ซับเวย์ x ชาอึนอู ทุ่มงบการตลาด กว่า 30 ล้านบาท
ปูพรมแคมเปญการตลาดสุดปัง ย้ำจุดยืน Eat Fresh, Feel Good
ตลาดธุรกิจประเภทร้านอาหารบริการด่วน (QSR) ในเมืองไทยเตรียมระอุ เมื่อซับเวย์ ประเทศไทย (Subway Thailand) ภายใต้การบริหารของบริษัท โกลัค จำกัด บริษัทย่อยบมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี หรือ PTG ซึ่งได้รับสิทธิ์มาสเตอร์ แฟรนไชส์ ซับเวย์ ในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว เดินหน้าเปิดเกมรุกครั้งใหญ่ ทุ่มงบการตลาดกว่า 100 ล้านบาทต่อปี ขยายฐานลูกค้าให้เข้าถึงทุกเจนฯ ที่มองหาอาหารจานด่วนแบบสุขภาพดี อร่อยได้แบบไม่รู้สึกผิด Eat Fresh Feel Good ประเดิมด้วยแคมเปญการตลาดสุดปัง ซับเวย์ x ชาอึนอู คว้าสิทธิ์ในการดึง ชาอึนอู แบรนด์แอมบาสเดอร์ของซับเวย์ เอเชียแปซิฟิค (APAC) ยกเว้น ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ มาต่อยอดการทำแคมเปญการตลาดในประเทศไทย พร้อมจับมือพันธมิตรอย่าง เอไอเอส (AIS) เปิดตัว Subway Pop Up Store แห่งแรก ใจกลางสยามสแควร์ ที่ชั้น 1 ตึก AIS SIAM
เพชรัตน์ อุทัยสาง กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลัค จำกัด กล่าวว่า หลังจากบริษัทได้รับสิทธิ์มาสเตอร์แฟรนไชส์ซับเวย์ในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว หนึ่งในแบรนด์ร้านอาหารใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทางบริษัทก็เร่งเดินหน้ากลยุทธ์ เพื่อขยายสาขาและขยายฐานลูกค้าซับเวย์ ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ ทางบริษัทได้วางงบการตลาดไว้ทั้งสิ้นมากกว่า 100 ล้านบาท ประเดิมด้วยแคมเปญแรกของปี ที่ทุ่มงบ 30 ล้านบาทเพื่อตอกย้ำจุดยืนของซับเวย์ทั่วโลก ที่ว่า “Eat Fresh, Feel Good” ดึงชาอึนอู แบรนด์แอมบาสเดอร์ของซับเวย์ เอเชียแปซิฟิค (APAC) ยกเว้นออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ มาต่อยอดการสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดในประเทศไทย เพื่อเอาใจเหล่าแฟนคลับชาอึนอู รวมถึงลูกค้าของซับเวย์
‘ที่ผ่านมา แฟนๆชาอึนอู และซับเวย์ในประเทศไทย มีกระแสเรียกร้องอย่างต่อเนื่อง ว่าอยากให้ซับเวย์ ประเทศไทยมีชาอึนอูบ้าง เราจึงพยายามดีลกับบริษัทแม่อย่างเต็มที่ จนในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ แม้ว่าเบื้องหลังความสำเร็จนี้จะไม่ง่ายเลย แต่เพื่อแลกกับการได้เห็นรอยยิ้มของแฟนๆ ชาอินอู และซับเวย์ก็ถือว่าคุ้มค่า เป็นของขวัญสุดพิเศษ ที่เราตั้งใจมอบให้กับแฟนๆ ซับเวย์ทุกคน”
เพชรัตน์ ยังเผยถึงความพิเศษของแคมเปญซับเวย์ x ชาอึนอู ในครั้งนี้ว่า บริษัททุ่มงบกว่า 30 ล้านบาท เพื่อปูพรมทำการตลาด ทั้ง On Ground และ Online อุ่นเครื่องด้วยการสร้างกระแสไวรัลบนโลกออนไลน์ ด้วยภาพ ชาอึนอูถือซับเวย์ พร้อมข้อความ “สวัสดี โอปป้า” ควบคู่ไปกับการโปรโมตผ่านป้ายบิลบอร์ดกว่า 160 จอ ทั่วกรุงเทพฯ พร้อมจัดของขวัญสุดพิเศษให้ลูกค้า ที่มาใช้บริการที่ซับเวย์ทั้ง 148 สาขาทั่วประเทศ สามารถสแกน QR CODE และนำรหัสที่อยู่ในใบเสร็จ ซึ่งไม่มีการจำกัดมูลค่าขั้นต่ำ มากรอก พร้อมตอบคำถามง่ายๆ ก็จะได้รับสิทธิ์ในการโหลดดิจิทัลวอลเปเปอร์ของชาอึนอู ที่ออกแบบมาเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะประเทศไทยไปครอง โดยดิจิทัลวอลเปเปอร์ดังกล่าว มีให้เลือกสะสมทั้งสิ้น 4 แบบ โดยจะเปิดให้โหลด 1 แบบต่อสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม ถึง 28 มิถุนายน 2567
นอกจากนี้ เพื่อให้สมกับเป็นแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ที่หลายคนตั้งตารอ ซับเวย์ ยังจับมือกับ เอไอเอส (AIS) ผู้ให้บริการเครือข่ายอันดับหนึ่งของประเทศ เปิดตัว Pop Up Store แห่งแรกของแบรนด์ ณ ชั้น 1 ตึก AIS SIAM ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คใจกลางสยาม โดยในช่วงที่มีแคมเปญชาอึนอู ทางแบรนด์ได้จัดทำสแตนดี้ชาอึนอูแบบเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะที่ Subway Pop up Store AIS SIAM เพื่อให้แฟนๆ ได้มาร่วมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกถึงวันที่ 28 มิถุนายนนี้เท่านั้น พร้อมมอบสิทธิพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟ Subway Pop Up Store @ AIS SIAM โดยลูกค้าของเอไอเอส สามารถใช้ AIS Point 20 คะแนน รับฟรี คุกกี้ 1 ชิ้น (มูลค่า 39 บาท) หรือใช้ AIS Point 30 คะแนน แลกซื้อแซนด์วิชขนาด 6 นิ้ว ในราคาพิเศษ 69 บาท (จากปกติ 129 บาท) ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. – 31 ก.ค. 2567
และลูกค้าบัตร PT Max Card สามารถใช้ Max Point 1 คะแนน แลกซื้อคุกกี้ 1 ชิ้น ในราคาพิเศษ 9 บาท (มูลค่า 39 บาท) หรือ ใช้ Max Point 9 คะแนน แลกซื้อแซนวิชขนาด 6 นิ้ว ในราคาพิเศษ 69 บาท (มูลค่า 129 บาท) หรือ ใช้ Max Point 9 คะแนน แลกซื้อแซนวิชขนาด 6 นิ้ว และคุกกี้ 1 ชิ้น ในราคาพิเศษ 79 บาท (มูลค่า 168 บาท) ตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย. –31 ก.ค. 2567
“อีกหนึ่งความพิเศษของ Pop Up Store ที่อยากชวนให้ทุกคนมเช็กอิน คือ เรายกทัพเมนูยอดฮิตของซับเวย์ มาให้เลือกอิ่มอร่อย แบบสุขภาพดี โดยไม่ต้องรู้สึกผิด อร่อยชัวร์ตามสูตรไม่ต้องเลือกอาทิ ชุดบาร์บีคิวไก่, ชุดไก่เทอริยากิ, ชุดซับเวย์ เมลท์ รวมถึง ชุดสเต็กและชีส ฯลฯ ทั้งอิ่ม สะดวก และรวดเร็ว หรือลูกค้าจะเลือกอิ่มอร่อย แบบ DIY เมนูในแบบที่ชอบก็ได้ ที่สำคัญ ยังมีเมนูเอ็กซ์คลูซีฟของซับเวย์ ประเทศไทย ที่จะจำหน่ายเฉพาะที่ Pop Up Store แห่งนี้อีกด้วย โดย Pop Up Store จะเปิดให้บริการ ตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายน จนถึง 31 กรกฎาคม 2567
ทั้งนี้ เพชรัตน์ คาดว่า แคมเปญซับเวย์ x ชาอึนอู และ การเปิด Pop Up Store แห่งแรกใจกลางสยามสแควร์ จะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ และทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์ซับเวย์สามารถเข้าถึงง่ายยิ่งขึ้น โดยเหตุผลที่เลือกทดลองเปิด Pop Up Store ที่สยามสแควร์ เพราะเป็นจุดเชื่อมโยงทุกเจนเนเรชั่น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเด็ก วัยรุ่น หรือ ครอบครัว ซึ่งสอดคล้องกับจุดแข็งของซับเวย์ ที่เป็นทางเลือกเพื่อสุขภาพ มาเสิร์ฟความอร่อย สด ใหม่ ภายใต้แนวคิด Eat Fresh Feel Good ด้วยวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม ที่ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ซับเวย์เป็นร้านอาหารบริการด่วนแบรนด์เดียว ที่นำเข้าขนมปังจากต่างประเทศ (แป้งโดว์ Dough) มา อบ สด ใหม่ ในร้านทุกวัน มีให้เลือกมากถึง 5 ชนิด รวมถึงขนมปังโฮลวีต มีเนื้อสัตว์หลากหลาย เช่น ทูน่า ไก่ เนื้อ ที่ไม่ผ่านการแปรรูปรวมทั้งโปรตีนอื่นๆมากถึง 15 ชนิด พร้อมผักสดหลากหลาย มีซอสให้เลือกมากถึง 12 แบบ โดยลูกค้าสามารถเลือกทานได้ทั้งในรูปแบบ แซนด์วิช แรป หรือสลัด พร้อมคุกกี้ 4 รสชาติ
อย่างไรก็ตาม เพชรัตน์ ย้ำว่า นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นในการเดินหน้ากลยุทธ์การตลาดของแบรนด์ หลังจากนี้ จะยังเดินหน้าสร้างการรับรู้ของแบรนด์ให้ลูกค้าลองและมีประสบการณ์กับสินค้า โดยเน้น Value Campaign เพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มการกลับมาซื้อซ้ำ โดยมีการนำเสนอขายคอมโบเป็นชุดรวมทั้งโปรโมชั่นต่างๆ และเพิ่มความหลากหลายของเมนู Snacks และ Finger Foods พร้อมกับใช้ Ecosystem ที่แข็งแกร่งของ PTG จากฐานลูกค้าสมาชิกบัตร PT Max Card ที่มีสมาชิกมากกว่า 21 ล้านคน ในการทำ CRM และขยายฐานลูกค้าผ่านทั้งช่องทาง Traditional & Online ซึ่งเป็นเหมือนน่านน้ำใหม่ๆ ให้ซับเวย์เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น และรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยทางแบรนด์จะมีการจัดโปรโมชั่นดีๆ มาให้ลูกค้าได้มาเบิร์นแต้มแบบคุ้มๆ ตลอดทั้งปี โดยเชื่อว่า เมื่อลูกค้าได้มาลองเปิดประสบการณ์กับซับเวย์ จะติดใจและกลายเป็นลูกค้าประจำ
อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ซับเวย์ ประเทศไทย ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน คือ การเดินหน้าขยายสาขา ปัจจุบันซับเวย์ในประเทศไทยมีสาขาทั้งหมด 148 สาขา และตั้งเป้าจะขยายมากกว่า 500 สาขาใน 10 ปี โดยจะเน้นขยายสาขาทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑล แหล่งท่องเที่ยว รวมไปถึงหัวเมืองหลักทั่วประเทศ สำหรับรูปแบบของสาขามีทั้งในห้างสรรพสินค้า ช็อปปิ้ง มอลล์, คอมมิวนิตี้ มอลล์, ตึกสำนักงาน, โรงพยาบาล, สนามบิน รวมทั้งรูปแบบที่เป็น Stand Alone และ ไดร์ฟทรู ( Drive Thru) เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าและสร้างการเข้าถึงร้านซับเวย์ให้ง่ายและสะดวกขึ้น โดยทางบริษัทฯจะเปิดซับเวย์ ไดร์ฟทรูสาขาแรกในประเทศไทย ภายในสถานีบริการน้ำมันเรือธงของ PT ที่นครชัยศรี จ.นครปฐม ในช่วงปลายปีนี้
