ปอร์เช่ 99X อิเล็คทริค ใหม่ มาพร้อมรูปลักษณ์โดดเด่น มีเอกลักษณ์
ข้อมูลอัพเดทของรถ Porsche 99X Electric เจนเนอเรชัน GEN3 Evo ที่ได้รับการปรับปรุง
ปอร์เช่ (Porsche) ได้เปิดตัวรถฟอร์มูล่าอี (Formula E) สำหรับ 2 ฤดูกาลที่กำลังจะมาถึง นั่นคือ ปอร์เช่ 99X อิเล็คทริค (Porsche 99X Electric) ใหม่ รถแข่งแบบเปิดล้อ ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ซึ่งสอดคล้องกับกฎระเบียบของรถฟอร์มูล่าอี (Formula E) เจนเนอเรชันที่ 3 ที่ปรับปรุงใหม่ มีชื่อเรียกว่า GEN3 Evo และมาพร้อมกับการพัฒนาเทคโนโลยีภายในของปอร์เช่อย่างรอบด้าน โดย Porsche 99X Electric ใหม่ ได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ผ่านช่องทางออนไลน์ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา ด้วยวีดีโอที่นำเสนอโดย บรูโน คอเรอา (Bruno Correia) นักขับรถเซฟตี้ คาร์ (Safety Car) ของการแข่งขันฟอร์มูล่าอี (Formula E) และนักพัฒนาของ GEN3 Evo ในด้านนวัตกรรมทางเทคนิคหลักประกอบด้วย การเปิดใช้งานระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ยางรถยนต์ที่มีแรงยึดเกาะสูงขึ้น และปีกหน้าที่มีการปรับเปลี่ยน โดยปาสคาล เวียร์ไลน์ (Pascal Wehrlein) ที่ครองตำแหน่งแชมป์โลก และ อันโตนิโอ เฟลิกซ์ ดา คอสต้า (António Félix da Costa) นักขับที่มีชัยชนะมากที่สุดในฤดูกาลที่แล้ว ยังคงเป็นนักขับของทีม TAG Heuer Porsche Formula E Team ส่วนรถแข่งฟอร์มูล่าอี (Formula E) อีก 2 คัน ที่เป็นของทีมลูกค้า อย่างแอนเดร็ตติ (Andretti) จะมีเจค เดนนิส (Jake Dennis) อดีตแชมป์โลก และนิโก มุลเลอร์ (Nico Müller) นักขับรถพัฒนาประจำโรงงานปอร์เช่คนใหม่เป็นผู้ขับ
การพัฒนาเทคโนโลยีภายในของปอร์เช่ (Porsche)
รถรุ่นใหม่นี้ สืบทอดมาจากสูตรสำเร็จของรถแข่งสปอร์ตที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของปอร์เช่ (Porsche) จวบจนปัจจุบัน โดยรถ Porsche 99X Electric ในเวอร์ชัน GEN3 ได้ผ่านการคว้าตำแหน่งแชมป์โลกมาเป็นเวลา 2 ปีติดต่อกัน ด้วยฝีมือการควบคุมหลังพวงมาลัยของเดนนิส (Dennis) ในฤดูกาลปี 2022/2023 และเวียร์ไลน์ (Wehrlein) ในปี 2023/2024 ที่ยังคงมีแนวคิดเฉกเช่นเดิม นั่นคือการยึดมั่นตามกฎระเบียบ ในการใช้พลังงานที่มีอยู่ได้อย่างจำกัด ส่งผลบังคับให้ทีมและนักขับต้องเพิ่มประสิทธิภาพของรถในทุกด้าน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ GEN3 Evo มีส่วนประกอบซึ่งพัฒนาโดยผู้ผลิต ที่ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนแปลงได้ ด้วยเหตุนี้ แผนกพัฒนาของปอร์เช่ในไวส์ซัค (Porsche’s development department in Weissach) จึงถือโอกาสนี้ เพิ่มประสิทธิภาพจากศักยภาพที่ระบุไว้ในช่วงสองฤดูกาลที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของระบบขับเคลื่อน การรับรองส่วนประกอบของผู้ผลิตที่มีการปรับปรุงนี้จะมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 2 ฤดูกาล ในส่วนของรถรุ่นเจเนอเรชันที่สี่ GEN4 กำหนดเปิดตัวสำหรับฤดูกาลที่ 13 (2026/2027)
