ยนตรกรรมสั่งผลิตพิเศษ โรลส์-รอยซ์ ครองใจลูกค้าทั่วโลก ยอดขายพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ตัวเลขยนตรกรรมสั่งผลิตที่ Home of Rolls-Royce ในเมืองกู้ดวูดเพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน มียนตรกรรมแฟนธอม 3 คันที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นตัวแทนของเทรนด์ความนิยมยนตรกรรมสั่งผลิตพิเศษในปัจจุบัน
ทักษะงานฝีมือของทีม Bespoke Collective ของโรลส์-รอยซ์ได้กลายเป็นที่ต้องการของลูกค้าทั่วโลกมากขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ในบรรดาผลงานทั้งหมด ยังมีตัวอย่างยนตรกรรม Bespoke ที่น่าสนใจ ได้แก่แฟนธอมอันสง่างาม 3 คันล่าสุด ที่เพิ่งออกจาก Home of Rolls-Royce ในเมืองกู้ดวูด เวสต์ ซัสเซ็กซ์ ยนตรกรรมชิ้นเอกที่รังสรรค์ขึ้นด้วยมือเหล่านี้ได้สะท้อนความต้องการที่ชัดเจนและรสนิยมส่วนบุคคลของลูกค้าทั่วโลก สุนทรียะของการออกแบบภายในห้องโดยสารได้รับอิทธิพลจากลักษะการออกแบบทางสถาปัตยกรรม ในขณะที่ความหลากหลายทางวัฒนธรรมผสมผสานเข้ากับเรื่องราวต่างๆ หลอมรวมกลายเป็นผลงานยนตรกรรมทั้ง 3 คันนี้
มร. ทอร์สตัน มูเลอร์-ออทเวิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส กล่าวว่า “ทีมนักออกแบบ Bespoke ของเราได้ตีความรสนิยมของลูกค้าทั่วโลกจนกลายมาเป็นผลงานศิลปะชิ้นเอก ฉีกกรอบขนบของโลกยานยนต์ เพื่อเขียนนิยามความเป็นไปได้ของงานฝีมือระดับลักซ์ชัวรีขึ้นมาใหม่ ซึ่งแฟนธอมทั้ง 3 คันมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน แต่ละคันแสดงให้เห็นถึงอิสระในการออกแบบและการสั่งผลิตพิเศษสำหรับลูกค้าของแบรนด์โดยเฉพาะ”
ทีม Bespoke Collective ของโรลส์-รอยซ์ ซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มนักออกแบบ ช่างศิลป์ ช่างฝีมือ และวิศวกรที่ประจำอยู่ ณ ศูนย์กลางแห่งความเป็นเลิศในการผลิตยนตรกรรมลักซ์ชัวรีระดับโลก (Global Centre of luxury Luxury Manufacturing Excellence) ของโรลส์-รอยซ์ในเมืองกู้ดวูด ได้รับมอบหมายให้เนรมิตไอเดียความคิดสร้างสรรค์ของลูกค้าให้กลายเป็นจริง ซึ่งบริการในส่วนนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ และในวันนี้ ยอดสั่งจองยนตรกรรม Bespoke ของโรลส์-รอยซ์ได้มาถึงระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ลูกค้าของแบรนด์ปรารถนาที่จะแสดงออกถึงตัวตนของพวกเขาผ่านสัญลักษณ์แห่งความหรูหราที่แท้จริง ซึ่งต้องเป็นสัญลักษณ์ที่ได้รับการออกแบบโดยเฉพาะบุคคลและถูกสรรสร้างขึ้นอย่างไร้ที่ติ
