โรลส์-รอยซ์ สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี: 110 ปีแห่งการโบยบิน

โรลส์-รอยซ์ ได้จดทะเบียนสิทธิบัตรดีไซน์ของ ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ (Spirit of Ecstasy) เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2454 

สปิริต ออฟ เอ็กสตาซีคือ สัญลักษณ์ที่เป็นมากกว่าตัวแทนของบริษัทและยนตรกรรมของเรา สำหรับลูกค้าของเรานั้น เธอคือสัญลักษณ์ที่ทรงพลัง สื่อถึงชัยชนะ ความมุมานะ ความสำเร็จ และการยืนหยัด และเป็นสัญลักษณ์ที่จดจำได้ในทันทีในทุกที่ที่เธอเดินทางไป ความงามของเธอคือความเรียบง่าย สง่างามและหาได้ยากยิ่ง เธอคือทุกสิ่งที่ลูกค้าของเรามองหา และค้นพบในยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์ของพวกเขา 

ภายในองค์กรของเรา สปิริต ออฟ เอ็กสตาซีส่งเสริมความภาคภูมิใจและการเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทฯ การรวมเป็นหนึ่งเดียวและขับเคลื่อนครอบครัวทีมงานโรลส์-รอยซ์ของเราในทั่วทุกมุมโลก เธอทำให้เราตระหนักถึงสิ่งที่สืบทอดกันมา หลักการในการทำงาน และเป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ให้แก่พวกเราทุกคน ยนตรกรรมทุกคันที่เราได้รังสรรค์ขึ้นต้องคู่ควรกับเธอ เพราะเธอคือผู้ที่ทำให้ยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์ทุกคัน และบริษัทของเรามีเอกลักษณ์และสมบูรณ์แบบ

มร. ทอร์สตัน มูเลอร์ออทเวิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส 

โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส ฉลองครบรอบ 110 ปีของ ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’  สัญลักษณ์อย่างเป็นทางการของแบรนด์ ผลงานการออกแบบ ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’  นี้ได้ถูกจดสิทธิบัตรทรัพย์สินทางปัญญาเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2454 เป็นการกำเนิดอัตลักษณ์ของแบรนด์โรลส์-รอยซ์และสัญลักษณ์แห่งความหรูหราที่มีชื่อเสียง เป็นที่จดจำและเป็นที่ปรารถนามากที่สุดในโลก แทบจะไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดเกิดขึ้นตลอดเรื่องราวในช่วงชีวิตของเธอ เพราะ ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ นี้ยังคงผงาดโดดเด่นบนฝากระโปรงหน้าของยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์ทุกคันที่ผลิตขึ้น ณ สำนักงานใหญ่ของโรลส์-รอยซ์ในกู๊ดวูด

ดีไซน์ของเธอถูกพัฒนามาจากรูปปั้นสัมฤทธิ์ที่ชื่อว่า ‘วิสเปอร์’ รังสรรค์ขึ้นโดยมร. ชาร์ลส ไซค์ส ประติมากรและนักวาดภาพประกอบ ที่สร้างสรรค์ให้แก่ลอร์ดมองตากูแห่งบิวลี ผู้เป็นทั้งเจ้านายของเขาและเป็นผู้บุกเบิกด้านยานยนต์และเจ้าของยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์รุ่นแรกๆ รากฐานของบริษัทฯ เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างโลกยานยนต์เข้ากับโลกศิลปะยังคงสืบต่อมาจนถึงปัจจุบันผ่าน ‘มิวส์’ โครงการศิลปะของโรลส์-รอยซ์ โครงการที่เป็นผู้นำสำคัญแห่งโลกศิลปะภาพเคลื่อนไหว

