“สงขลา” จับมือ “พีทีจี เอ็นเนอยี” จัดแข่งรถปิดเมืองสุดยิ่งใหญ่
ระเบิดความมันส์สตรีทเซอร์กิต “พีที สงขลา กรังด์ปรีซ์”
“จังหวัดสงขลา” ร่วมกับ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” และ “พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน)” จับมือ “เอส 63 โปรเจค” เตรียมระเบิดความมันส์เทศกาลมอเตอร์สปอร์ตแบบปิดเมือง เนรมิตร “สตรีทเซอร์กิต” แห่งใหม่ของไทยอย่าง “พีที สงขลา กรังด์ปรีซ์” จัดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบสุดยิ่งใหญ่ “พีที แม็กซ์นิตรอน เรซซิ่ง ซีรีส์ 2023” หนุนการท่องเที่ยวเชิงกีฬากระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น ชวนแฟนความเร็วสัมผัสประสบการณ์กีฬาความเร็วแบบเต็มขั้น 18-22 ตุลาคมนี้ เอาใจชาวไทยเปิดเข้าชมฟรี
บริษัท เอส 63 โปรเจค จำกัด โปรโมเตอร์ศึกรถยนต์ทางเรียบรายการ “พีที แม็กซ์นิตรอน เรซซิ่ง ซีรีส์ 2023” ( PT Maxnitron Racing Series 2023) แถลงข่าวจัดการแข่งขันอย่างเป็นทางการในสนามแห่งใหม่ของไทยอย่าง “พีที สงขลา กรังด์ปรีซ์” ซึ่งถูกบรรจุเป็นสนามสุดท้ายของฤดูกาล ดวลความเร็วระหว่าง วันที่ 18-22 ตุลาคมนี้
โดยได้รับเกียรติจาก นายกองเอก พุทธ กฤชคงพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา, นายณฐภัทร สุขิตานนท์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมกิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, นายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริการส่วนจังหวัดสงขลา, นายสมชาย จันทรประทิน รองนายกเทศมนตรีนครสงขลา, พันตำรวจตรี ฐาปนันท์ อัครกันทรากร สารวัตรจราจรสถานีตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา และ นายฉลอง ติรไตรภูษิต ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ให้เกียรติร่วมเป็นสักขีพยานในงานแถลงข่าว
นายกองเอก พุทธ กฤชคงพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า “สงขลาเป็นจังหวัดที่มีความหลากหลายในด้านการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นทางธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา ความเป็นเอกลักษณ์ของเมืองเก่าสงขลาและเมืองชายแดน ทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะชาวมาเลเซีย, สิงคโปร์ และ อินโดนีเซีย เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้แต่ละปีธุรกิจด้านการท่องเที่ยว นำรายได้เข้าสู่ประเทศเป็นจำนวนมาก”
“การจัดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ พีที แม็กซ์นิตรอน เรซซิ่ง ซีรีส์ 2023 ในจังหวัดสงขลาครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการเป็นเมือง MICE CITY และ Sport City แล้ว ยังเป็นการสร้างสีสัน สร้างบรรยากาศให้กับเมืองสงขลา สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว โดยผ่านกิจกรรมต่างๆ มากมาย ซึ่งจะเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพของแหล่งท่องเที่ยวของสงขลา ให้มีความหลากหลายและน่าสนใจมากขึ้น”
ด้าน นายฉลอง ติรไตรภูษิต ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ PT มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนการแข่งขันสตรีท เซอร์กิต เป็นครั้งที่ 3 ครั้งแรกเราได้จัดกันที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ครั้งที่ 2 จ.นครราชสีมา และครั้งที่ 3 กำลังจะเกิดขึ้นที่ จ.สงขลา ภายใต้ชื่อรายการ พีที สงขลา กรังด์ปรีซ์ ในเดือนตุลาคมนี้”