ฟีเจอร์ใหม่ – GEN3 Evo
นวัตกรรมทางเทคนิคหลักของ GEN3 Evo เกี่ยวข้องกับฮาร์ดแวร์มาตรฐานที่ใช้โดยทุกทีมและผู้ผลิตรถที่เข้าร่วมการแข่งขันนี้ จากนี้ไป ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าสามารถใช้งานได้ในรอบการแข่ง เพื่อกำหนดตำแหน่งสตาร์ทในการแข่งขัน (qualifying duels) ระหว่างการเริ่มการแข่งขัน และโหมดโจมตี (Attack Mode) ซึ่งจะทำให้รถมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อชั่วคราว ช่วยให้ Porsche 99X Electric เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ภายในเวลาประมาณ 2 วินาที การทำให้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเป็นอีกหนึ่งความท้าทายทางเทคนิค ซึ่งสิ่งที่ได้รับถือเป็นประโยชน์ในการพัฒนารถยนต์ที่ใช้ขับบนท้องถนนทั่วไปของปอร์เช่ด้วย
ยางประสิทธิภาพสูง จากผู้ผลิตโดยเฉพาะอย่างฮังคุก (Hankook) จะช่วยให้รถฟอร์มูล่าอี (Formula E) สามารถทำความเร็วได้สูงขึ้นในฤดูกาลใหม่ และเพื่อเป็นการลดการใช้ทรัพยากร รถแต่ละคันจะมียางให้ใช้งานเพียงแค่ 2 ชุด ต่อสุดสัปดาห์การแข่งขัน (3 ชุดสำหรับการแข่งขันแบบนักขับคู่) รูปแบบยางทำให้ยางเหมาะสมกับสภาพทั้งสภาพพื้นผิวแห้งและเปียก จุดสังเกตุของรถรุ่นใหม่นี้ ดูได้จากปีกหน้าที่ปรับเปลี่ยนใหม่ รูปทรงใหม่จะทำให้รถมีความเสถียรมากขึ้น ช่วยให้ทนต่อแรงกระแทกได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมในส่วนคลุมหลังแถบโรลบาร์และด้านหน้าล้อหลัง
สีสันจากรถยนต์รุ่นเรือธง
สีใหม่ที่ใช้บนตัวรถของ Porsche 99X Electric จะเป็นสีม่วงเมทัลลิก (Purple Sky Metallic) และสีเขียวเมทัลลิก (Shade Green Metallic) ซึ่งเป็นสีเดียวกับที่ปอร์เช่ (Porsche) ใช้ในรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ในสายการผลิตสำหรับขับขี่บนท้องถนนเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา อย่าง ไทคานน์ เทอร์โบ จีที (Taycan Turbo GT) รถยนต์ผลิตที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่แบรนด์เคยสร้างมา โดยเปลี่ยนเป็นเฉดสีม่วงและเขียว แทนการผสมผสานแบบดั้งเดิมของสีดำ ขาว และแดง เพื่อสื่อความหมายถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากกีฬามอเตอร์สปอร์ตสู่สายการผลิต การเปลี่ยนแปลงด้านสีนี้ยังแสดงถึงการใช้พลังงานไฟฟ้าและจิตวิญญาณแห่งความเป็นผู้นำของปอร์เช่ โดยมีเป้าหมายเพื่อสื่อสารความแข็งแกร่งด้านนวัตกรรมการสร้างสรรค์ของบริษัท ในการแข่งขันฟอร์มูล่าอี (Formula E) ที่ก้าวหน้านี้
สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้
ทีม TAG Heuer Porsche Formula E และ Andretti Formula E จะเข้าร่วมการทดสอบก่อนฤดูกาลอย่างเป็นทางการของการแข่งขันฟอร์มูล่าอี (Formula E) ที่เมืองบาเลนเซีย ประเทศสเปน ระหว่างวันที่ 4 ถึง 7 พฤศจิกายน นอกจากเวียร์ไลน์ (Wehrlein) และดาคอสต้า (da Costa) แล้ว นักขับหญิงอีก 2 คนคือ กาเบรียล่า จิลโควา (Gabriela Jílková) จากเช็กเกีย (Czechia) และมาร์ตา การ์เซีย (Marta García) จากสเปน (Spain) จะเป็นผู้ขับขี่รถปอร์เช่ (Porsche) ในเมืองบาเลนเซีย (Valencia)