รูปปั้น ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ ชิ้นแรกมีขนาดความสูง 7 นิ้ว (หรือ 18 ซม.)  ปัจจุบัน เธอมีขนาดเล็กลงมากมีความสูงเพียง 3¾ นิ้ว (หรือ 9.5 ซม.) เธอถูกเก็บซ่อนอย่างปลอดภัยไม่ให้ใครเห็นภายในฝากระโปรงหน้ารถจนกว่าเครื่องยนต์จะถูกสตาร์ทขึ้น และเธอก็จะค่อย ๆ เคลื่อนตัวด้วยกลไลทางวิศกวรรมที่เป็นที่รู้จักในนามของ ‘เดอะ ไรส์’ (The rise) ขึ้นมาอวดโฉมอย่างสง่างาม

 

จุดกำเนิดของสัญลักษณ์

ลอร์ดมองตากูแห่งบิวลี (ปีพ.ศ. 2409-2472) คือหนึ่งในผู้บุกเบิกด้านยานยนต์ของประเทศอังกฤษ ในฐานะผู้ก่อตั้งและบรรณาธิการนิตยสาร The Car Illustrated  เขาได้จ้างนักวาดภาพประกอบ มร. ชาร์ลส ไซค์ส  ต่อมาในปีพ.ศ. 2452  ลอร์ดมองตากูได้มอบหมายให้มร.ไซค์ส ผู้ซึ่งขณะนั้นก็เป็นประติมากรให้รังสรรค์มาสคอตสำหรับยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์  ซิลเวอร์ โกสต์ของเขา มร.ไซค์สได้สร้างสรรค์รูปปั้นสัมฤทธิ์ของหญิงสาวสวมเสื้อคลุมที่กำลังพัดปลิวโผบินไปข้างหน้า ที่เขาเรียกเธอว่า ‘วิสเปอร์’

ต่อมาไม่นาน เจ้าของยนตรกรรมรายอื่นก็ต่างต้องการมีสัญลักษณ์ประดับบนยนตรกรรมของตนเช่นกัน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่มร. คล็อด จอห์นสัน  (Claude Johnson) กรรมการผู้จัดการของโรลส์-รอยซ์  ในปีพ.ศ. 2454 มร.จอห์นสันมอบหมายให้มร.ไซค์ส ออกแบบมาสคอตสำหรับยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์อย่างเป็นทางการ เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของบริษัทและป้องกันมิให้เกิดการนำสัญลักษณ์อื่นที่ไม่เหมาะสมมาประดับบนตัวรถ มร.ไซค์สจึงได้พัฒนาและตีความหมายของรูปปั้น ‘วิสเปอร์’ ขึ้นใหม่จนกลายเป็นสัญลักษณ์ ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’

ผลงานการออกแบบได้รับการจดสิทธิบัตรทรัพย์สินทางปัญญาในปีพ.ศ. 2454 และได้กลายเป็นทั้งอัตลักษณ์ของแบรนด์โรลส์-รอยซ์ และเป็นสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียง เป็นที่จดจำและเป็นที่ปรารถนามากที่สุดโลก แต่เดิมรูปปั้นมีขนาดความสูง 7 นิ้ว (หรือ 18 ซม.)  ปัจจุบัน ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ มีขนาดเล็กลงมากโดยมีขนาดความสูงเพียง 3¾ นิ้ว (หรือ 9.5 ซม.)

ในช่วงยุค 70 เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนนบางประเทศได้พยายามสั่งห้ามการใช้มาสคอตประดับบนตัวรถ ตัวอย่างเช่น ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ลูกค้าไม่ได้รับอนุญาตให้ประดับสัญลักษณ์นี้บนรถ ทำให้ตอนที่รับมอบรถลูกค้าจะพบว่า ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ ของเขาถูกวางอยู่ในช่องเก็บของด้านหน้า  โรลส์-รอยซ์หาทางแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างชาญฉลาด โดยการติดตั้งมาสคอตบนฐานที่มีสปริงทำให้เธอสามารถหดตัวหลบลงไปด้านในเพื่อป้องอันตรายหากโดนกระแทกหรือสัมผัสอย่างรุนแรง กลไกการหดตัวนี้ได้ถูกพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งการเคลื่อนไหวของ ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ เป็นไปอย่างราบรื่นและสง่างาม กลไกนี้ถูกเรียกขานกันว่า ‘เดอะ ไรส์’ (The rise) ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์ทุกคันที่ได้รับการสร้างสรรค์โดยทีมงานหัตถศิลป์ในกู๊ดวูด   

จิตวิญญาณแห่งนวัตกรรม

‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ เกิดจากการหล่อขึ้นรูปซึ่งเป็นวิธีการเก่าแก่กว่า 5,000 ปีจวบจนกระทั่งปีพ.ศ. 2542 และเป็นที่น่าเหลือเชื่อที่มร.ชาร์ลส ไซค์ส และบุตรสาวของเขา โจเซฟีนได้ช่วยกันหล่อ สลักและตกแต่ง ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ ทุกชิ้นให้เสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์สวยงามจนถึงปีพ.ศ. 2482

ในการเตรียมงานเปิดตัวยนตรกรรมแฟนธอมในปีพ.ศ. 2546 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้ชุบชีวิต ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ ด้วยการใช้วิธีการหล่อขึ้นรูปสมัยใหม่โดยทำงานร่วมกับบริษัทผู้เชี่ยวชาญในเซาท์แฮมตัน ประเทศอังกฤษ

ขั้นตอนแรกคือการจัดวางองค์ประกอบของ ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ ต้นแบบในคอมพิวเตอร์ และค่อย ๆ ปรับแต่งและเพิ่มรายละเอียดเพื่อให้ได้ภาพ 3 มิติที่สมบูรณ์แบบ และเพื่อให้มั่นใจว่าทุกรายละเอียดจะถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างแม่นยำ แม่พิมพ์ฉีดถูกทำขึ้นโดยช่างฝีมือผู้มีทักษะที่ใช้คัตเตอร์ที่มีความหนาเพียง 0.2 มิลลิเมตรเท่านั้น เครื่องมือหล่อถูกใช้เพื่อให้ได้หุ่นขี้ผึ้งต้นแบบที่สมมาตรที่สุดก่อนที่จะเคลือบด้วยเซรามิก หลังจากเซรามิกแห้ง ขี้ผึ้งก็จะละลายเหลือไว้แต่ตัวแม่พิมพ์ที่สมบูรณ์สำหรับรอการขึ้นรูปครั้งต่อไป

‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ แต่ละชิ้นทำจากการเทเหล็กกล้าไร้สนิม (Stainless Steel) เหลวลงในแม่พิมพ์ที่อุณหภูมิ 1,600 องศาเซลเซียส เมื่อเหล็กกล้าเริ่มเย็นตัวลง แม่พิมพ์จะถูกเปิดออกเพื่ออวดโฉมของ ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ ที่งดงาม หลังจากนั้นจะถูกส่งไปยังแผนกตกแต่งขั้นตอนสุดท้ายที่ใช้วิธีการเสริมความแข็งให้กับโลหะ (Peening) รูปปั้นจะถูกขัดพื้นผิวแบบพ่นยิงโดยการใช้เม็ดเหล็กกล้าไร้สนิมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.04 มิลลิเมตรหลายล้านเม็ดขัดพื้นผิวโดยปราศจากรอยขีดข่วน

หลังจากผ่านขั้นตอนของการใช้เครื่องจักรแล้ว ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ จะถูกขัดขึ้นเงาเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนที่จะถูกตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ ที่สมบูรณ์เท่านั้นที่จะมีสิทธิได้ถูกประดับบนกระจังหน้าของยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์

รูปปั้น ‘วิสเปอร์’ ดั้งเดิม และสปิริต ออฟ เอ็กสตาซีชิ้นอื่น ๆ ของมร. ไซค์ส ถูกจัดแสดงในนิทรรศการถาวร ณ พิพิธภัณฑ์ ยานยนต์แห่งชาติในบิวลี ประเทศอังกฤษ 

