นิสสัน ชาร์จความตื่นเต้นให้ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ ที่มาดริด
สร้างสถิติการให้บริการรถยนต์ไฟฟ้าของนิสสันอย่างเป็นทางการในรอบชิงชนะเลิศ โรแบร์โต คาร์ลอส เชิญถ้วยรางวัลชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ด้วยรถนิสสัน ลีฟ นิสโม อาร์ซี 2.0
นิสสัน ชาร์จความตื่นเต้นในยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกรอบชิงชนะเลิศโดยนำนิสสัน ลีฟ และรถตู้ อี-เอ็นวี 200 รถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 363 คัน ให้บริการแก่เจ้าหน้าที่ และนักท่องเที่ยวในกรุงมาดริด สร้างขบวนรถขนาดใหญ่ ครอบคลุมระยะทางขับขี่จากรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 220,000 กิโลเมตร
สำหรับปีนี้ ถือเป็นฤดูกาลที่ห้าในฐานะบริษัทรถยนต์ที่เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการในการแข่งขันกีฬาประจำปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก นิสสันมีความมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงคุณภาพอากาศ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในเมืองที่เป็นเจ้าภาพในช่วงสุดสัปดาห์ อันมีการจราจรหนาแน่นนี้ ด้วยการให้บริการรถยนต์ไร้มลพิษจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของการแข่งขัน
ในปีนี้นอกจากรถยนต์ไฟฟ้าที่ให้บริการของนิสสันแล้ว ยังมีรถแข่งนิสสัน ลีฟ นิสโม อาร์ซี 2.0 ซึ่งโรแบร์โต คาร์ลอส ตำนานฟุตบอลชาวบราซิลที่ใช้เชิญถ้วยรางวัลชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก เดินทางจากยูฟ่าแชมเปี้ยน เฟสติวัล ในปูเอร์ต้า เดล โซล (Puerta del Sol) ไปยังเอสตาดิโอ เมโทรโปลิตาโน (Estadio Metropolitano)
ลีฟ นิสโม อาร์ซี 2.0 แสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีล่าสุดจากนิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี (Nissan Intelligent Mobility) ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบคู่ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและรูปโฉมภายนอกที่ดุดัน รวมถึงกล่องโชว์ถ้วยรางวัลแบบแอโรไดนามิกที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการแข่งขันนัดนี้ ทั้งนี้ ลีฟรุ่นปัจจุบันให้พละกำลังและแรงบิดสูงสุดเป็นสองเท่าของรุ่นก่อนหน้า ด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ไฟฟ้าขั้นสูงและส่วนประกอบระบบขับเคลื่อนที่มาจากนิสสัน ลีฟ รถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลก
โดยหลังผ่านพ้นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศนี้ นิสสัน เตรียมส่งมอบ ลีฟ อีพลัส (LEAF e+) ใหม่ ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ใหม่ขนาด 62 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถวิ่งได้ไกลถึง 385 กิโลเมตร พร้อมอุปกรณ์แต่งและชุดแต่งแบบใหม่ รวมถึงเทคโนโลยี อี-เพดัล (e-Pedal) และโปรไพลอท (ProPILOT) ให้กับลูกค้าชาวยุโรปอีกด้วย
แกเร็ธ ดันส์มอร์ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายสื่อสารการตลาด, การให้บริการเชื่อมต่อรถยนต์ และประสบการณ์ลูกค้า นิสสัน ยุโรป (Gareth Dunsmore, Divisional General Manager of Marketing Communications, Connected Car Services, Customer Experience – Nissan Europe) กล่าวว่า “แชมเปี้ยนส์ลีกรอบชิงชนะเลิศนี้และรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของนิสสัน เป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบเพราะทั้งคู่มอบความตื่นเต้นและความยอดเยี่ยมที่สุด เราตื่นเต้นที่ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสกับการเดินทางที่ไร้มลพิษบนท้องถนนในกรุงมาดริด ซึ่งเป็นเมืองที่โดดเด่นเรื่องการปฏิวัติในรถยนต์ไฟฟ้ามาโดยตลอด”
สำหรับกรุงมาดริด ประเทศสเปน ไม่อนุญาตให้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลและเบนซินแบบเก่าวิ่งในบางส่วนของเขตเมือง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวเพื่อลดความแออัดและมลภาวะ โดยมีเขตปลอดมลพิษใหม่ครอบคลุมพื้นที่ 472 เฮกตาร์ (1,166 เอเคอร์) ซึ่งหมายความว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินที่จดทะเบียนก่อนปี พ.ศ. 2543 และดีเซลที่จดทะเบียนก่อนปี พ.ศ. 2549 จะไม่ได้รับอนุญาตจากพื้นที่นอกจากรถยนต์เหล่านี้ใช้โดยผู้อยู่อาศัยในพื้นที่หรือปฏิบัติตามข้อยกเว้นอื่น ๆ มีเพียงรถยนต์ที่ไร้มลพิษเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ขับขี่ในย่านใจกลางเมือง และกรุงมาดริดได้ติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 110 เครื่อง เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานไฟฟ้าอีกด้วย
เพื่อสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าว ในช่วงสุดสัปดาห์ของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกรอบชิงชนะเลิศ นิสสัน ได้เพิ่มเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอีก 36 เครื่องทั่วเมือง ซึ่งจะนำไปใช้ในสเปนต่อไปหลังการแข่งขัน
ขณะที่ นิสสัน ลีฟ ถูกผลิตขึ้นที่หนึ่งในโรงงานที่ได้รับรางวัลของนิสสัน ในซันเดอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร สำหรับการส่งออกไปยังตลาดทั่วยุโรป รวมถึงสเปน ลีฟ ยังคงเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลก โดยมียอดขายทั่วโลกมากกว่า 410,000 คัน และยอดขายในยุโรปที่โดดเด่นด้วยจำนวนถึง 41,589 คัน ในปี พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมา