‘ซูซูกิ’ร่วมรณรงค์ลดก๊าซเรือนกระจก พร้อมรับรางวัลจากกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม
สานต่อแนวคิดอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
นายมิโนรุ อามาโนะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ซูซูกิดำเนินธุรกิจในประเทศไทย นอกจากความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์ประหยัดพลังงานแล้ว ยังคงมุ่งเน้นที่จะลดระดับมลพิษและปริมาณของเสียที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งจากกระบวนการผลิตไปจนถึงผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายไปยังผู้บริโภคมาโดยตลอด อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่ได้มีส่วนร่วมในการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ภายใต้โครงการ “สนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก” (Low Emission Support Scheme: LESS) ขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากความมุ่งมั่นในการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน ล่าสุดมติคณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการและกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก เห็นชอบให้มอบประกาศนียบัตรให้แก่ ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) เพื่อเชิดชูเกียรติผู้ประกอบการที่เป็นตัวอย่างที่ดีในการบริหารจัดการและลดก๊าซเรือนกระจกภายในประเทศ ภายในงาน “ร้อยดวงใจ ร่วมใจลดโลกร้อน” ประจำปี 2562 ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 19 กันยายน 2562 ณ โรงแรม เดอะเบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ กรุงเทพฯ
“นับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของซูซูกิที่ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดก๊าซเรือนกระจกภายในประเทศ และเป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นในการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนต่อสังคมไทย”
นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารด้านการขายและการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การเข้าร่วมโครงการ “สนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก” (Low Emission Support Scheme: LESS) ขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นอีกหนึ่งแนวทางสำคัญที่สานต่อแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมของซูซูกิได้เป็นอย่างดี โดยซูซูกิได้ดำเนินกิจกรรม การคัดแยกขยะเพื่อรีไซเคิล เช่น การนำเศษเหล็กจากการปั๊มขึ้นรูปโครงรถไป Recycle, ชิ้นส่วนอลูมิเนียมและเหล็กจากกลึงเครื่องยนต์นำไป Recycle และ Reuse กล่องบรรจุชิ้นงาน อีกทั้งยังรวมไปถึงการคัดแยกขยะอุปโภคบริโภค แบ่งเป็น 6 ประเภท ประกอบด้วย ขยะมูลฝอย, กระป๋องเหล็ก, กระป๋องอลูมิเนียม, ขวดพลาสติก, ขวดแก้ว และกล่องเครื่องดื่ม จากระยะเวลาการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม–31 ธันวาคม 2561 สามารถช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 7,430,660 kgCO2e ทั้งนี้ การเข้าร่วมโครงการดังกล่าว ยังถือเป็นการรณรงค์ให้พนักงานในองค์กรมีจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น พร้อมที่จะส่งต่อแนวคิดดังกล่าวไปยังลูกค้าที่เข้ามารับบริการให้ตระหนักถึงคุณค่าของพลังงานและใส่ใจด้านการลดมลภาวะที่จะถูกปล่อยออกไปสู่สังคมต่อไป
ช่องทางติดต่อทางออนไลน์