ภารกิจที่ต้องก้าวข้ามขีดจำกัดของความคิดสร้างสรรค์และพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เสมอ ทำให้แบรนด์สามารถตอบสนองและยกระดับความคาดหวังของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง เรื่องราวมากมายถูกถ่ายทอดและบอกเล่าผ่านชุดสีโทนหรูหราของทั้งภายนอกและภายในตัวรถ ในขณะที่หัวใจสำคัญของแฟนธอมอย่าง Gallery ที่ติดตั้งอยู่เบื้องหลังกระจกบริเวณคอนโซลด้านหน้า ได้มอบโอกาสให้ลูกค้าในการอวดโฉมงานศิลปะอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ภายในยนตรกรรมของพวกเขา
จอห์น เบคลีย์ (John Beckley) หัวหน้าฝ่ายยนตรกรรมสั่งผลิตพิเศษ (Bespoke) ของโรลส์-รอยซ์ กล่าวว่า “ฝ่าย Bespoke ของเราทำงานอย่างหนักเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เราไม่เคยพบความต้องการในการปรับแต่งยนตรกรรม Bespoke มากเท่านี้มาก่อน แฟนธอมทั้ง 3 คันนี้ใช้เวลาหลายปีในการผลิต ซึ่งนับเป็นความสำเร็จและเป็นเงาสะท้อนถึงทักษะอันเชี่ยวชาญของทีม Bespoke Collective ในการตีความและเข้าถึง ‘วิสัยทัศน์’ ของลูกค้าได้อย่างแท้จริง”
โรลส์-รอยซ์ แฟนธอม คือเครื่องชี้วัดรสนิยมและความปรารถนาของเหล่าบุคคลผู้มั่งคั่งและทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ปัจจุบัน แฟนธอมซึ่งได้ถูกพัฒนามาถึงเจเนอเรชันที่ 8 ได้ผ่านรูปแบบการดีไซน์และการสั่งผลิตพิเศษที่หลากหลาย ซับซ้อนและเหนือความคาดหมายที่สุดเท่าที่เคยมีมา นับเป็นยนตรกรรมซึ่งเป็นเลิศที่สุดแห่งฝีมือหัตถศิลป์ในโลกแห่งความหรูหรา
แฟนธอมแห่งกาลเวลา (Horology Phantom)
ทีมนักออกแบบของโรลส์-รอยซ์ได้รับมอบหมายให้เดินทางท่องโลกเพื่อเสาะแสวงหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ ที่จะสร้างความพึงพอใจและความตื่นเต้นให้กับเหล่าบุคคลชั้นนำของโลก และด้วยเหตุนี้ นักออกแบบคนหนึ่งจาก Home of Rolls-Royce จึงเดินทางไปยัง La Chaux-de-Fonds ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์เพื่อพบกับปรมาจารย์ด้านศาสตร์แห่งการสร้างเครื่องบอกเวลา เพื่อทำความเข้าใจความละเอียดซับซ้อนและการเคลื่อนไหวอันจำเพาะเจาะจงของนาฬิการ่วมสมัย นาฬิกาเหล่านี้นับเป็นของสะสมล้ำค่าและหายากซึ่งมักพบได้ในคอลเลกชันของลูกค้าโรลส์-รอยซ์ ความงดงามของมันได้สร้างความตื่นเต้นสะกดสายตาทีม Bespoke Collective ของแบรนด์
แฟนธอมแห่งกาลเวลา (Horology Phantom) ได้ถูกแต่งแต้มด้วยลวดลายที่สื่อถึงกลไกการทำงานของนาฬิกาชั้นสูง เฉดสีเงินและทองถูกวางทาบตัดกับสีทูโทน คือกันเมทัล (Gunmetal) และดำ อยู่บนตัวถังรถ บ่งบอกเป็นนัยถึงธีมโดยรวมของยนตรกรรมคันนี้ โค้ชไลน์คู่สีทองและสีเงินที่ถูกเพนท์ด้วยมือข้างตัวถังมาจากการออกแบบสุดวิจิตรที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนาฬิกา ในขณะที่สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี สัญลักษณ์ที่เฉิดฉายอยู่บนฝากระโปรงยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์ทุกคันมานานกว่าศตวรรษ ถูกชุบด้วยทองคำ 24 กะรัต
