ยูดี ทรัคส์ จับมือพันธมิตร เดินหน้าโครงการรถบรรทุกไร้คนขับกับการใช้งานจริงบนถนน
3 พันธมิตร ร่วมมือเข้าสู่ยุค Smart Logistics อย่างแท้จริง เดินตามแผนงานเข้าสู่รถบรรทุกไฟฟ้าไร้คนขับในปี 2030
ยูดี ทรัคส์ พร้อมด้วยนิปปอน เอ็กซ์เพรส (Nippon Express) และสหกรณ์การเกษตรโฮคุเรน (Hokuren Agricultural Cooperative) ร่วมแนะนำรถบรรทุกไร้คนขับยูดี ทรัคส์ ที่ทดลองใช้งานจริงบนท้องถนนเพื่อขนส่งสินค้าการเกษตรจากเมืองฮอกไกโด ซึ่งเป็นแหล่งผลิตสินค้าการเกษตรที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น ส่งกระจายไปยังเมืองต่างๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้เพื่อเป็นทางออกของปัญหาการขาดแคลนพนักงานขับรถ และสอดคล้องกับแนวทางการมุ่งสู่ยุค Smart Logistics ของยูดี ทรัคส์
การสาธิตระบบใช้งานจริงในระดับ 4 (Level4) ครั้งนี้เกิดขึ้นที่โรงงานน้ำตาลโฮคุเรน (Hokuren Sugar Mill) ในย่านนาคาชาริ เมืองฮอกไกโด เป็นการจำลองงานขนส่งชูการ์บีท ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมน้ำตาลในญี่ปุ่น โดยขนส่งภายในโรงงาน และบนถนนหลวงใก้ลเคียง มีบุคคลสำคัญ ๆ ถึง 150 คนจากธุรกิจต่าง ๆ ผู้แทนจากภาครัฐบาลแลสื่อมวลชน ที่ร่วมเป็นสักขีพยานของความสำเร็จในการทดสอบงานขนส่งด้วยรถบรรทุกไร้คนขับของยูดี ทรัคส์ และนับเป็นความสำเร็จครั้งแรกของอุตสาหกรรมรถบรรทุกขนาดใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น
การขาดแคลนแรงงานในประเทศญี่ปุ่นกำลังเป็นปัญหาสำคัญ ดังนั้นการรวมเอาความชำนาญของผู้ผลิตรถบรรทุก บริษัทโลจิสติกส์และภาคการเกษตร ทำให้ผมเชื่อว่าเทคโนโลยีรถบรรทุกไร้คนขับนี้ จะมีบทบาทสำคัญที่นำไปสู่แนวทางแก้ไขปัญหาที่เรากำลังประสบอยู่ในขณะนี้” มร. ทากามิทสุ ซากามากิ ประธานกรรมการ ยูดี ทรัคส์ กล่าวต่อผู้เข้าร่วมงาน
ปัญหาการขาดแคลนพนักงานขับรถบรรทุก ไม่ได้เป็นปัญหาต่ออุตสาหกรรมการผลิตน้ำตาลในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่เป็นปัญหาในสินค้าการเกษตรอื่นๆ ของฮอกไกโดด้วยเช่นกัน ซึ่งเมืองนี้ถือเป็นแหล่งผลิตผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรป้อนให้แก่เมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่นปีละกว่า 3.5 ล้านตัน
เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารถบรรทุกไร้คนขับจะช่วยตอบโจทย์ปริมาณงานขนส่งให้แก่ภาคขนส่งผลิตภัณฑ์การเกษตรในอนาคตอันใกล้” มร.คาซูยูกิ อูชิดะ ประธานสภาสหกรณ์การเกษตรโฮคุเรน
ภายใต้โครงการการทดสอบขนส่งผลิตภัณฑ์การเกษตรด้วยรถบรรทุกไร้คนขับครั้งนี้ เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคมและสิ้นสุดในวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยจำลองงานขนส่งวัตถุดิบไปยังกระบวนการผลิตขั้นตอนต่างๆ โดยใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่รุ่น ยูดี ควอน ที่ได้รับการพัฒนาระบบอัตโนมัติในระดับ 4 (L4) โดยใช้ยูดี ทรัคส์ จัดส่งวัตถุดิบตั้งแต่เริ่มกระบวนการไปจนถึงพื้นที่จัดเก็บชั่วคราวและพื้นที่ขนถ่ายขั้นสุดท้าย โดยใช้ความเร็วเฉลี่ย 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เส้นทางขนส่งรวมถึงระยะทาง 200 เมตรที่เป็นถนนหลวงหมายเลข 334
ยูดี ทรัคส์ ถือเป็นผู้นำระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 4 (L4) ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายที่จะเข้าสู่ระดับ 5 หรือ L5 ที่จะเป็นยานยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับที่สมบูรณ์แบบที่สุด
ยูดี ควอน ได้ผนวกเทคโนโลยีไร้คนขับเข้ากับระบบ Real Time Kinematic Global Positioning System ซึ่งถือเป็นระบบ GPS เวอร์ชันล่าสุด จึงทำให้การขนส่งแบบไร้คนขับสามารถใช้งานได้จริงในทุกลักษณะการทำงาน ในทุกสภาวะอากาศ และทุกสภาพท้องถนน
ในปี 2018 ยูดี ทรัคส์ได้ประกาศวิสัยทัศน์ “Fujin & Raijin, Version 2030” ที่มีเป้าหมายในการเข้าสู่ยุค Smart Logistics ซึ่งประกอบด้วยรถบรรทุกที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ และการขับขี่ไร้คนขับในปี 2030
เรามั่นใจว่าเทคโนโลยี L4 ในรถบรรทุกขนาดใหญ่จะทำให้ธุรกิจโลจิสติกส์สามารถทำงานได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้น โดยเฉพาะระบบงานที่มีกระบวนการซ้ำๆ ในพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีขอบเขตจำกัด ไม่ว่าจะในโรงงาน หรือท่าเรือ ซึ่งการเก็บรวบรวมข้อมูลจากระยะการทดลองนี้ เราสามารถสร้างรถบรรทุกให้มีความสมบูรณ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกระบวนการผลิตที่แตกต่าง ซึ่งมีส่วนช่วยสนับสนุนภาคการผลิตอาหารในญี่ปุ่นได้อย่างยั่งยืน แน่นอนว่าเราจะต้องนำสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากที่นี่ในวันนี้ไปพัฒนาสู่สเกลที่ใหญ่ขึ้น” มร. ดักกลาส นาคาโน รองประธานอาวุโสฝ่ายเทคโนโลยี ยูดี ทรัคส์ กล่าว
การนำเทคโนโลยีไปใช้อย่างกว้างขวาง ถือเป็นสิ่งหลักที่นิปปอน เอ็กซ์เพรส ให้ความสำคัญ ซึ่งบริษัทนี้ได้ลงทุนสร้างหน่วยงานวิศวกรรมด้านกลยุทธ์งานขนส่ง ในปี 2017 และนิปปอน เอ็กซ์เพรส ยังได้มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีการขนส่งในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรถบรรทุกพ่วงที่ใช้ระบบเทคโนโลยีการขับเคลื่อนอัตโนมัติ และศูนย์ปฏิบัติการด้านโลจิสติกส์ที่ไม่ใช้คน การศึกษาทางเลือกของโลจิสติคที่ใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) โดรนหรืออากาศยานไร้คนขับ และระบบติดตามที่ทันสมัย
เราทำงานกันอย่างหนัก ร่วมกับลูกค้าของเราเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในระบบโลจิสติกส์ แต่ปัญหาการขาดแคลนแรงงานเป็นปัญหาที่รุนแรงขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ดังนั้น ถ้าเราสามารถเอาเทคโนโลยีมาใช้ในงานที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ในเส้นทางเดิม ๆ เช่นการขนส่งสินค้าในรูปแบบคาร์โก เป็นต้น เราก็จะสามารถลดการใช้คนได้ และเราจะได้งานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย เรายังมองด้วยว่าเทคโลยีเหล่านี้ ยังจะสามารถนำมาใช้กับงานในพื้นที่จำกัดขนาดใหญ่ เช่นพื้นที่ในโรงงาน ท่าเรือและสนามบิน เราอยากจะมองลึกลงไปที่การใช้งานของเทคโนโลยีไร้คนขับที่ได้จากการทดลองครั้งนี้ไปใช้ในธุรกิจอื่น ๆ ให้มากขึ้นด้วย” มร. ฮิซาโอะ ทาเคสึ รองประธานและหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการและกรรมการ บริษัท นิปปอน เอ็กซ์เพรส จำกัด กล่าว
การทดลองปฏิบัติการรถบรรทุกไร้คนขับครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจังจากหน่วยงานภาครัฐในฮอกไกโด ซึ่งหน่วยงานดังกล่าวได้กระตุ้นให้บริษัทต่าง ๆ คิดค้นแนวทางที่ดีที่สุดในการใช้ยานยนต์ไร้คนขับ โดยในปี 2016 ได้มีการจัดตั้งหน่วยงานที่ชื่อว่า Hokkaido Automotive Safety Technology Study Group เพื่อรวมผู้เชี่ยวชาญจากทั่วประเทศมาศึกษาและพัฒนาระบบขนส่งไร้คนขับ เมืองฮอกไกโดเป็นเจ้าภาพในการจัดทดสอบการขับขี่ไร้คนขับมากถึง 28 ครั้งจากบริษัทรถยนต์และผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ชั้นนำของญี่ปุ่น
“ภาคการเกษตร ไม่ใช่แค่เป็นหัวใจหลักของฮอกไกโด แต่มันยังมีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศญี่ปุ่น การนำเทคโนโลยีระดับสูงเช่นยานยนต์ไร้คนขับมาใช้ จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาภาวะการขาดแคลนแรงงานในภาคขนส่ง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจโลจิสติกส์ได้ด้วย เราจะให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงในอุตสาหกรรมต่าง ๆ” มร.ชุนซูเกะ ทสึชิยะ ผู้ว่าราชการจังหวัดฮ็อคไกโด กล่าว
การทดสอบครั้งนี้ถูกกำหนดให้ได้มาตรฐานเกี่ยวกับยานยนตร์ไร้คนขับที่เทียบเท่าหรือสูงกว่าระเบียบข้อบังคับที่กำหนดโดยกระทรวงที่ดิน สาธารณูปโภค ขนส่ง และการท่องเที่ยว (the Ministry of Land, Infrastructure, Transport and Tourism) โดยการทดลองนี้ดำเนินการบนถนนปิดเพื่อการทดสอบโดยเฉพาะ รวมถึงถนนหลวง และมีพนักงานขับรถนั่งประจำในห้องผู้โดยสารตลอดการทดลองเพื่อให้ความมั่นใจว่าการทดลองจะอยู่ภายใต้การควบคุมในกรณีที่มีเหตุไม่คาดการณ์เกิดขึ้น