ความรู้สึกหลังจากการเปิดตัว
โธมัส เลาเดนบาค (Thomas Laudenbach) รองประธานฝ่ายมอเตอร์สปอร์ตของปอร์เช่ (Vice President Porsche Motorsport) กล่าวว่า “เราสร้างรถสปอร์ตแห่งอนาคต ดังนั้นเราจึงต้องการให้ภาพลักษณ์ของเราคือความก้าวหน้า การแข่งขันฟอร์มูล่าอี (Formula E) ที่ล้ำสมัยและเปี่ยมไปด้วยนวัตกรรม ถือเป็นโอกาสอันยอดเยี่ยมในการส่งเสริมรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าของเรา การเตรียมความพร้อมสำหรับฤดูกาลจนถึงตอนนี้ทำให้ผมมีความมั่นใจว่าเราไม่เพียงแค่ดูดี แต่ยังสามารถสร้างผลงานต่อยอดจากความสำเร็จของฤดูกาลที่แล้วได้อีกด้วย โดยเราตั้งมาตรฐานไว้สูงเสมอ และด้วยความพร้อมของปาสคาล (Pascal) ในฐานะตำแหน่งแชมป์โลก เราจึงอยู่ในจุดสูงสุดของประวัติศาสตร์การแข่งฟอร์มูล่าของปอร์เช่จนถึงปัจจุบัน”
ฟลอเรียน โมดลิงเกอร์ (Florian Modlinger) ผู้อำนวยการฝ่ายมอเตอร์สปอร์ตโรงงาน ฟอร์มูล่าอี (Director Factory Motorsport Formula E) กล่าวว่า “งานพัฒนาที่ใหญ่ที่สุด คือการนำระบบขับเคลื่อนสี่ล้อมาใช้ชั่วคราว เนื่องจากฮาร์ดแวร์มีพร้อมสำหรับ GEN3 อยู่แล้ว จึงมีการทำงานอย่างหนักเพื่อปรับแต่งซอฟต์แวร์ นอกจากนี้ เรายังต้องการเพิ่มความเร็วในการเร่งและการเข้าโค้งให้สูงสุดด้วยการขับเคลื่อนสี่ล้อ ในขณะที่มีการตั้งเป้าหมายไม่ให้ใช้พลังงานมากเกินไป แต่ยังสามารถรักษาสมดุลของรถให้ตรงตามที่นักขับต้องการ ซึ่งงานทั้งหมดเหล่านี้ยังเกี่ยวข้องกับรถสปอร์ตของเราที่ผลิตเพื่อการขับขี่บนท้องถนนอีกด้วย”
ปาสคาล เวียร์ไลน์ (Pascal Wehrlein) นักขับจากปอร์เช่ (Porsche works driver) (#1) กล่าวว่า “Porsche 99X Electric ใหม่เป็นรถที่ยอดเยี่ยมมาก ผมชอบสีของมันมากจนออกแบบหมวกกันน็อคให้มีสีเดียวกัน นอกจากนี้ ผมยังภูมิใจที่ตอนนี้มีหมายเลข 1 อยู่ที่หน้ารถของผม ผมต้องการป้องกันตำแหน่งแชมป์ของตัวเองและการเตรียมความพร้อมสำหรับฤดูกาลใหม่ให้เป็นไปตามแผนที่ตั้งไว้”
อันโตนิโอ เฟลิกซ์ ดา คอสต้า (António Félix da Costa) นักขับจากปอร์เช่ (Porsche works driver) (#13) กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้รับรู้ว่าเราจะอยู่ในสถานะไหน ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ยางใหม่ และการปรับปรุงส่วนประกอบของเราอย่างครอบคลุม อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง แม้ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงหลักๆ ในกฎระเบียบก็ตาม ผมมีความหวังและยินดีที่เราจะได้แข่งขันในเซาเปาโลอีกครั้งในต้นเดือนธันวาคม หวังว่าผู้ชมแฟนๆ จะชื่นชอบสีรถใหม่ของเรา”
ข้อมูลทางเทคนิค – Porsche 99X Electric (GEN3 Evo)
กำลังขับเคลื่อน
- การใช้งานปกติ: 300 กิโลวัตต์(408 แรงม้า)
- โหมดโจมตี (Attack Mode), การดวลคุณสมบัติ: 350 กิโลวัตต์(476 แรงม้า)
การส่งกำลัง
- การใช้งานปกติ:ขับเคลื่อนล้อหลัง
- โหมดโจมตี (Attack Mode), ช่วงการคลอลิฟาย, การเริ่มการแข่งขัน: ขับเคลื่อนสี่ล้อ
การเร่งความเร็ว
- 0–100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง: ประมาณ 0วินาที
การกู้คืนพลังงาน
- กำลังการกู้คืนสูงสุด 600กิโลวัตต์ (การกู้คืนพลังงานจากเบรก)
- ประมาณ 50%ของพลังงานขับเคลื่อนในแต่ละการแข่งขันมาจากการกู้คืนพลังงานจากเบรก
ระบบเบรก
- ระบบเบรกฟื้นฟูพลังงาน: กำลังเบรกไฟฟ้าสูงสุด 250 กิโลวัตต์ที่ล้อหน้า, สูงสุด 350 กิโลวัตต์ ที่ล้อหลัง
- การชะลอเพิ่มเติมผ่านการเสียดสีของเบรคที่ล้อหน้า (“Brake by Wire” system)
- เส้นผ่านศูนย์กลางของจานเบรกหน้า: 258 มิลลิเมตร
- การเสียดสีของเบรกที่ล้อหลังจะทำงานเฉพาะในกรณีฉุกเฉิน (หากการกู้คืนพลังงานล้มเหลว)
ยาง
- ยาง Hankook iON Race ที่มีการออกแบบเฉพาะสำหรับสภาพพื้นผิวแห้งและเปียก
- ใช้ยาง2 ชุดต่อแต่ละสัปดาห์การแข่งขันและต่อรถหนึ่งคัน (3 ชุดสำหรับการแข่งขันแบบนักขับ 2 คน)
แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน
- ทุกส่วนประกอบได้รับมาตรฐาน
- ความจุที่สามารถใช้งานได้: 5กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง
- น้ำหนัก: 285กิโลกรัม
ระบบชาร์จพลังงานสูง (CCS–Combined Charging System)
- ออกแบบมาเพื่อการชาร์จที่รวดเร็วโดยมีพละกำลังการชาร์จสูงสุดถึง 600 กิโลวัตต์
น้ำหนักและขนาด
- น้ำหนัก: 862 กิโลกรัมรวมคนขับ
- ความยาว: 5,016 มิลลิเมตร, ความกว้าง: 1,700 มิลลิเมตร, ความสูง: 1,023 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ: 2,970 มิลลิเมตร
- ระยะห่างจากพื้น: สูงสุด65 มิลลิเมตร
- แทร็กด้านหน้า: 1,440 มิลลิเมตร
- แทร็กด้านหลัง: 1,380 มิลลิเมตร
การพัฒนาหลักภายใน
พัลส์อินเวอร์เตอร์, มอเตอร์ไฟฟ้า, เกียร์, ระบบความต่าง, แกนขับ และส่วนประกอบการขับขี่อื่นๆ ที่อยู่บนเพลาหลัง รวมถึงระบบระบายความร้อน, ส่วนสนับสนุนและส่วนประกอบการกันสะเทือนที่อยู่บนเพลาหลัง, ซอฟต์แวร์การทำงาน
ส่วนประกอบมาตรฐานหลัก
โครงสร้างและตัวถัง, ล้อและยาง, ส่วนประกอบการขับเคลื่อน, ระบบระบายความร้อน และส่วนประกอบการกันสะเทือนที่อยู่บนเพลาหน้า, แบตเตอรี่
ปอร์เช่ในการแข่งขันฟอร์มูลา อี (Formula E)
ปอร์เช่ (Porsche) เข้าร่วมการแข่งขันฟอร์มูลา อี (Formula E) ฤดูกาลที่ 6 ในปี 2024/2025 นอกจากทีม TAG Heuer Porsche Formula E ที่ดำเนินการโดยบริษัทแล้ว ทีมลูกค้าอเมริกันอย่าง Andretti Formula E ก็เข้าร่วมแข่งขันด้วยรถปอร์เช่ 99X Electric แนวคิดของรถแข่งพลังงานไฟฟ้าที่เป็นนวัตกรรมนี้ได้รับการพัฒนาที่สถานที่ของบริษัทในไวสซัค (Weissach) ซึ่งดำเนินงานในรูปแบบคาร์บอนเป็นกลาง ทีมปอร์เช่ย้ำความมุ่งมั่นในการเข้าร่วมการแข่งขันชิงแชมป์โลก โดยต้องการที่จะมีบทบาทนำในหมู่ผู้ผลิตรถยนต์แบบดั้งเดิมแต่โดดเด่นในด้านพลังงานไฟฟ้า, ความยั่งยืน และเทคโนโลยี ใน Formula E ปอร์เช่สามารถเรียนรู้องค์ประกอบต่างๆ ที่มีค่าเพื่อพัฒนารถสปอร์ตพลังานไฟฟ้าในสายการผลิตของแบรนด์