การเฉลิมฉลองอย่างมีสไตล์

เมื่อเดือนมกราคม 2554 โรลส์-รอยซ์ได้เปิดตัว Spirit of Ecstasy Centenary Collection เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงนี้ คอลเล็กชันนี้นำเสนอสีตัวถังพิเศษ การผสมผสานของชนิดหนัง ไม้วีเนียร์ และรายละเอียดตกแต่งภายในสำหรับยนตรกรรมแฟนธอมสั่งทำพิเศษจำนวนจำกัดเพียง 100 คันเท่านั้น  โดยทั้ง 100 คันนี้ได้รับการตกแต่งด้วย ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ ที่สั่งทำขึ้นพิเศษด้วยเงินแท้ พร้อมข้อความที่ระลึก 6 แบบ (รวมดีไซน์ 2 แบบที่ถูกออกแบบขึ้นพิเศษสำหรับโรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส) ประทับบนฐานชุบทองดำเปล่งประกาย นอกจากนี้ โรลส์-รอยซ์ยังได้มอบหมายให้ แรนคิน ช่างภาพถ่ายรูปบุคคลและแฟชั่นชื่อดังชาวอังกฤษในการจัดทำชุดภาพถ่าย 100 ภาพที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’  

แรงบันดาลใจของแบรนด์

‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ ถูกรังสรรค์ขึ้นโดยมร. ชาร์ลส โรบินสัน ไซค์ส (ปีพ.ศ. 2418-2493) ศิลปินและนักวาดภาพประกอบที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จัก ผลงานออกแบบอันโดดเด่นสำหรับชิ้นงานโฆษณาและปกนิตยสารของเขาถูกเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์วิกตอเรียแอนด์อัลเบิร์ต (Victoria & Albert Museum) ที่มีชื่อเสียงในกรุงลอนดอน และนี่คือสิ่งที่ยังคงทำให้แบรนด์สามารถเชื่อมต่อกับโลกแห่งศิลปะมาโดยตลอด เพราะ ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ ทำหน้าที่เป็นแรงบันดาลใจและเป็นต้นกำเนิดแห่งความคิดสร้างสรรค์ให้แก่แบรนด์โรลส์-รอยซ์

ในปีพ.ศ. 2559 มร.ชาร์ลส ไคซิน (Charles Kaisin) นักออกแบบชาวเบลเยียมได้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะด้วยวิธีการพับกระดาษ 2,500 ชิ้น โดยใช้กระดาษเงินพับเป็นรูป ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ และนำมาประกอบเข้าด้วยกัน เพื่อเป็นการรำลึกถึงสัญลักษณ์ที่มีความโดดเด่นเป็นที่จดจำนี้

ความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับแวดวงศิลปะนั้นมีมายาวนาน และได้เพิ่มความแข็งแกร่งผ่าน มิวส์’ (MUSE) โครงการศิลปะของโรลส์-รอยซ์ และในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของมิวส์  ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี ชาเลนจ์’ (Spirit of Ecstasy Challenge) โครงการราย 2 ปี ได้ถูกจัดขึ้นเพื่อเชื้อเชิญศิลปินหน้าใหม่และเก่ามาร่วมกันปรับอัตลักษณ์ของ ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ ผ่านการเลือกใช้วัสดุ และวิธีการตามความถนัด

มองสู่อนาคต 

ในปีพ.ศ. 2563 ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ ได้ถูกปลุกและปรับรูปโฉมใหม่มาในนามของ ‘ดิ เอ็กซ์เพรสชัน’  (The Expression) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์โรลส์-รอยซ์ เธอปรากฏกายอย่างสง่างามราวกับความฝัน มีความร่วมสมัย และทันต่อเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งสะท้อนวิสัยทัศน์ของโรลส์-รอยซ์ในฐานะที่เป็นผู้นำด้านสินค้าลักชัวรีที่ทันสมัย