นิสสันร่วมเสวนาในงานวันสิ่งแวดล้อมโลกขององค์การสหประชาชาติ นำเสนอแนวทางแก้ไขมลพิษทางอากาศ
ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนมีบทบาทสำคัญในการสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าที่ไร้มลพิษในประเทศไทย
จากความกังวลต่อสถานการณ์มลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้นในเขตชุมชนเมือง เช่น กรุงเทพ และเชียงใหม่ เมื่อเร็ว ๆ นี้ นิสสันจึงนำเสนอวิสัยทัศน์การขับขี่แบบไร้มลพิษ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม
สุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี รองประธานสายงานการตลาด บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมเสวนากับผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ จากคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (UN ESCAP), องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO), คณะทำงานโครงการขยายผลการวิจัยเพื่อติดตามผลแนวทางการแก้ไขปัญหาวิกฤตหมอกควัน จังหวัดเชียงใหม่, คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UN Human Rights), สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย, องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ กรุงเทพ (UNICEF) เพื่อหารือร่วมกันเนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลกประจำปีพ.ศ. 2562 ซึ่งสุรีทิพย์ได้กล่าวย้ำถึงความสำคัญของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ไร้มลพิษ รวมถึงการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนในการรับมือกับปัญหาคุณภาพของอากาศ
การจัดงานในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความร่วมมือของหน่วยงานต่าง ๆ ขององค์การสหประชาชาติประจำกรุงเทพฯ ภายใต้สาระสำคัญเรื่อง “การพิชิตมลพิษทางอากาศ” เพื่อเรียกร้องและกระตุ้นให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในระดับบุคคล องค์การภาคธุรกิจ ไปจนถึงหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ
“นิสสันมีภารกิจในการเปลี่ยนแปลงวิถีการขับขี่และใช้ชีวิตของผู้คน ซึ่งต้องเร่งจัดการมลพิษทางอากาศ โดยส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาดังกล่าว คือ การผลักดันให้เกิดการใช้งานยานพาหนะที่ไม่สร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม รถยนต์พลังงานไฟฟ้า อย่าง นิสสัน ลีฟ พร้อมกันนี้ เรายังเชื่อมั่นว่าภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญในการบรรเทาปัญหาดังกล่าว โดยที่เราต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังในการสร้างความตื่นตัวและตระหนักถึงปัญหา รวมถึงวิธีการที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการลดผลกระทบจากมลพิษ” สุรีทิพย์กล่าว
เวทีเสวนานี้ได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทของรถยนต์ในสังคมที่กำลังเปลี่ยนแปลง เพราะลูกค้าต่างคาดหวังให้ยานยนต์สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของพวกเขาได้อย่างตรงความต้องการ
“นิสสันเชื่อว่า ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าจะมีส่วนช่วยสร้างสรรค์เมืองแห่งอนาคตที่น่าอยู่อาศัย ผ่านรูปแบบการขับขี่ที่สะดวกสบาย อีกทั้งยังช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน” สุรีทิพย์ กล่าวสรุป