กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ร่วมสู้ภัยโควิด-19 ต่อเนื่อง
ส่งมอบหน้ากากแรงดันลบและแรงดันบวก 2,000 เครื่อง ให้แก่มูลนิธิแพทย์ชนบท และโรงพยาบาลในจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงทั่วประเทศ
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงรุนแรงและกระจายเป็นวงกว้างออกไปสู่จังหวัดต่าง ๆ มากขึ้น กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ภายใต้มูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย ร่วมกับกลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทย นำโดย นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร กรรมการผู้จัดการกองทุนฯ และนายวรพจน์ พรประภา กรรมการกองทุนฯ ร่วมด้วยผู้จำหน่ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศ เดินหน้ามอบความช่วยเหลือสู้ภัยโควิด-19 ในสังคมไทยอีกครั้ง ด้วยการส่งมอบนวัตกรรมหน้ากากแรงดันลบและแรงดันบวก ที่ออกแบบและผลิตโดยทีมวิศวกรของฮอนด้า ทั้งหมด 2,000 เครื่อง รวมมูลค่ากว่า 78 ล้านบาท ให้แก่ มูลนิธิแพทย์ชนบท เพื่อกระจายต่อไปยังโรงพยาบาลชุมชน จำนวน 348 แห่งทั่วทุกภาคของประเทศ นอกจากนี้ ยังส่งมอบแก่โรงพยาบาลต่าง ๆ ในจังหวัดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูง อาทิ จังหวัดสงขลา จังหวัดปัตตานี จังหวัดนราธิวาส จังหวัดยะลา ฯลฯ เพื่อช่วยบุคลากรการแพทย์ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 และป้องกันไม่ให้เชื้อโควิด-19 จากผู้ติดเชื้อแพร่กระจายออกสู่ภายนอก
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร กรรมการผู้จัดการกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย กล่าวว่า “กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย พร้อมสนับสนุนสังคมไทยสู้ภัยโควิด-19 นับตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดในปี 2563 จนถึงปัจจุบันที่การแพร่ระบาดกระจายไปทั่วประเทศ มีจำนวนผู้ติดเชื้อในพื้นที่ชุมชนต่าง ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกวัน โรงพยาบาลชุมชน ซึ่งเป็นด่านหน้าของบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในชุมชน ซึ่งมีความสำคัญในการดูแลรักษาผู้ติดเชื้ออย่างถูกต้องและทันท่วงที เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ และป้องกันไม่ให้ผู้ติดเชื้อไปติดคนอื่น ทั้งในครอบครัว ชุมชน และพื้นที่ใกล้เคียง จึงมีความต้องการอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคลทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ เช่น หน้ากากแรงดันลบและแรงดันบวก ให้เพียงพอต่อการใช้งานในโรงพยาบาลชุมชนต่าง ๆ อย่างยิ่ง กองทุนฯ จึงเร่งผลิตและได้ส่งมอบให้มูลนิธิแพทย์ชนบท เพื่อแจกจ่ายให้กับโรงพยาบาลชุมชนทั่วทุกอำเภอใช้เพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในแต่ละชุมชนต่อไป”
นายแพทย์ชูชัย ศุภวงศ์ ประธานกรรมการมูลนิธิแพทย์ชนบทและอดีตเลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า “มูลนิธิแพทย์ชนบท ได้จัดตั้ง “กองทุนพัฒนาโรงพยาบาลชุมชนและ รพ.สต. สู้ภัยโรคอุบัติใหม่ โควิด-19” ขึ้นเพื่อระดมความช่วยเหลือแก่โรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศ 778 แห่ง รวมทั้งโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำบล (รพ.สต.) อีก 9,763 แห่งทั่วประเทศ เนื่องจากเป็นด่านหน้าในการรับมือกับโควิด-19 ในแต่ละพื้นที่ ซึ่งหน้ากากแรงดันลบและบวก ที่ใช้กับบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ติดเชื้อเป็นอุปกรณ์สำคัญในการทำงานเป็นอย่างมาก ต้องขอขอบคุณกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย และกลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทย เป็นอย่างยิ่ง ในฐานะภาคธุรกิจเอกชน ที่ร่วมกันแก้ปัญหาของชาติ ร่วมกันรับผิดชอบต่อ สังคม ชุมชนและประเทศชาติ มาโดยตลอด โดยทางมูลนิธิแพทย์ชนบท จะส่งมอบหน้ากากแรงดันลบและแรงดันบวก ให้กับโรงพยาบาลชุมชน 348 แห่งทั่วทุกภาคของประเทศ โดยเฉพาะชุมชนที่อยู่ในพื้นที่สีแดงเข้มและพื้นที่สีแดง ที่กำลังเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 อย่างหนัก อาทิ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ฯลฯ รวมทั้งโรงพยาบาลชุมชนทุกอำเภอทั่วประเทศ”
สำหรับนวัตกรรมหน้ากากแรงดันลบและแรงดันบวกซึ่งผลิตขึ้นโดยทีมวิศวกรฮอนด้า ผ่านการทดสอบมาตรฐานของอุปกรณ์ทางการแพทย์ จากกรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคลทางการแพทย์ ประกอบด้วยตัวหน้ากาก ท่ออากาศ และเครื่องกรองอากาศ มีจุดเด่นสามารถปรับใช้งานได้ 2 รูปแบบ และยังสามารถนำกลับมาหมุนเวียนใช้ใหม่ได้ โดยเมื่อปรับให้เป็น “หน้ากากแรงดันลบ” จะใช้ในการเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อโควิด-19 และ “หน้ากากแรงดันบวก” จะใช้เพื่อป้องกันและช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์หายใจสะดวก เนื่องจากหน้ากากมีน้ำหนักเบา ใส่สบายไม่แนบหน้าเกินไป สามารถปรับระดับความแรงของลมได้ จึงทำให้อากาศถ่ายเท และช่วยลดการเกิดฝ้าบนหน้ากากขณะอากาศร้อน ส่งผลให้บุคลากรทางการแพทย์ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยได้นานและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี 2563 ที่สังคมไทยได้เผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จนถึงปัจจุบัน (เดือนพฤศจิกายน 2564) กองทุนฮอนด้าฯ ได้ร่วมต้านภัยโควิด-19 ด้วยการส่งมอบเตียงแรงดันลบ จำนวน 100 เตียง หน้ากากแรงดันลบและบวก จำนวน 4,500 เครื่อง เครื่องพ่นยาฆ่าเชื้อ 100 ตัว และอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่น ๆ รวมมูลค่ากว่า 216 ล้านบาท ซึ่งมาจากเงินสมทบจากการซื้อรถจักรยานยนต์ รถยนต์ และเครื่องยนต์เอนกประสงค์ของลูกค้าทุกท่าน กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือสังคมไทยเพื่อที่จะก้าวพ้นสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ไปด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง