“โตโยต้าแถลงยอดขายรถยนต์ปี 2561
พร้อมคาดการณ์ตลาดรวมในประเทศปี 2562 อยู่ที่ 1,000,000 คันและตั้งเป้าหมายการขายโตโยต้าที่ 330,000 คัน
มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงสถิติการจำหน่ายรถยนต์ปี 2561 พร้อมคาดการณ์ตลาดรถยนต์ไทยปี 2562 เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2562 ณ ศูนย์ขับทดสอบรถยนต์ Toyota Driving Experience Park
มร.ซึงาตะ กล่าวว่า “ยอดขายรถยนต์รวมในประเทศไทยปี 2561 เติบโตเพิ่มขึ้น 19.2% โดยมียอดขายอยู่ที่ 1,039,158 คัน เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ผลักดันให้ GDP ของประเทศไทยเติบโต 4.2%* ส่งผลให้มียอดขายเกินหนึ่งล้านคันเป็นครั้งที่สามในประวัติศาสตร์ของตลาดรถยนต์ไทย”
สถิติการขายรถยนต์ ในปี 2561**
ยอดขายปี 2561 | เปลี่ยนแปลง เทียบกับปี 2560 | |
ปริมาณการขายรวม | 1,039,158 คัน | +19.2% |
รถยนต์นั่ง | 397,542 คัน | +14.8% |
รถเพื่อการพาณิชย์ | 641,616 คัน | +22.1% |
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) | 511,676 คัน | +20.6% |
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) | 447,069 คัน | +22.6% |
โดยโตโยต้ามียอดขาย 315,113 คัน เติบโต 31.2% โดยมีส่วนแบ่งการตลาด 30.3% เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 2.8 จุด แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 112,394 คัน เพิ่มขึ้น16.3% รถเพื่อการพาณิชย์ 202,719 คัน เพิ่มขึ้น 41.2% และรถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยอดขายรถเพื่อการพาณิชย์ 177,047 คัน เพิ่มขึ้น 32.7%
*หมายเหตุ: ตัวเลขการเติบโตของ GDP เป็นตัวเลขประมาณการ โดยธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันที่ 2 มกราคม 2562
**หมายเหตุ: ตัวเลขยอดขายรถยนต์รวมในประเทศไทยปี 2561 เป็นตัวเลขประมาณการ ณ วันที่ 21 มกราคม 2562
สถิติการขายรถยนต์ของโตโยต้า ในปี 2561
ยอดขายปี 2561 | เปลี่ยนแปลง | ส่วนแบ่งตลาด | ส่วนแบ่งตลาด เทียบกับปี 2560 เติบโต (จุด) | |
ปริมาณการขายโตโยต้า | 315,113 คัน | 31.20% | 30.30% | +2.8* |
รถยนต์นั่ง | 112,394 คัน | 16.30% | 28.30% | 28.30% |
รถเพื่อการพาณิชย์ | 202,719 คัน | 41.20% | 31.60% | +4.3* |
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) | 177,047 คัน | 32.70% | 34.60% | +3.2* |
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) | 150,928 คัน | 37.20% | 33.80% | +3.6* |
ด้านการส่งออกโตโยต้าได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปจำนวน 293,940 คัน ลดลง 1.8% คิดเป็นมูลค่า 154,560 ล้านบาท ตลอดจนการส่งออกชิ้นส่วนและเครื่องยนต์ มูลค่า 119,284 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าการส่งออกที่นำรายได้กลับสู่ประเทศไทยเป็นเงินทั้งสิ้น 273,844 ล้านบาท ลดลง 2.6% นอกจากนี้ยอดการผลิตสำหรับการขายภายในประเทศและการส่งออกจำนวน 588,939 คัน เพิ่มขึ้น 12.5%
สำหรับแนวโน้มตลาดรถยนต์ปี 2562 มร.ซึงาตะ กล่าวว่า “แนวโน้มตลาดรถยนต์ในประเทศปี 2562 จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาที่ 1,000,000 คัน เนื่องจากการลงทุนภาครัฐที่ชัดเจนและต่อเนื่อง ซึ่งมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นการลงทุนจากภาคเอกชน รวมถึงการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ในตลาดรถยนต์”
ประมาณการยอดขายรถยนต์ในประเทศ ปี 2562
ยอดขายประมาณการปี 2562 | เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2561 | |
ปริมาณการขายรวม | 1,000,000 คัน | -3.80% |
รถยนต์นั่ง | 384,900 คัน | -3.20% |
รถเพื่อการพาณิชย์ | 615,100 คัน | -4.10% |
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) | 494,500 คัน | -3.40% |
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) | 430,500 คัน | -3.70% |
โดยโตโยต้าตั้งเป้าหมายการขายสำหรับตลาดรถยนต์ในประเทศปีนี้ไว้ที่ 330,000 คัน เพิ่มขึ้น 4.7% แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 120,400 คัน เพิ่มขึ้น 7.1% รถเพื่อการพาณิชย์ 209,600 คัน เพิ่มขึ้น 3.4% และ รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยอดขายรถเพื่อการพาณิชย์ 180,500 คัน เพิ่มขึ้น 2%
ประมาณการขายรถยนต์ของโตโยต้า ในปี 2562
ยอดขายปี 2561 | เปลี่ยนแปลง | ส่วนแบ่งตลาด | |
ปริมาณการขายรวม | 333,000 คัน | 4.70% | 0.00% |
รถยนต์นั่ง | 120,400 คัน | 7.10% | 3.00% |
รถเพื่อการพาณิชย์ | 209,600 คัน | 3.40% | 1.00% |
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) | 180,500 คัน | 2.00% | 5.00% |
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) | 154,000 คัน | 2.00% | 8.00% |
*หมายเหตุ: ตัวเลขยอดขายรถยนต์รวมในประเทศไทยปี 2561 เป็นตัวเลขประมาณการ ณ วันที่ 21 มกราคม 2562
สำหรับเป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของโตโยต้าในปีนี้ คาดการณ์ไว้ว่าปริมาณการส่งออกจะอยู่ที่ 270,000 คัน ลดลงจากปีที่ผ่านมา 8% คิดเป็นมูลค่า 137,303 ล้านบาท ตลอดจนการส่งออกชิ้นส่วนและเครื่องยนต์ มูลค่า 120,662 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าการส่งออกที่นำรายได้กลับสู่ประเทศไทยเป็นเงินทั้งสิ้น 257,965 ล้านบาท ลดลง 5.8% โดยเป็นผลมาจากสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง รวมถึงตลาดในกลุ่มประเทศอเมริกากลาง และอเมริกาใต้ นอกจากนี้แผนการผลิตสำหรับการขายภายในประเทศและการส่งออกจะอยู่ที่ 577,000 คัน ลดลง 2.0%
มร.ซึงาตะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในปัจจุบันโตโยต้ากำลังเผชิญกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและแนวโน้มใหม่ๆของอุตสาหกรรมยานยนต์ ทำให้เรามีความจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง จากผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์สู่การเป็นองค์กรแห่งการขับเคลื่อน (Mobility Company) รวมถึงการให้บริการทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับระบบการเดินทาง ซึ่งในปี 2560 เราได้ริเริ่มโครงการ “CU TOYOTA Ha:mo” ภายใต้ความร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อศึกษาความต้องการและเงื่อนไข Ride Sharing ในเขตชุมชนเมือง จากผลการดำเนินโครงการที่ผ่านมาเราได้การตอบรับที่ดีจากผู้ใช้งานถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการขับเคลื่อนที่ดียิ่งกว่า (ever-better mobility)
นอกจากนี้ โตโยต้ายังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีและตอบสนองนโยบายของภาครัฐที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นเราจึงเริ่มการผลิตแบตเตอรี่ไฮบริดในประเทศให้เร็วขึ้นโดยจะเริ่มการผลิตที่โรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้าเกตเวย์ในเดือนพฤษภาคมนี้ พร้อมทั้งโตโยต้ายังได้ริเริ่มโครงการการจัดการแบตเตอรี่ทั้งวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ซึ่งประกอบไปด้วย
- Rebuilt : คือ การนำแบตเตอรี่ใช้แล้วมาทำการคัดแยกโมดุล (เซลล์) ที่ยังสามารถใช้งานได้ นำมารวบรวมและจัดเรียงใหม่ ประกอบเป็นแบตเตอรี่ใหม่ที่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกครั้ง
- Reuse : คือ การนำแบตเตอรี่ที่ใช้แล้วมาทำการคัดแยกโมดุล (เซลล์) ที่ยังคงมีประสิทธิภาพในการเก็บพลังงานไฟฟ้า นำมาประกอบเข้ากับระบบ BMS (Battery management system) ที่ควบคุมการรับและจ่ายกระแสไฟฟ้า เพื่อใช้เป็นแหล่งเก็บพลังงานงานสำรอง (Energy storage)