ทันทีที่เปิดประตู สายตาจะถูกดึงดูดไปยังแผงหน้าปัดภายในตัวรถ ซึ่งฝังสเตนเลสและทองเป็นลวดลายสลักที่ใหญ่ที่สุดที่เคยถูกผลิตขึ้นสำหรับแฟนธอมถูกอวดโฉมอยู่อย่างภาคภูมิอยู่บริเวณตำแหน่งใต้ Gallery ซึ่งแต่งด้วยสเตนเลสสตีลหลายเลเยอร์ อันสื่อถึงชิ้นส่วนโลหะหลายชั้นที่เป็นองค์ประกอบอันซับซ้อนของระบบนาฬิกา ลวดลายจากการฝังสเตนเลสและทองคำนี้ สะท้อนถึงแบบแผนการเคลื่อนไหวของเข็มนาฬิกา ส่วนเรือนนาฬิกาโรลส์-รอยซ์ในกรอบสีเงินแกะสลักด้วยเทคนิคกิโยเช (Guilloché) ถูกติดตั้งอย่างโดดเด่นอยู่เคียงคู่ Gallery
แฟนธอมแห่งจิตวิญญาณดิจิทัล (Digital Soul Phantom)
แฟนธอมแห่งจิตวิญญาณดิจิทัล (Digital Soul Phantom) คือผลงานจากการเรียนรู้ผ่านงานฝีมือจิตรกรรมร่วมสมัย เป็นการผสมผสานระหว่างพลังกายและความมุมานะของมนุษย์กับดีไซน์ที่สร้างขึ้นโดยคอมพิวเตอร์ ผลลัพธ์ที่ได้คือยนตรกรรมแห่งความเป็นหนึ่งในด้านการออกแบบและสั่งผลิตพิเศษเฉพาะบุคคล เปรียบเสมือนการเฉลิมฉลองต่อเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้เพื่อก่อให้เกิดงานศิลปะที่ไม่ซ้ำใคร
แฟนธอมคันนี้มาในรูปแบบตัวถังสีทูโทน โดยด้านบนเป็นสีคาร์รารา ไวท์ (Carrara White) และด้านล่างเป็นสีสโมคกี ควอตซ์ (Smokey Quartz) ตกแต่งเพิ่มเติมด้วยโค้ชไลน์สีทองด้านข้าง และสร้างความโดดเด่นสะกดสายตาด้วยสัญลักษณ์สปิริต ออฟ เอ็กสตาซีชุบทองคำ การออกแบบภายในตัวรถสอดคล้องกับโทนสีด้านนอกตัวถัง หนังสีซีเชลล์ (Seashell) และสีดาร์ก สไปซ์ (Dark Spice) ถูกเน้นด้วยการปักเย็บขอบทองและลวดลายโมโนแกรมสัญลักษณ์ ‘RR’ ของโรลส์-รอยซ์ ส่วน Gallery ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของยนตรกรรมอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่ง Gallery นี้ถูกรังสรรค์ขึ้นภายใต้ความร่วมมือกับทอร์สตัน แฟรงค์ (Thorsten Franck) นักออกแบบผลิตภัณฑ์ชาวมิวนิก แล้วได้ถ่ายทอดอัตลักษณ์เฉพาะบุคคลด้วยชั้นเชิงที่โดดเด่นและแตกต่าง
ข้อมูลดิจิตอลถูกถ่ายทอดออกมาโดยใช้เทคนิคการพิมพ์สามมิติ (3D printing) และกลายเป็นชิ้นส่วนสเตนเลสสตีลพิมพ์สามมิติที่ใหญ่ที่สุดที่เคยถูกใช้ในการผลิตรถยนต์ ชิ้นส่วนสเตนเลสสตีลนี้ถูกชุบด้วยทองคำ 24 กะรัต น้ำหนักเกือบ 50 กรัม ทำให้เกิดผลงานอันโดดเด่นอวดโฉมอยู่ภายใน Gallery ที่เชื่อมโยงทั้งโลกแห่งจิวเวลรี ประติมากรรม และการออกแบบ
ทีม Bespoke Collective ที่ Home of Rolls-Royce ยังได้ต่อยอดด้วยการนำทองคำมาตกแต่งบริเวณส่วนสำคัญภายในห้องโดยสารเพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ ซึ่งใช้เวลากว่า 3 เดือนในการรังสรรค์ แผ่นทองคำถูกจัดวางเป็นลวดลายโดยอาศัยเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในโลกอย่างดวงตามนุษย์ และถูกติดตั้งด้วยมือบนไม้ยูคาลิปตัสรมควันบริเวณประตูหลังและโต๊ะปิกนิกของแฟนธอม ตามมาด้วยฝาลำโพงชุบทองซึ่งปิดท้ายสุนทรียภาพแห่งความงามได้อย่างลงตัว
แฟนธอมแห่งอ่าวอาหรับ (Arabian Gulf Phantom)
ตะวันออกกลางเป็นภูมิภาคที่เต็มเปี่ยมไปด้วยแหล่งแรงบันดาลใจที่นำไปสู่ความคิดสร้างสรรค์ ตั้งแต่สถาปัตยกรรมร่วมสมัยอันอาจหาญ ไปจนถึงงานฝีมือที่คงไว้ซึ่งความงามตามประเพณี นับเป็นขุมทรัพย์แรงบันดาลใจอันไร้ที่สิ้นสุด
คอนเซ็ปต์ ‘แฟนธอมแห่งอ่าวอาหรับ’ ได้นำเอาสีสันที่มีชีวิตชีวาและเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับการดำน้ำเก็บไข่มุกตามประวัติศาสตร์ตะวันออกกลางมาประยุกต์เข้าด้วยกัน เฉดสีเขียวน้ำทะเล (Turchese) ภายนอกตัวรถหวนให้นึกถึงภาพผืนน้ำสีสันสดใสในความทรงจำ ในขณะที่สีแอนดาลูเชียน ไวท์ (Andalusian White) เปรียบดังตัวแทนความบริสุทธิ์ของไข่มุกธรรมชาติและเรื่องราวที่เล่าขานสืบกันมา ลวดลายสีอาร์กติก ไวท์ (Arctic White) ข้างตัวรถเผยให้เห็นลวดลายหอยทะเลเพนท์ด้วยมือ ซึ่งถูกนำมาใช้ตกแต่งอย่างมีศิลปะเช่นเดียวกันกับด้านในห้องโดยสาร
เมื่อเปิดประตูรถ จะพบกับ Gallery ที่มอบความรู้สึกของการเคลื่อนไหวอย่างสง่าผ่าเผย ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากการเคลื่อนไหวของมหาสมุทร งานศิลปะที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างโรลส์-รอยซ์และศิลปินชาวอังกฤษ เฮเลน เอมี่ เมอร์เรย์ (Helen Amy Murray) ได้หลอมรวมแก่นของยนตรกรรมไว้อย่างครบถ้วน นาฬิกาประดับมุกถูกติดตั้งบน Gallery สีเขียวน้ำทะล (Turchese) สดใส มอบความแตกต่างอันสมบูรณ์แบบให้กับความงดงามในเชิงประติมากรรม ลวดลายพลิ้วไหวประดุจเส้นไหมพาดผ่าน Gallery ราวกับจะโอบล้อมหินอันล้ำค่าบนนาฬิกาเรือนนี้
เมื่อเอนกายลงบนเบาะหลังเพื่อดื่มด่ำประสบการณ์ความหรูหรา จะสังเกตเห็นลวดลายประดับรูปหอยทะเลสีสันคุมโทนได้อย่างเด่นชัดบนประตูหลังของแฟนธอม นอกจากนั้นยังมีลายหอยทะเลบนไม้ประดับมุกอันวิจิตรบรรจงบนแผงโต๊ะปิกนิกหลังเบาะ ซึ่งเมื่อถูกดึงออกมาใช้งาน จะเผยให้เห็นจอส่วนตัวซึ่งมอบความรู้สึกและประสบการณ์อันรื่นเริงเสมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์ ชิ้นส่วนไม้ประดับมุกอันละเอียดปราณีตจะปรากฏโฉมบริเวณด้านบนของโต๊ะ ราวกับงานศิลปะที่ถูกซ่อนไว้ได้ถูกค้นพบ
แถบสีขนาดใหญ่ที่เข้ากันอย่างลงตัวกับหนังสีเขียวน้ำทะเล (Turchese) ถูกวาดพาดผ่านหลังคาที่กว้างขวางของแฟนธอม โอบล้อมผู้โดยสารด้วยบรรยากาศราวกับรังไหม พร้อมด้วยเพดานห้องโดยสารที่ตกแต่งเป็นแสงดวงดาว Starlight Headliner อันประกอบไปด้วยเส้นใยนำแสงไฟเบอร์ออพติคที่ติดตั้งด้วยมือถึง 1,344 จุด