ตลาดรถยนต์สะสม 11 เดือน มีปริมาณการขาย 918,267 คัน ลดลง 1.1%
ขณะที่ตลาดเดือนพฤศจิกายนลดลง 16.2%
นางปวีณา นันทิกุลวาณิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์สะสม 11 เดือน มียอดการขายรวมทั้งสิ้น 918,267 คัน ลดลง 1.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 1.7% ขณะที่ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 2.8%
ประเด็นสำคัญ
ตลาดรถยนต์สะสม 11 เดือน มีปริมาณการขาย 918,267 คัน ลดลง 1.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 1.7% สืบเนื่องจากความนิยมและการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆในตลาดรถยนต์กลุ่มนี้ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ส่วนตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ มีอัตราการเติบโตลดลง 2.8% ส่วนตลาดรถยนต์เดือนพฤศจิกายนนั้น มีปริมาณการขาย 79,299 คัน ลดลง 16.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาโดยตลาดรถยนต์นั่งลดลง 16.4% และตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ลดลง 16.1% เป็นผลมาจากการปรับตัวลดลงของความเชื่อมั่นผู้บริโภค จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงความกังวลต่อสถานการณ์การค้าโลก และการแข็งตัวของค่าเงินบาท แต่อย่างไรก็ตามค่ายรถยนต์ต่างๆยังคงมีความพยายามเพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงเดือนสุดท้ายของปี ส่งผลให้แนวโน้มของตลาดรถยนต์ในเดือนธันวาคมยังคงเป็นที่น่าจับตามอง
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนพฤศจิกายน2562
- ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 79,299 คัน ลดลง 2%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 27,189 คัน ลดลง 11.7% ส่วนแบ่งตลาด 34.3%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 14,629 คัน ลดลง 12.8% ส่วนแบ่งตลาด 18.4%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 8,892 คัน ลดลง 19.9% ส่วนแบ่งตลาด 11.2%
- ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 29,646 คัน ลดลง4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 9,707 คัน ลดลง 7.4% ส่วนแบ่งตลาด 32.7%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 6,749 คัน ลดลง 17.9% ส่วนแบ่งตลาด 22.8%
อันดับที่ 3 มาสด้า 2,943 คัน ลดลง 34.4% ส่วนแบ่งตลาด 9.9%
- ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 49,653 คัน ลดลง 1%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 17,482 คัน ลดลง 13.8% ส่วนแบ่งตลาด 35.2%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 14,629 คัน ลดลง 12.8% ส่วนแบ่งตลาด 29.5%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 3,546 คัน ลดลง 34.2% ส่วนแบ่งตลาด 7.1%
- ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)
ปริมาณการขาย 40,047 คัน ลดลง 17.6%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 15,631 คัน ลดลง 13.0% ส่วนแบ่งตลาด 39.0%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 13,371 คัน ลดลง 14.7% ส่วนแบ่งตลาด 33.4%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 3,546 คัน ลดลง 34.2% ส่วนแบ่งตลาด 8.9%
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 3,796 คัน โตโยต้า 1,589 คัน – มิตซูบิชิ 825 คัน – อีซูซุ 638 คัน – ฟอร์ด 397 คัน – เชฟโรเลต 221 คัน –นิสสัน 126 คัน
- ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 36,251 คัน ลดลง 3%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 14,042 คัน ลดลง 10.4% ส่วนแบ่งตลาด 38.7%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 12,733 คัน ลดลง 12.2% ส่วนแบ่งตลาด 35.1%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 3,149 คัน ลดลง 34.4% ส่วนแบ่งตลาด 8.7%
สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2562
- ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 918,267 คัน ลดลง 1.1%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 302,893 คัน เพิ่มขึ้น 6.7% ส่วนแบ่งตลาด 33.0%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 152,448 คัน ลดลง 2.2% ส่วนแบ่งตลาด 16.6%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 116,296 คัน เพิ่มขึ้น 1.1% ส่วนแบ่งตลาด 12.7%
- ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 365,620 คัน เพิ่มขึ้น 7%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 107,628 คัน เพิ่มขึ้น 4.3% ส่วนแบ่งตลาด 29.4%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 89,311 คัน เพิ่มขึ้น 3.2% ส่วนแบ่งตลาด 24.4%
อันดับที่ 3 มาสด้า 43,360 คัน ลดลง 6.9% ส่วนแบ่งตลาด 11.9%
- ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 552,647 คัน ลดลง 8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 195,265 คัน เพิ่มขึ้น 8.0% ส่วนแบ่งตลาด 35.3%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 152,448 คัน ลดลง 2.2% ส่วนแบ่งตลาด 27.6%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 45,249 คัน ลดลง 24.5% ส่วนแบ่งตลาด 8.2%
- ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)
ปริมาณการขาย 447,104 คัน ลดลง 1.3%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 174,541 คัน เพิ่มขึ้น 10.7% ส่วนแบ่งตลาด 39.0%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 138,493 คัน ลดลง 2.5% ส่วนแบ่งตลาด 31.0%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 45,248 คัน ลดลง 23.6% ส่วนแบ่งตลาด 10.1%
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 55,020 คัน โตโยต้า 24,053 คัน – มิตซูบิชิ 12,203 คัน – อีซูซุ 8,709 คัน – ฟอร์ด 5,652 คัน – เชฟโรเลต 2,793 คัน – นิสสัน 1,610 คัน
- ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 392,084 คัน ลดลง 9%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 150,488 คัน เพิ่มขึ้น 12.5% ส่วนแบ่งตลาด 38.4%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 129,784 คัน ลดลง 0.8% ส่วนแบ่งตลาด 33.1%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 39,596 คัน ลดลง 21.7% ส่วนแบ่งตลาด 10.1%