Stellantis โชว์ผลงานชิ้นโบว์แดงสู่เวทีระดับโลก ในงาน Paris Motor Show 2024
พร้อมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าดีไซน์หรูหราและเทคโนโลยีล้ำสมัยครบครัน
- Citroën, Peugeot และ Alfa Romeo นำเสนอรถ BEV รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมสมรรถนะและระยะในการขับขี่ที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น
- Leapmotor เปิดตัวSUV B10 ขนาดกะทัดรัดรุ่นแรกบนเวทีระดับโลก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มใหม่ในตระกูลซีรี่ย์ B ของแบรนด์
- แบรนด์ต่างๆ ในเครือ Stellantis ที่เข้าร่วมงานParis Motor Show 2024 มีนโยบายที่จะผลักดันและเดินหน้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มีพลังงานสะอาด ระบบการขับขี่ที่ปลอดภัย และราคาที่สามารถแข่งขันในตลาดได้
สุดยอดนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้ามารวมตัวกันที่บูธของ Citroën, Peugeot และ Alfa Romeo ในงาน Paris Motor Show 2024 (Mondial de l’Auto) เมื่อแบรนด์ในเครือ Stellantis เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่และอัปเกรดรุ่นเดิม พร้อมจัดแสดงให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสถึงนวัตกรรมแห่งรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งเรื่องความปลอดภัย และเรื่องราคาที่แข่งขันได้ในตลาด
นอกจากนี้ Leapmotor International ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนใหม่ โดย Stellantis ร่วมมือกับ Leapmotor ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน เพื่อนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่มีเทคโนโลยีอัจฉริยะขั้นสูงสุดและราคาที่แข่งขันได้ ออกสู่ตลาดโลก โดย Leapmotor ได้ทำการเปิดตัวรถไฟฟ้า SUV รุ่น B10 เป็นครั้งแรกบนเวทีระดับโลก และเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดในกลุ่มที่ความต้องการทางการตลาดเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
“แม้จะมีอุปสรรคในรอบโลกเกิดขึ้นมากมาย แต่ผู้บริโภคก็ยังคงเลือกแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีสมรรถนะอันยอดเยี่ยม และยังต้องการประสบการณ์ที่ดีในการขับขี่”
Mr. Carlos Tavares, CEO ของ Stellantis กล่าวว่า “เราต้องยอมรับความท้าทายที่กำลังเผชิญอยู่ข้างหน้านี้และตระหนักถึงความรับผิดชอบอย่างลึกซึ้งที่เรามีต่อผู้บริโภคทั่วโลก รวมถึงประเทศฝรั่งเศส ที่ต้องการรถพลังงานสะอาด ปลอดภัย และมีราคาที่แข่งขันได้ในตลาด” ทั้งนี้ Stellantis ยังผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) 12 รุ่น ในโรงงาน 5 แห่ง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากโรงงานผลิตชิ้นส่วนทั้ง 7 แห่ง ในประเทศฝรั่งเศส
ประกาศถึงความกล้าหาญและความสำเร็จในครั้งนี้
- การเปิดตัวครั้งแรกของ Peugeot E-408และขยายไลน์การผลิต BEV ของแบรนด์เป็น 12 รุ่น โดยผู้เข้าร่วมงานยังได้สัมผัสรถรุ่น Long-range ของ Peugeot E-3008 (700 กม.) และ Peugeot E-5008 (668 กม.) ซึ่งในขณะนี้มีจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว
- Citroënรุกตลาดด้วยการเปิดตัวรถใหม่ 4 รุ่น ได้แก่ Citroën C4 และ C4 X ซึ่งทั้ง 2 รุ่นเป็นรถไฟฟ้าล้วน พร้อมกับรถยนต์ที่มีแนวคิดใหม่อย่าง C5 Aircross ซึ่งถือเป็นก้าวถัดไปของการเปลี่ยนแปลงในไลน์ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ นอกจากนี้แบรนด์ยังฉลองครบรอบ 4 ปี ของรถยนต์ไมโครโมบิลิตี้รุ่น Ami ด้วยการจัดแสดง Ami รุ่นใหม่ Adventurer Buggy Vision และการจัดแสดง Tower Display ภายในบูธ
- Alfa Romeoเปิดตัวรุ่น Junior Ibrida เป็นครั้งแรกของโลก กับรถสปอร์ตขนาดกะทัดรัดที่มีพละกำลัง 136 แรงม้า และรุ่น Elettrica ซึ่งมีให้เลือก 2 รุ่นย่อย คือ รุ่น 156 แรงม้า และ VELOCE ที่มีกำลัง 280 แรงม้า เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถให้ครบทุกไลน์อัพ สำหรับไฮไลท์การเปิดตัวในครั้งนี้จะมีการจัดแสดงรถยนต์รุ่นต่างๆ ของ Alfa Romeo ซึ่งรวมถึงการเปิดตัวรุ่น Tonale 2025 อีกด้วย
- นอกจากการเปิดตัว SUV B10 แล้ว ทาง Leapmotorยังจัดแสดงรถไฟฟ้าขนาดเล็กในกลุ่ม A-segment รุ่น T03 แบบ B-segment รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า SUV C10 ที่ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้รถที่ต้องการความทันสมัยและเทคโนโลยีสุดล้ำ พร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้ผ่านตัวแทนจำหน่ายของ Stellantis ที่ได้รับการคัดเลือกแล้วในประเทศแถบยุโรป อีกทั้งยังมี SUV C16 ที่มาพร้อมเทคโนโลยี 800V และความสามารถในการชาร์จเร็วที่สุดอีกด้วย
Mr. Carlos Tavares, CEO ของ Stellantis จะมีการประชุมและพูดคุยเกี่ยวกับความท้าทายในการเป็นตัวแทนจำหน่ายแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า ทั้งเรื่องความปลอดภัย และราคา ภายในงาน Paris Motor Show 2024 เมื่อวันอังคารที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา และยังมีการถ่ายทอดสดให้ได้รับชมกัน ผ่านทางช่อง YouTube และ LinkedIn ของ PFA
การเดินทางสู่เป้าหมาย Dare Forward 2030: กลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้าของ Stellantis ที่จัดแสดงในงาน Paris Motor Show2024 นับว่าเป็นแผนการดำเนินงานและสนับสนุนเป้าหมาย พร้อมทั้งกลยุทธ์กับแผน Dare Forward 2030 ซึ่งรวมถึง การเป็นบริษัทการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2038 โดยลดการปล่อยคาร์บอนลง 50% ภายในปี 2030 เมื่อเทียบกับสถิติในปี 2021
- การวางเป้าหมายให้รถยนต์นั่งส่วนบุคคลในยุโรปเป็น BEV ทั้งหมดภายในปี 2030 และครองสัดส่วน 50% ของการขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถบรรทุกไฟฟ้าในสหรัฐฯ ภายในสิ้นทศวรรษนี้
- การวางแผนที่จะนำเสนอรถ BEV มากกว่า 75 รุ่น และมียอดขายรถ BEV ทั่วโลกถึง 5 ล้านคันต่อปีภายในปี 2030