“วัตถุประสงค์ในครั้งนี้ เราไม่คำนึงถึงผลกำไร โดยจะเปิดให้ชมฟรีตลอดการแข่งขัน พร้อมทั้งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการใน จ.สงขลา ให้มีรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวให้กับสงขลา ซึ่งตรงนี้จะเป็นส่วนนึงให้ผู้ประกอบการไม่ว่าจะเป็น ร้านค้า โรงแรมและสถานประกอบการต่างๆ มีรายได้เพิ่มขึ้นหลังจากที่ได้รับผลกระทบจากโควิดมาหลายปี ”
ขณะที่ นายศิลป์ ธีรนิติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส 63 โปรเจค จำกัด ประธานจัดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ พีที แม็กซ์นิตรอน เรซซิ่ง ซีรีส์ กล่าวว่า “เรามีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและยกระดับเยาวชนไทยที่มีความสามารถและศักยภาพในด้านมอเตอร์สปอร์ต เพื่อพัฒนาสู่นักกีฬาอาชีพในอนาคต นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายที่จะยกระดับ พีที แม็กซ์นิตรอน เรซซิ่ง ซีรีส์ ให้เป็นเรซระดับนานาชาติ (International Championship) ซึ่งถือเป็นการนำรายการแข่งขันของไทยไปสู่เวทีต่างประเทศในอนาคต เพื่อพัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ตของไทยให้อยู่ในระดับแนวหน้าของเอเชีย”
“สงขลา เป็นจังหวัดมีความพร้อมและศักยภาพที่จะเป็นสนามสตรีทเซอร์กิต แห่งใหม่ ซึ่งการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ พีที แม็กซ์นิตรอน เรซซิ่ง ซีรีส์ นอกจากจะเป็นการโฆษณาโปรโมทการท่องเที่ยวให้สงขลาแล้ว ยังเป็นการสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการในจังหวัด และยังสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้เข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดสงขลามากยิ่งขึ้น” นายศิลป์ เผย
สำหรับ การแข่งขัน พีที แม็กซ์นิตรอน เรซซิ่ง ซีรีส์ 2023 เป็นเรซมีความเข้มข้นในการลุ้นแชมป์ประจำปีอย่างมาก โดยประกอบด้วย รุ่น สยาม SIAM/CLUB RACE และซัพพอร์ตเรซอย่าง ฮอนด้า วันเมคเรซ (Honda One Make Race) ที่จัดโดย บริษัท กรังปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน )
ทั้งนี้ สนาม พีที สงขลา กรังด์ปรีซ์ (PT Songkla Grandprix) นับเป็นสตรีทเซอร์กิตใหม่เอี่ยมของเมืองไทยที่มีมนต์เสน่ห์ของ จ.สงขลา มีระยะทางต่อรอบ 2.7 กิโลเมตร เป็น หนึ่งในแทร็กที่ท้าทายความสามารถของนักแข่ง โดยมีทั้งสิ้น 18 โค้ง โดยสนามแข่งจะทอดผ่านถนนเลียบ “หาดชลาทัศน์” ซึ่งจะสร้างความตื่นเต้นไปพร้อมกับความสวยงามของชายหาดให้ทั้งนักแข่งและผู้ชม
ขณะเดียวกัน ภายในงานจะถูกเนรมิตรเป็นเทศกาลมอเตอร์สปอร์ต โดยมีกิจกรรม มินิ มอเตอร์โชว์ (MINI MOTORSHOW) ที่รวบรวมผู้ประกอบการธุรกิจยานยนต์ บริษัท ผู้ผลิตผู้จำหน่ายรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และผู้ผลิตชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมยานยนต์ ได้นำผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนต่างๆ และอุปกรณ์ตกแต่ง มาเข้าร่วมจัดจำหน่ายและแสดงสินค้าภายในงาน
นอกจากนี้ ฝ่ายจัดการแข่งขันยังกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัด ด้วยการจัดสถานที่ให้ผู้ประกอบการในท้องที่ได้เข้าจำหน่ายสินค้า อาทิ ร้านอาหารและเครื่องดื่มของท้องถิ่น เพื่อให้มีการจับจ่ายใช้สอยสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากการแข่งขันอย่างแท้จริง โดยจะเปิดให้แฟนมอเตอร์สปอร์ตและนักท่องเที่ยวเข้าชมการแข่งขันแบบฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น