สลีค อีวี พลิกโฉมอุตสาหกรรมยานยนต์และการขนส่ง

งาน “Mission Zero” ผ่านวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืน

บริษัท สลีค อีวี จำกัด บริษัทรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของงาน Mission Zero” แสดงให้เห็นถึงความแน่วแน่ในการพลิกโฉมภูมิทัศน์อุตสาหกรรมยานยนต์และการขนส่ง รวมถึงเป้าหมายในการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ผ่านวิสัยทัศน์ แนวปฏิบัติด้านความยั่งยืน และนวัตกรรมรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าสุดล้ำสมัย

คุณกันตินันท์ ตันวีนุกูล CEO และ Co-founder บริษัท สลีค อีวี จำกัด (SLEEK EV) กล่าวว่า “ท่ามกลางปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่มากขึ้น ประกอบกับสถานการณ์ที่อุณหภูมิโลกพุ่งสูงขึ้น การบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็น ‘ศูนย์’ ถือเป็นสิ่งสำคัญ โดยทาง SLEEK EV รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ ผู้พัฒนานวัตกรรมจักรยานยนต์ไฟฟ้า ที่มีแนวคิดสอดรับกับเป้าหมายดังกล่าว โดย สลีค อีวี มีเป้าหมายในการผลักดันให้เกิดความเป็นทางกลางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี 2030 และการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 โดยใส่ใจทุกกระบวนการในการผลิตตั้งแต่การสร้างโซ่อุปทานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Supply Chain) จนถึงการจัดการผลิตภัณฑ์หลังจากที่หมดอายุการใช้งาน เช่น ขยะแบตเตอรี่ เพราะหากไม่กำจัดอย่างถูกวิธี ขยะเหล่านั้นอาจกลายเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมได้ จากความเสี่ยงในการกลายเป็นสารพิษบนพื้นดินหรือในแม่น้ำ เป็นต้น

“ในส่วนของ นวัตกรรม S Drive 1.0 อันก้าวล้ำ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการขับเคลื่อนภารกิจหลักของทางบริษัทให้สำเร็จลุล่วง โดยเทคโนโลยี S Drive 1.0 จะพร้อมส่งมอบประสิทธิภาพที่เหนือชั้น สามารถทะยานความเร่งจาก 0 ถึง 60 กม./ชม. ในเวลา 3.9 วินาที และใช้พลังงานสูงสุดเพียง 17 วัตต์-ชั่วโมง/กม. ซึ่งเมื่อใช้ร่วมกับแบตเตอรี่ CATL ที่ได้มาตรฐานระดับโลก รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าของ SLEEK EV จะมีคุณสมบัติในการชาร์จที่รวดเร็ว โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชม. เท่านั้น”

คุณ Ong Zhang Quan Chief Operating Officer และ Co-founder ของ SLEEK EV กล่าวถึง ประสิทธิภาพการทำงานของ แอปพลิเคชัน SLEEK EV สุดชาญฉลาด ซึ่งสามารถเชื่อมกับทุกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ภายในรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ แอปพลิเคชันดังกล่าวยังใช้งานง่าย สะดวกต่อการเข้าถึงข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับยานพาหนะ พร้อมให้ผู้ใช้งานได้เข้าถึงฟีเจอร์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็น โหมดความปลอดภัย (Secure Mode) โหมดค้นหา (Find Me Mode) โหมดปลดล็อกเบาะนั่ง (Seat Unlock) รวมถึงการค้นหาสถานี S Charge และประวัติการใช้งาน โดยนวัตกรรมนี้ได้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการส่งมอบความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่ในยุคปัจจุบัน

คุณกันตินันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทด้านความยั่งยืน ผ่านการเปิดตัว เทคโนโลยี S Charge รวมถึงโครงการริเริ่มในการมุ่งติดตั้งจุด S Charge ทั่วประเทศ หวังให้เป็นโครงสร้างขั้นพื้นฐานที่พร้อมอำนวยความสะดวกในการชาร์จแก่ผู้ขับขี่ของ SLEEK EV และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและทรัพยากรทางเลือก”

ปัจจุบัน SLEEK EV มีสินค้าทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่ SLEEK EV Type-S, Type-E, Type-X และ SLEEK Play 1.0 ซึ่งนำเสนอพัฒนาการที่ก้าวกระโดดของเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ผ่านการผสมผสานที่โดดเด่น ระหว่างประสิทธิภาพ ความยั่งยืน และกำลังซื้อของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน

ราคาและคุณสมบัติ:

  • Type-S ราคาเริ่มต้นที่ 49,900 บาท และ 69,900 บาท ความเร็วสูงสุด 70 กม./ชม. ระยะขับขี่ 100-200 กม.
  • SLEEK Play 1.0 ราคาเริ่มต้นที่ 59,900 บาท และ 79,900 บาท ความเร็วสูงสุด 80 กม./ชม. ระยะขับขี่ 75-150 กม.
  • Type-E ราคาเริ่มต้นที่ 69,900 บาท และ 89,900 บาท ความเร็วสูงสุด 90 กม./ชม. ระยะขับขี่ 75-150 กม.
  • Type-X ราคาเริ่มต้นที่ 79,900 บาท และ 99,900 บาท ความเร็วสูงสุด 100 กม./ชม. ระยะขับขี่ 75-150 กม.

นอกจากนี้ SLEEK EV ยังได้ริเริ่มสร้างความยั่งยืนแก่สิ่งแวดล้อม ผ่าน โครงการรีไซเคิลแบตเตอรี่ (Battery Repurposing Program) โดยรวบรวมแบตเตอรี่ที่ใช้แล้ว นำเข้ากระบวนการเฉพาะ และนำกลับมาใช้ใหม่ในรูปแบบของหน่วยกักเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจหลักของทางบริษัทในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น และเน้นย้ำบทบาทของ SLEEK EV ในฐานะการเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนโลกสู่อนาคตแห่งการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้เป็นศูนย์ (Net Zero) และมุ่งมั่นที่จะพลิกโฉมภูมิทัศน์อุตสาหกรรมยานยนต์และการขนส่งในปัจจุบัน เพื่อก้าวสู่อนาคตแห่งความยั่งยืนอย่างแท้จริง

จากความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ของงาน Mission Zero” ในครั้งนี้ ทาง SLEEK EV พร้อมมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและท้าทายขีดจำกัดในการสร้างเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีเป้าหมายในการพัฒนาอีกหลากหลายภาคส่วน เช่น ระบบส่งกำลัง (Powertrain) ซอฟต์แวร์ และระบบอัตโนมัติต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับการเติบโตของอุตสาหกรรม และถึงแม้ว่าการสร้างนวัตกรรมต่างๆ ให้ได้คุณภาพและตรงตามมาตรฐานจะเป็นเรื่องท้าทาย แต่ทาง SLEEK EV พัฒนาศักยภาพเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ไม่เพียงแต่ในประเทศไทย แต่เรามุ่งมั่นในการก้าวเข้าสู่ตลาดโลก เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับโลกใบนี้ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการของเรา