‘มิชลิน’ และ ‘โฟเรอเซีย’ จัดตั้งบริษัทร่วมทุนอย่างเป็นทางการ
มุ่งก้าวสู่ความเป็นผู้นำระดับโลกด้านการสัญจรด้วยพลังงานไฮโดรเจน
มิชลิน ผู้นำระดับโลกด้านยางรถยนต์และการสัญจรอย่างยั่งยืน และ โฟเรอเซีย (Faurecia) ผู้นำทางเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรมยานยนต์ ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นร่วมกันอย่างเป็นทางการ ภายใต้ชื่อ ซิมบิโอ, อะ โฟเรอเซีย มิชลิน ไฮโดรเจน คอมพานี (Symbio, A Faurecia Michelin Hydrogen Company) โดยบริษัทร่วมทุนแห่งนี้ผสานกิจกรรมการดำเนินง
บริษัทร่วมทุนดังกล่าวจัดตั้งขึ้นท่ามกลางระบบนิเวศเฉพาะ โดยมุ่งพัฒนา ผลิต และทำตลาดเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนสำหรับยานยนต์ขนาดเล็ก ยานยนต์และรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ ตลอดจนเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electromobility)
บริษัทร่วมทุนบนฐานทักษะความชำนาญเฉพาะด้าน
การดำเนินงานที่ส่งเสริมซึ่งกันและกันระหว่างมิชลินและโฟเรอเซียส่งานที่เกี่ยวข้องกับเซลล์เชื้อเพลิงของทั้งมิชลินและโฟเรอเซียเข้าด้วยกัน เพื่อมุ่งก้าวสู่ความเป็นผู้นำระดับโลกด้านการสัญจรด้วยพลังงานไฮโดรเจนผลให้สามารถนำเสนอระบบเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนเพื่อการสัญจรได้ครอบคลุมทุกรูปแบบอย่างสมบูรณ์ โดยโฟเรอเซียสนับสนุนความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการสัญจรด้วยพลังงานไฮโดรเจน ตลอดจนผลงานการวิจัยและพัฒนาที่ได้จัดทำร่วมกับคณะกรรมาธิการพลังงานปรมาณูแห่งประเทศฝรั่งเศส (French Atomic Energy Commission: CEA) ขณะที่มิชลินสนับสนุนทักษะความชำนาญผ่านซิมบิโอซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่ดำเนินกิจการผลิตและจัดส่งชุดเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ให้บริการต่างๆ รวมทั้งรับงานออกแบบและผลิตหลายรูปแบบ
มุ่งสู่เป้าหมายระดับโลก
ในเบื้องต้น มิชลินและโฟเรอเซียจะทุ่มงบลงทุน 140 ล้านยูโรในบริษัทร่วมทุนแห่งนี้ เพื่อเร่งให้เกิดการพัฒนาเซลล์เชื้อเพลิงเจเนอเรชั่นใหม่ การผลิตสินค้าในปริมาณมาก ตลอดจนการขยายธุรกิจในยุโรป ประเทศจีน และสหรัฐอเมริกา ซิมบิโอ, อะ โฟเรอเซีย มิชลิน ไฮโดรเจน คอมพานี ตั้งเป้าครองส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 25 และสร้างผลประกอบการให้ได้ถึงราว 1.5 พันล้านยูโร ภายในปี 2573 เมื่อพัฒนาเต็มศักยภาพ บริษัทร่วมทุนแห่งนี้จะมีพื้นที่ปฏิบัติการทางอุตสาหกรรมรวม 3 แห่ง ทำหน้าที่จัดส่งสินค้าไปยังตลาดยานยนต์หลักๆ ทั่วโลก ได้แก่ ยุโรป เอเชีย และสหรัฐอเมริกา
ความต้องการเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงปีนี้ถึงปี 2573 โดยมีจำนวนยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฮโดรเจนอยู่ที่ 2 ล้านคัน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นรถบรรทุก 350,000 คัน เนื่องจากเทคโนโลยีไฮโดรเจนเป็นโซลูชั่นเพื่อการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ (Zero Emission Solution) เพียงประการเดียวที่ส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (Battery-Powered Electric Cars) จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเร่งให้เกิดการนำเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าไปใช้งานจริง และต่อการรับมือกับประเด็นท้าทายหลัก 3 ประการ ได้แก่ การปรับปรุงคุณภาพอากาศ การลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน
การกำกับดูแลร่วมกันแบบผู้เชี่ยวชาญ
ซิมบิโอ, อะ โฟเรอเซีย มิชลิน ไฮโดรเจน คอมพานี ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนในสัดส่วนเท่ากันระหว่างมิชลินและโฟเรอเซีย มีการกำกับดูแลกิจการโดยทีมผู้บริหารของมิชลิน โฟเรอเซีย และซิมบิโอ ซึ่งมีประสบการณ์คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมยานยนต์และการบริหารธุรกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ โดยมี ฟาบิโอ เฟอร์รารี (Fabio Ferrari) ดำรงตำแหน่ง “ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร” และ กีโยม ซัลโว (Guillaume Salvo) อดีตผู้อำนวยการสายผลิตภัณฑ์สำหรับยานยนต์ขนาดเล็กของโฟเรอเซีย ดำรงตำแหน่ง “ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ”
ฟลอรองต์ เมอเนโกซ์ (Florent Menegaux) ประธานกลุ่มมิชลิน กล่าวว่า “การพัฒนาการสัญจรด้วยพลังงานไฮโดรเจนเป็นเสมือนภาพสะท้อนเป้าหมายทางการเติบโตของมิชลิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านวัสดุไฮเทค อีกทั้งกลยุทธ์นี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ที่กว้างขึ้นในเรื่องการสัญจรที่สามารถเข้าถึงได้ในวงกว้างและยั่งยืนยิ่งกว่า การประสานพันธมิตรอย่างเป็นทางการกับผู้มีบทบาทรายหลักอย่างโฟเรอเซียในวันนี้ถือว่าตอบโจทย์เป้าหมายทั้งสองเรื่องของเราได้อย่างตรงจุด”
ด้าน แพทริก โคลเลอร์ (Patrick Koller) ประธานกรรมการบริหารของโฟเรอเซีย เปิดเผยว่า “การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นอย่างเป็นทางการร่วมกับมิชลินเป็นอีกก้าวที่สำคัญทางกลยุทธ์ของโฟเรอเซียซึ่งมุ่งสู่ความเป็นผู้นำระดับโลกด้านระบบไฮโดรเจน ความเชี่ยวชาญและโมเดลธุรกิจของโฟเรอเซียและมิชลินซึ่งเกื้อหนุนกันและกันในบริบทของระบบนิเวศเชิงสร้างสรรค์จะเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยให้เราสามารถตอบสนองลูกค้าและผู้บริโภคที่ต้องการเห็นเทคโนโลยีที่ปลอดมลพิษ (Zero Emission Technologies) ในราคาที่เอื้อมถึงออกวางตลาดในเวลาอันรวดเร็ว”
ฟาบิโอ เฟอร์รารี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ซิมบิโอ, อะ โฟเรอเซีย มิชลิน ไฮโดรเจน คอมพานี กล่าวเสริมว่า “เป็นเวลาเกือบ 10 ปีแล้วที่ผมร่วมก่อตั้งโครงการซิมบิโอขึ้นเพื่อสร้างโลกที่อิสระในการสัญจรมาพร้อมกับการปลอดมลพิษ การต่อยอดจัดตั้งบริษัทร่วมทุนครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าทั้งมิชลินและโฟเรอเซียต่างมีวิสัยทัศน์สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน…จึงเป็นการร่วมกันขับเคลื่อนสู่อนาคตอย่างทรงพลังที่สุด”
ในโอกาสนี้ ซิมบิโอ, อะ โฟเรอเซีย มิชลิน ไฮโดรเจน คอมพานี ได้ปรับอัตลักษณ์ด้านภาพ (Visual Identity) ด้วยการออกแบบโลโก้ (Logo) และสร้างสรรค์เอกลักษณ์เฉพาะตัว (Signature) รูปแบบใหม่ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของผู้ถือหุ้นที่ต้องการรักษาอัตลักษณ์องค์กรและต่อยอดแบรนด์ซึ่งเป็นที่รู้จักแพร่หลายอยู่แล้วในกลุ่มผู้มีบทบาทด้านการสัญจรด้วยพลังงานไฮโดรเจน