- Recycle : กรณีที่โมดุลที่ผ่านการคัดแยกไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้ จะถูกนำไปผ่านกระบวนการเผาเพื่อคัดแยกแร่ธาตุ และนำไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตแบตเตอรี่ก้อนใหม่
โครงการที่กล่าวมานี้จะช่วยลดการเกิดขยะและเสริมสร้างให้เกิดระบบเศรษฐกิจแบบหมุนเวียนในประเทศ ภายใต้แนวคิดการจัดการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งช่วยลดปริมาณการนำเข้าแบตเตอรี่และยังช่วยให้ลูกค้าสามารถลดต้นทุนการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฮบริดได้อีกด้วย
นอกจากนี้เรายังมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินงานเพื่อสังคมให้ดียิ่งขึ้น (ever-better society) ผ่านกิจกรรมต่างๆ เริ่มจากโครงการ “โตโยต้า เมืองสีเขียว อยุธยา” ศูนย์การเรียนรู้แห่งแรกนอกโรงงานที่ได้เปิดตัวไปในปีที่ผ่านมาครั้งนี้เราตั้งใจที่ต่อยอดโครงการโดยการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมไปยังชุมชนท้องถิ่นอีก 8 จังหวัด ทั่วประเทศ ภายใต้โครงการ “Toyota City Challenge” ซึ่งเราเชื่อว่าจะสร้างคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นสำหรับคนไทยทุกคน
และสำหรับโครงการโตโยต้าธุรกิจชุมชนพัฒน์ ที่ผ่านมาเราได้ดำเนินการปรับปรุงธุรกิจชุมชนใน 7 จังหวัด รวมถึงจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ 2 แห่ง ที่จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดขอนแก่น ในปีนี้เรามีความตั้งใจอย่างต่อเนื่องในการพัฒนา SMEs โดยวางแผนปรับปรุงธุรกิจชุมชนเพิ่มอีก 10 จังหวัด และจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้แห่งที่ 3 อีกทั้งยังร่วมมือกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรมภายใต้โครงการพัฒนาศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม (ITC) และโครงการหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์(CIV) เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้สามารถพัฒนาได้อย่างยั่งยืน”
มร.ซึงาตะ กล่าวปิดท้ายว่า “อย่างที่ทุกท่านทราบ โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ได้เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก ภายใต้แนวคิด“Start Your Impossible” เพื่อทำในสิ่งที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้…ให้เป็นไปได้ สำหรับประเทศไทย เรามีแผนจะร่วมมือกับคณะกรรมการโอลิมปิกและพาลาลิมปิกแห่งประเทศไทย เพื่อให้การสนับสนุนและช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้นักกีฬาชาวไทยได้เข้าร่วมการแข่งขันในฐานะตัวแทนประเทศไทยที่กรุงโตเกียวในปี 2563 สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมจะเปิดเผยในงานแถลงข่าวที่จะจัดขึ้นในกลางปีนี้”
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนธันวาคม 2561*
1.) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 111,000 คัน เพิ่มขึ้น 4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 31,152 คัน ลดลง 0.7% ส่วนแบ่งตลาด 28.1%*
อันดับที่ 2 อีซูซุ 21,923 คัน เพิ่มขึ้น 42.0% ส่วนแบ่งตลาด 19.8%*
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 13,289 คัน ลดลง 8.1% ส่วนแบ่งตลาด 12.0%*
2.) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 38,200 คัน ลดลง 8%
อันดับที่ 1 ฮอนด้า 9,264 คัน ลดลง 12.8% ส่วนแบ่งตลาด 24.3%*
อันดับที่ 2 โตโยต้า 9,211 คัน ลดลง 24.8% ส่วนแบ่งตลาด 24.1%*
อันดับที่ 3 นิสสัน 4,844 คัน เพิ่มขึ้น 7.8% ส่วนแบ่งตลาด 12.7%*
3.) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 72,800 คัน เพิ่มขึ้น 8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 21,941 คัน เพิ่มขึ้น 14.6% ส่วนแบ่งตลาด 30.1%*
อันดับที่ 2 อีซูซุ 21,923 คัน เพิ่มขึ้น 42.0% ส่วนแบ่งตลาด 30.1%*
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 5,987 คัน ลดลง 6.1% ส่วนแบ่งตลาด 8.2%*
4.) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)
ปริมาณการขาย 58,724 คัน เพิ่มขึ้น 16.4%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 20,158 คัน เพิ่มขึ้น 44.2% ส่วนแบ่งตลาด 34.3%*
อันดับที่ 2 โตโยต้า 19,429 คัน เพิ่มขึ้น 7.5% ส่วนแบ่งตลาด 33.1%*
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 5,987 คัน ลดลง 6.1% ส่วนแบ่งตลาด 10.2%*
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 7,198 คัน
โตโยต้า 2,324 คัน – มิตซูบิชิ 1,486 คัน – อีซูซุ 1,393 คัน – ฟอร์ด 955 คัน* – เชฟโรเลต 728 คัน
5.) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 51,526 คัน เพิ่มขึ้น 21.1%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 18,765 คัน เพิ่มขึ้น 48.3% ส่วนแบ่งตลาด 36.4%*
อันดับที่ 2 โตโยต้า 17,105 คัน เพิ่มขึ้น 16.4% ส่วนแบ่งตลาด 33.2%*
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 4,928 คัน* ลดลง 8.7%* ส่วนแบ่งตลาด 9.6%*
*หมายเหตุ: สถิติการจำหน่ายรถยนต์รวมปี 2561 เป็นตัวเลขประมาณการ ณ วันที่ 21 มกราคม 2562
สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – ธันวาคม 2561*
1.) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 1,039,158 คัน เพิ่มขึ้น 19.2%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 315,113 คัน เพิ่มขึ้น 31.2% ส่วนแบ่งตลาด 30.3%*
อันดับที่ 2 อีซูซุ 177,864 คัน เพิ่มขึ้น 10.8% ส่วนแบ่งตลาด 17.1%*
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 128,290 คัน เพิ่มขึ้น 0.4% ส่วนแบ่งตลาด 12.3%*
2.) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 397,542 คัน เพิ่มขึ้น 14.8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 112,394 คัน เพิ่มขึ้น 16.3% ส่วนแบ่งตลาด 28.3%*
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 95,793 คัน เพิ่มขึ้น 0.8% ส่วนแบ่งตลาด 24.1%*
อันดับที่ 3 มาสด้า 51,257 คัน เพิ่มขึ้น 39.4% ส่วนแบ่งตลาด 12.9%*
3.) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 641,616 คัน เพิ่มขึ้น 22.1%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 202,719 คัน เพิ่มขึ้น 41.2% ส่วนแบ่งตลาด 31.6%*
อันดับที่ 2 อีซูซุ 177,864 คัน เพิ่มขึ้น 10.8% ส่วนแบ่งตลาด 27.7%*
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 65,842 คัน* เพิ่มขึ้น 18.5%* ส่วนแบ่งตลาด 10.3%*
4.) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)
ปริมาณการขาย 511,676 คัน เพิ่มขึ้น 20.6%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 177,047 คัน เพิ่มขึ้น 32.7% ส่วนแบ่งตลาด 34.6%*
อันดับที่ 2 อีซูซุ 162,132 คัน เพิ่มขึ้น 10.9% ส่วนแบ่งตลาด 31.7%*
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 65,145 คัน เพิ่มขึ้น 23.7% ส่วนแบ่งตลาด 12.7 %*
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน : 64,607 คัน
โตโยต้า 26,119 คัน – มิตซูบิชิ 12,982 คัน – อีซูซุ 12,554 คัน – ฟอร์ด 9,628 คัน* – เชฟโรเลต 2,196 คัน
5.) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 447,069 คัน เพิ่มขึ้น 22.6%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 150,928 คัน เพิ่มขึ้น 37.2% ส่วนแบ่งตลาด 33.8%*
อันดับที่ 2 อีซูซุ 149,578 คัน เพิ่มขึ้น 11.8% ส่วนแบ่งตลาด 33.5%*
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 55,517 คัน* เพิ่มขึ้น 24.7% * ส่วนแบ่งตลาด 12.4%*
*หมายเหตุ: สถิติการจำหน่ายรถยนต์รวมปี 2561 เป็นตัวเลขประมาณการ ณ วันที่ 21 มกราคม 2562