กกท. จับมือภาครัฐ-เอกชนประชุมความพร้อมจัดศึกมอเตอร์สปอร์ตอันดับหนึ่งของโลก
โมโตจีพีที่ดีที่สุดบนผืนแผ่นดินไทย
กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย ในฐานะแม่งานใหญ่ ประชุมซักซ้อมการจัดงานโมโตจีพี พร้อมกางแผนงานใหญ่รองรับมหกรรมกีฬาขนาดยักษ์ที่เตรียมมอบความสุขความประทับใจให้กับแฟนมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลกหลายแสนคนตลอด 3 วัน เชื่อการจัดงานฝีมือคนไทย จะเป็นกรังด์ปรีซ์ที่ยิ่งใหญ่ ดีที่สุด ครองใจผู้ชมสูงสุดและรักษาแชมป์สนามที่มีผู้ชมมากที่สุดได้อีกครั้ง
ที่การกีฬาแห่งประเทศไทย( กกท.) : นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม รองผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย เป็นประธานในการประชุมเตรียมความพร้อมการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก โมโตจีพี ประจำปี 2565 ภายใต้ชื่อ “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2022” (OR THAILAND GRAND PRIX 2022) ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 30 กันยายน – 2 ตุลาคมนี้ ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมีตัวแทนภาครัฐและเอกชน คณะทำงานจาก การกีฬาแห่งประเทศไทย, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, ผู้สนับสนุนหลัก อย่าง บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน), เครื่องดื่มตราช้าง, รถจักรยานยนต์ฮอนด้า, รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า, ธนาคารไทยพาณิชย์, บริษัท แพลนบี มีเดีย จำกัด (มหาชน), บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด หน่วยงานภาครัฐ ผู้สนับสนุนรายย่อยและผู้ประกอบการร้านค้าต่างๆ เข้าร่วมประชุมกว่า 150 คน
นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย กล่าวว่า จากการที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รายการ โมโตจีพี เป็นปีที่ 3 โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นผู้ดำเนินการ ประกอบไปด้วย คณะทำงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่ทำงานร่วมกันอย่างหนัก รวมทั้งความร่วมมือจากภายในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดใกล้เคียง ขณะนี้ทุกฝ่ายเร่งเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ เพื่อผลักดันให้งานกีฬาระดับ World Event สร้างความสุขความประทับใจให้กับคนทั่วโลกอีกครั้ง และด้วยฝีมือคนไทยเชื่อว่างานในปีนี้จะยิ่งใหญ่ ยังคงได้รับการยอมรับว่าเป็นโมโตจีพีที่ดีที่สุด สามารถครองใจผู้ชมสูงสุดและรักษาแชมป์สนามที่มีผู้ชมมากที่สุดได้อีกครั้ง
“ในนามของการกีฬาแห่งประเทศไทย ผมขอขอบคุณทุกท่านในความร่วมมือในการจัดกรังด์ปรีซ์ อันดับหนึ่งของโลกบนผืนแผ่นดินไทย ภายใต้ชื่อ “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์” ระหว่างวันที่ 30 กันยายน – 2 ตุลาคม 2565 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ถือเป็นอีเวนท์กีฬาระดับโลกงานแรกของประเทศไทยหลังจาก 2 ปีที่ประเทศต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องโควิด-19 จะเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่จะช่วยให้กระตุ้นให้เศรษฐกิจประเทศไทยกลับมาฟื้นตัว ทั้งยังสร้างประวัติศาสตร์งานระดับโลกฝีมือคนไทย สร้างภาพจดจำให้กับชาวโลกอีกด้วย”
“จากการจัดการแข่งขันในปี 2018 และ 2019 สร้างรายได้เข้าประเทศจำนวนมหาศาล ต้องยอมรับว่ามาตรฐานการจัดการแข่งขัน 2 ครั้งที่ผ่านมา ประเทศไทยเราทำได้อย่างไร้ที่ติ ดังนั้นการจะยกระดับให้ได้ดีกว่าครั้งก่อนๆ จึงเป็นโจทย์ที่ทุกคนต้องร่วมมือกัน เพื่อสร้างสิ่งที่ดีที่สุดให้ประเทศไทยสู่สายตาชาวโลก” นายทนุเกียรติ กล่าว
ทั้งนี้ การกีฬาแห่งประเทศไทยร่วมมือกับทุกภาคส่วนจัดเตรียมความพร้อมเอาไว้ในทุกๆมิติ นอกจากการแข่งขันที่สนุก เข้มข้น เร้าใจแล้ว ยังมีสีสันความบันเทิงในงาน อย่างเช่น มวยไทยวิถีอิสานใต้ และการแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง การแสดงศิลปะวัฒนธรรม และการจำหน่ายสินค้าที่ระลึกในงาน โดยการนำสินค้าของดีบุรีรัมย์ในแต่ละท้องถิ่นมาออกร้าน นอกจากนี้ยังมีโซนกิจกรรม “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ เอ็กซ์โป” จัดเต็มตลอดสุดสัปดาห์ ไปด้วยพาวิลเลียนขนาดยักษ์ กิจกรรมที่น่าสนใจจากภาครัฐและเอกชน, Meet & Greet นักบิดระดับโลกจากค่ายรถจักรยานยนต์ รวมทั้งร้านค้าต่างๆ มากกว่า 100 ร้าน
นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับจังหวัดบุรีรัมย์ในฐานะเจ้าบ้านที่ได้มีโอกาสจัดกีฬาระดับโลกเป็นปีที่ 3 นำเสียงสะท้อนมาปรับปรุงแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นจุดที่ดีต้องทำให้ดียิ่งขึ้น จุดที่บกพร่องจากประสบการณ์ที่เป็นเจ้าภาพถึง 2 ครั้งต้องได้รับการแก้ไข ส่วนในเรื่องการอำนวยความสะดวก ผู้ชม นักท่องเที่ยว มีบุคลากรเครือข่ายด้านการท่องเที่ยว (Ask Me) ซึ่งเป็นอาสาสมัครกว่าพันคน มาจากนักศึกษา และประชาชนชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงาน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ Gu เก็บ ที่มาคอยดูแลเรื่องความสะอาดในงาน การจัดงานครั้งนี้ จะเป็นแม่แบบ และสร้างความเชื่อมั่น ประกาศศักยภาพฝีมือการบริหารจัดการของคนไทยในการจัดแข่งขันกีฬาระดับสากลต่อไป
ผู้สนใจ สามารถซื้อบัตรชมการแข่งขันได้ที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศและ www.allticket.com หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ Chang Circuit Buriram