ปอร์เช่คว้า 3 รางวัล “Car of The Year 2020” ตอกย้ำความเป็นที่สุดแห่งยนตรกรรมสปอร์ต สุดหรูสำหรับคนไทย
ผู้เชี่ยวชาญเรื่องยานยนต์การันตี ปอร์เช่คือรถสปอร์ตที่เต็มเปี่ยม ไปด้วยสมรรถนะและพละ กำลังอันยอดเยี่ยม
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่ อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย การันตีสมรรถนะและความหรูหราเหนือระดับ ด้วยการคว้ารางวัล อันทรงเกียรติจากรถปอร์เช่ถึง 3 รุ่น ได้แก่ 911 คาร์เรร่า เอส (911 Carrera S) คว้ารางวัล “The Most Popular Sport Coupe”, คาเยนน์ อี-ไฮบริด (Cayenne E-Hybrid) คว้ารางวัล “Best Technology SUV Hybrid” และ มาคันน์ (Macan) คว้ารางวัล “Best Performance Compact SUV” ในงานประกาศผลรถยอดเยี่ยมแห่งปี 2020 หรือ “Car of The Year 2020” เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2020 ณ รอยัล จูบิลี บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี โดยมี มร. ปีเตอร์ โรห์เวอร์ กรรมการผู้จัดการ ปอร์เช่ ประเทศไทย เป็นตัวแทนรับรางวัล
“Car of The Year 2020” จัดขึ้นโดย บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เพื่อคัดเลือกรถยอดเยี่ยมแห่งปีที่มีความโดดเด่นในแต่ละด้าน ซึ่งรถยนต์ที่ได้รับรางวัลได้ผ่านการ ทดสอบจากสถานีทดสอบที่หลากหลายแตกต่างกันไป โดยเริ่มจาก Acceleration Test วัดอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเส้นทางตรง จากนั้น Torque Test เพื่อทดสอบแรงบิดของรถจากจุดสตาร์ทจนถึงจุดที่กำหนด เพื่อพิสูจน์สมรรถนะของเครื่องยนต์ในการออกตัว ต่อด้วย Handling Test ทดสอบการควบคุมและสัมผัสถึงอาการของรถที่ต้องเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน และ Suspension Test วัดการสั่นสะเทือนที่แตกต่างกันของรถแต่คัน โดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงสื่อมวลชนผู้เชี่ยวชาญสายยานยนต์ ต่างยกรางวัลให้เป็นปอร์เช่ทั้ง 3 รุ่นอย่างเป็นเอกฉันท์ โดย
– 911 คาร์เรร่า เอส (911 Carrera S) คว้ารางวัล “The Most Popular Sport Coupe”
– คาเยนน์ อี-ไฮบริด (Cayenne E-Hybrid) คว้ารางวัล “Best Technology SUV Hybrid”
– มาคัน (Macan) คว้ารางวัล “Best Performance Compact SUV”
เป็นการคว้า 3 รางวัลทรงคุณค่าแห่งปีที่การันตีถึงความเป็นเลิศด้านสมรรถนะ และเทคโนโลยียานยนต์ สปอร์ตที่ปลอดภัย หรูหรา และสะดวกสบาย พร้อมตอบสนองการใช้งานในทุกรูปแบบได้อย่างลงตัว
ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า เอส (Porsche 911 Carrera S)
ยนตกรรมสปอร์ตระดับตำนานเจเนอเรชั่นที่ 8 รหัสตัวถัง 992 ท้าทายทุกข้อจำกัดของกาลเวลา พร้อมปลุกเร้า ชีพจรของผู้หลงในยนตรกรรมสปอร์ตด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ 6 สูบนอน เทอร์โบชาร์จ ให้พละกำลังสูงสุดกว่า 450 แรงม้า สามารถเร่งออกตัวจากจุดหยุดนิ่งสู่ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในระยะเวลา 3.5 วินาที เมื่อติด ตั้งชุดแต่ง Sport Chrono Package พร้อมทะยานสู่ความเร็วสูงสุด 308 กิโลเมตรต่อ ชั่วโมง ปลอดภัยและสะดวกสบาย เหนือระดับด้วยนวัตกรรม ระบบช่วยเหลือการขับขี่และเพิ่มเสถียรภาพการ ทรงตัวบนสภาพถนนที่เปียกลื่น Porsche Wet Mode ที่ได้รับการติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมหน้าจอ สัมผัส Porsche Communication Management ขนาด 10.9 นิ้ว สำหรับควบคุมและสั่งการได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย ราคาเริ่มต้น 11.5 ล้านบาท และปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า ราคาเริ่มต้น 9.9 ล้านบาท
ปอร์เช่ คาเยนน์ อี ไฮบริด (Cayenne E-Hybrid)
ปอร์เช่ คาเยนน์ อี-ไฮบริด รุ่นใหม่ล่าสุด (The new Cayenne E-Hybrid) ยนตรกรรมพรีเมียม SUV แห่งยุคที่ติดตั้งขุมพลัง E-performance พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกใหม่ล่าสุด ผสมผสานการบังคับควบคุมสไตล์สปอร์ต ให้เป็นหนึ่งเดียวกับประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด เครื่องยนต์ V6 ขนาดความจุกระบอกสูบ 3.0 ลิตร (340 แรงม้า/250 กิโลวัตต์) เสริมพลังด้วยระบบขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า (136 แรงม้า/100 กิโลวัตต์) ให้พละกำลังสูงสุดรวมกว่า 462 แรงม้า (340 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุดถึง 700 นิวตันเมตร ด้วยแนวคิดในการพัฒนาแบบเดียวกับปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (Porsche 918 Spyder) อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 29.4 กิโลเมตรต่อลิตร อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 78 กรัมต่อกิโลเมตร อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ 20.6 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร ราคาเริ่มต้น 6.3 ล้านบาท
มาคันน์ (Macan)
ยนตรกรรมสปอร์ต SUV ขนาดคอมแพครุ่นล่าสุด ปอร์เช่ มาคันน์ ใหม่ มาพร้อมขุมพลัง เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบชาร์จ ขนาดความจุกระบอกสูบ 2.0 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 252 แรงม้า อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ 12.3 กิโลเมตรต่อลิตร พร้อมทั้งอุปกรณ์มาตรฐานที่ได้รับการเพิ่มเติม ได้แก่ ไฟหน้า LED ระบบความบันเทิงและการติดต่อสื่อสาร Porsche Communication Management รุ่นล่าสุด ระบบเซ็นเซอร์หน้า-หลังพร้อมกล้องช่วยเหลือในการถอยจอด เบาะนั่งแบบ comfort ปรับได้ 14 ทิศทางที่สามารถ จดจำการตั้งค่าที่นั่งได้ ระบบช่วยเหลือการเปลี่ยนเลนส์หรือเปลี่ยนช่องทางการขับขี่ ระบบปรับอุณหภูมิภายใน ห้องโดยสารแยกระหว่าง ตำแหน่งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ระบบเชื่อมต่อ bluetooth พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง Apple CarPlay และ ระบบเครื่องเสียง BOSE Surround Sound System (ราคาเริ่มต้น 4.9 ล้านบาท)