ต้อนรับทัพนักบิด “เอ.พี.ฮอนด้า” สุดอบอุ่น หลังทำผลงานกระหึ่มแดนปลาดิบ
สร้างประวัติศาสตร์ ผู้หญิงคนแรก!คว้าแชมป์บิดสุดทรหด “ซูซูกะ 4 ชั่วโมง” ตั้งเป้าปีหน้าป้องกันแชมป์อีกสมัย
ยอดทีมแข่งไทยแท้ 100% เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ เดินทางกลับบ้านเกิดเป็นที่เรียบร้อยหลังสร้างผลงานกระหึ่มสนาม ซูซูกะ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ในศึก ซูซูกะ 4 ชั่วโมง เอ็นดูรานซ์ เรซ 2019 โดย “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช นักบิดสาวแกร่ง ผนึกกำลัง “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ประทุมยศ ผงาดคว้าแชมป์ประวัติศาสตร์มาครอง ด้าน “มุกข์ลดา” ยอมรับว่ารายการนี้ค่อนข้างยาก แถมยังเจอสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ฝนตกตลอดการแข่งขัน แต่ทุกคนก็ร่วมกันฝ่าฟันจนทำได้สำเร็จ ตั้งเป้าปีหน้าจะป้องกันแชมป์ไว้ให้ได้ ขณะที่ ดร.อารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ยกเครดิตให้ทุกคนในทีมที่ร่วมมือกันคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ แม้เจอสภาพอากาศย่ำแย่แบบสุดๆ พร้อมขอบคุณแฟนๆ ชาวไทย ที่ส่งกำลังใจผ่านการถ่ายทอดสดทางเฟซบุคไลฟ์
หลังจากยอดทีมแข่งไทยอย่าง เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ทีมไทย 100% ที่นำโดย “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช นักบิดสาวแกร่งและ “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ประทุมยศ พร้อมด้วยทีมช่างไทยสร้างชื่อกระหึ่มแดนปลาดิบ ด้วยการคว้าแชมป์ศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบมาราธอนนานาชาติสุดหฤโหด รายการ ซูซูกะ 4 ชั่วโมง เอ็นดูรานซ์ เรซ 2019 มาครองได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่สนาม ซูซูกะ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศญี่ปุ่น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา มุกข์ลดา และ ปิยวัฒน์ พร้อมทีมงาน เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ได้เดินทางถึงประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย ณ สนามบินสุวรรณภูมิ โดยมี พันโท รุจ แสงอุดม รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์ คณะผู้บริหารจากการกีฬาแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย มร.ชิเกโตะ คิมูระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด รวมถึง ดร.อารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร และคุณจุฑามาศ อินปริงกานันท์ ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปส่วนงานสื่อสารการตลาด ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น
มุกข์ลดา สารพืช ยอดนักบิดสาวแกร่งชาวไทย เปิดเผยว่า “ดีใจมากที่สามารถคว้าแชมป์ ซูซูกะ 4 ชั่วโมง เอ็นดูรานซ์ เรซ 2019 มาครองได้ เพราะพวกเราทุกคนทั้งนักแข่งและทีมช่างคนไทย 100 เปอร์เซนต์ ได้ทำงานกันอย่างหนักเพื่อลงแข่งในรายการนี้ ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นการแข่งขันที่ยากมากนอกจากจะต้องขี่กันยาวถึง 4 ชั่วโมงแล้ว ยังเจอสภาพอากาศที่ค่อนข้างย่ำแย่ ฝนตกหนักตลอดการแข่งขัน และลมค่อนข้างแรงมาก แต่พวกเราทุกคนก็ฝ่าฟันกันจนสามารถคว้าแชมป์มาครองได้ รู้สึกภูมิใจมากๆ ต้องขอขอบคุณชาวไทยที่ส่งใจแรงเชียร์มาตลอดและตั้งเป้าว่าในปีหน้าจะรักษาแชมป์เอาไว้ให้ได้”
ดร.อารักษ์ พรประภา กล่าวว่า “เป็นรายการที่ค่อนข้างท้าทายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องสภาพอากาศ เพราะทีมมาแข่งวันแรกฟ้าค่อนข้างใส และตอนซ้อมรอบแรกก็ซ้อมในสภาพสนามที่ค่อนข้างแห้ง แต่พอจะทำการแข่งขันมีฝนตกลงมาทำให้ต้องเปลี่ยนแผนการขับขี่ และได้บอกทั้ง มุกข์ลดา และ ปิยวัฒน์ ให้เน้นสมาธิอย่างเดียว ไม่ต้องไปสนใจอย่างอื่น ต้องยกเครดิตให้กับทีม เพราะจากสภาพอากาศที่ย่ำแย่ แต่ทั้ง มุกข์ และ ฟิลม์ ก็ยังสามารถคว้าแชมป์มาครองได้ในที่สุด และอีกส่วนหนึ่งก็ต้องขอขอบคุณกำลังใจจากพี่น้องชาวไทยที่ส่งมาทางการไลฟ์สดผ่านทางเฟซบุกของการแข่งขัน ซึ่งน้องทั้งสองก็ได้อ่านตลอดระหว่างช่วงที่พัก ทำให้รู้สึกฮึกเหิมและต้องการทำผลงานที่ดีที่สุดมาฝากคนไทยให้ได้”
ขณะที่ ศุภฤกษ์ จันทร์ศรี หัวหน้าช่างเทคนิคทีม เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ กล่าวว่า “รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่สามารถร่วมกันพาทีมคว้าแชมป์มาครองได้ โดยสนามนี้ความยากอยู่ที่สภาพอากาศที่มีฝนตกอย่างหนัก ทำให้เราต้องปรับแต่งรถและวางแผนต่างๆ เกือบใหม่ทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตามต้องชม มุกข์ลดา และ ปิยวัฒน์ ที่ขี่ได้เหมือนตอนซ้อมและตามแผนที่วางเอาไว้”
สำหรับ เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ลงแข่งขันรายการนี้เป็นครั้งที่ 3 และสามารถคว้าแชมป์ในรายการ ซูซูกะ 4 ชั่วโมง เอ็นดูรานซ์ เรซ 2019 มาครองท่ามกลางสภาพอากาศที่มีฝนตกลงอย่างต่อเนื่องที่ประเทศญี่ปุ่น โดยเอาชนะคู่แข่งด้วยระยะห่างถึง 2 รอบสนาม และนับเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ขณะที่ มุกข์ลดา เป็นนักบิดหญิงคนแรกที่สามารถคว้าแชมป์รายการนี้ไปครองได้