ คล่องตัว เกียร์ก็นิ่ม ช่วงล่างก็ดี ขณะที่กล่องเก็บของด้านหน้าแบบนี้ก็ใช้งานได้สะดวกดีครับผมชอบ รวมถึงสวิตช์กุญแจที่นอกจากจะไว้สตาร์ทเครื่องยนต์แล้ว ยังสามารถเปิดเบาะและล็อกคอรถในจุดเดียวเหมือนสวิตช์กุญแจรถออโต นอกจากนี้ฟินน์ยังประหยัดน้ำมันและช่วยให้ผมเหลือเงินในกระเป๋ามากยิ่งขึ้น” น้องอู๋ เผยถึงเหตุผลที่เลือกใช้ ยามาฮ่า ฟินน์
ด้าน “เจ” นายอาณกร นาควิจิตร พนักงานรับ-ส่งอาหาร Line Man ที่รับบทบาท Food Delivery มามากกว่า 2 ปี บอกถึงเหตุผลที่เลือกใช้ ยามาฮ่า ฟินน์ ว่า “สำหรับผมรถที่จะต้องเอามาวิ่งงานนั้นต้อง ประหยัดน้ำมันและขับสบาย ฟินน์ ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี เพราะในช่วงตลอดวันที่ขับขี่นั้น ฟินน์ประหยัดน้ำมันมากๆ แถมยังขับสบาย คล่องตัว เข้าโค้งง่าย ซอกแซกได้ดี เพราะรถมีขนาดกะทัดรัดพอดีกับการขับขี่ใช้งานในเมือง”
“เครื่องยนต์ของฟินน์มีความนุ่มนวลและนิ่ง เวลาออกตัวช่วงสปีดต้นมันจะพุ่งๆ จัดจ้านดี ขับขี่ในเมืองทั้งวันในวันที่อากาศร้อนๆ เครื่องยนต์ก็กำลังไม่ตก ส่วนระบบกันสะเทือนก็นุ่มสบาย เวลาขับขี่หรือกระแทก โช้คก็จะช่วยซับแรงได้ดี ทำให้ไม่รู้สึกเหนื่อยหรือเมื่อยล้าแม้ว่าจะวิ่งงานทั้งวัน รวมถึงระบบเบรก UBS ที่ช่วยให้เบรกได้อย่างนุ่มนวลและมั่นใจมากขึ้นครับ”
ส่วน “น้องนัท” นักส่งอาหารมืออาชีพจาก Food Panda ร่ายยาวถึง ยามาฮ่า ฟินน์ ที่ตอบโจทย์การใช้งานว่า “ดีไซน์มันสวยครับ อย่างด้านหน้าเนี่ยผมไม่รู้เรียกว่าอะไร ที่มันเป็นเส้นไฟรวมกับไฟเลี้ยวอันนี้สวยดี ผมลองดูรถมาหลายรุ่นครับ พอดีเห็นในโฆษณาทางยูทูบ เรื่องความประหยัดซึ่งมันตอบโจทย์ตรงๆ เลยนะ คือถ้ารถเรากินน้ำมันน้อยไม่ต้องเติมบ่อยๆ กำไรเราก็เหลือเยอะขึ้น”
“ยามาฮ่า ฟินน์ สามารถมุดเลี้ยวซอกแซกได้ง่าย เพราะตัวรถกระชับมีวงเลี้ยวดี แถมระบบเบรกเดิมที่ให้มานี่ก็ดีมาก หน้าปัดก็มีไฟบอกเกียร์มาครบทั้ง 4 เกียร์ ผมว่ามันเป็นรถที่ครบและราคาไม่แพง ได้ทั้งความสวยงามและคล่องตัว ช่วงล่างที่นุ่มนวลยังช่วยเพิ่มความสบายให้กับการขับขี่ แถมรุ่นนี้เขายังรับประกันอะไหล่ทุกชิ้น 5 ปีเต็ม ส่งผลให้ขี่ได้เต็มที่แบบสบายใจ”
เห็นได้ว่า รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟินน์ คือพาหนะคู่กายของบรรดา “Hero Food Delivery…ฮีโร่สองล้อเพื่อท้องอิ่ม” ซึ่งเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของยามาฮ่า ที่ได้ร่วมขับเคลื่อนสังคมไทยให้ผ่านพ้นภาวะวิกฤติโคโรน่าไวรัส 2019 นอกเหนือจากการร่วมต่อสู้เคียงข้างบุคลากรทางด้านการแพทย์ โดยหวังให้ประเทศไทยสามารถผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ได้เร็วที่สุด