เพชรัตน์ ยังเสริมด้วยว่า ตั้งแต่ช่วงโควิคที่ผ่านมาพฤติกรรมผู้บริโภคในกรุงเทพฯและปริมณฑลรวมทั้งหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด และเมืองท่องเที่ยว อย่าง พัทยา ภูเก็ต และเชียงใหม่ หันมาใช้บริการสั่งอาหารผ่านช่องทางเดลิเวอรี่เป็นจำนวนมาก และยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยซับเวย์มียอดขายผ่านช่องทางเดลิเวอรี่มากกว่า 40% ดังนั้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มนี้ ทางบริษัทฯจึงขยายสาขาผ่านโมเดลใหม่ อย่าง “Ghost Kitchen” ที่ไม่มีหน้าร้าน โดยจะเน้นเปิดในพื้นที่ในเมืองเป็นหลัก เพื่อให้บริการเฉพาะช่องทางเดลิเวอรี่ และบริการสั่งล่วงหน้าแล้วมารับ (Order & Pick up)
“คอนเซ็ปต์ในการขยายสาขาใหม่จากนี้ จะตกแต่งด้วยแนวคิด “Fresh Forward 2.0” ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ของซับเวย์ทั่วโลก ที่ปรับลุคให้บรรยากาศร้านดูสดใสขึ้น ที่สำคัญเปิดโอกาสให้เราสามารถนำเอกลักษณ์และวัฒนธรรมของไทยมาผสมผสานในการออกแบบได้อย่างลงตัว และเข้าถึงคนไทยมากยิ่งขึ้น โดยประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ตกแต่งด้วยแนวคิดดังกล่าว สำหรับสาขาแรกที่จะมาพร้อมคอนเซ็ปต์ใหม่ ประเดิมที่สาขา CW Tower โดยจะเปิดให้บริการในเดือนกรกฎาคมนี้ เรายังมีความมุ่งมั่นในการเพิ่มการเข้าถึงลูกค้าผ่านการขยายสาขาในรูปแบบต่างๆ พร้อมมุ่งเน้น Digital Platform ให้แข็งแกร่งผ่านทั้งช่องทาง Online , Mobile Application, Self Ordering Kiosk , QR code ordering , Order and Pick Up , E-Wallet, Vending Machine ตลอดจนกลยุทธ์ CRM ต่างๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วให้ลูกค้าที่มาใช้บริการ รวมทั้งการเพิ่มฐานลูกค้าด้วย”
สำหรับเป้าหมายในอนาคต เพชรัตน์ ยังมุ่งมั่นพิชิตเป้าหมายใหญ่ ที่ต้องการขึ้นแท่น TOP 3 ตลาด QSR ในไทยภายใน 3 ปี “หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เรายิ่งเห็นพฤติกรรมของลูกค้าที่หันมาให้ความสำคัญกับการเลือกทานอาหารสุขภาพที่มาพร้อมความอร่อย สะดวก รวดเร็ว และไม่อยากรู้สึกผิดในการกิน พร้อมงานวิจัยจากทุกภูมิภาคในโลก ผู้บริโภคต้องการทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ทำให้ดีต่อใจ ดังนั้น ด้วยจุดแข็งของซับเวย์ ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “Eat Fresh, Feel Good” จึงตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดีในฐานะ Healthy choice เดียวใน QSR ที่ต่อให้จะเป็นทะเลเลือด (Red Ocean) แต่เรากลับอยู่ใน Blue Ocean ที่มีคู่แข่งในตลาดค่อนข้างน้อย หรือต่อให้ในอนาคตจะมีคู่แข่งเข้ามาในตลาด เราก็ยินดี ที่มีผู้เล่นเข้ามาช่วยกันทำให้ตลาดโตมากยิ่งขึ้น ช่วยกันนำเสนอทางเลือกให้คนไทยได้เข้าถึงอาหารจานด่วนแบบสุขภาพดี อร่อยได้แบบไม่รู้สึกผิด และมีคุณภาพชีวิตที่ดี” เพชรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย