นิสสัน ประกาศความร่วมมือกับทีม แม็คลาเรน เรซซิ่ง
เสริมขุมพลังด้วยเครื่องยนต์ไฟฟ้าสำหรับ รถแข่งฟอร์มูล่า อี รุ่นที่ 3 ยืนยันความร่วมมือระยะยาวตั้งแต่ฤดูกาลที่ 9 ของรายการแข่งขันรถฟอร์มูล่าพลังงานไฟฟ้า
นิสสันและทีมแม็คลาเรน เรซซิ่ง ได้ประกาศความร่วมมือระยะยาว ทางเทคโนโลยี โดยจะเริ่มในช่วงต้นฤดูกาลของการแข่งขันชิงแชมป์โลก ABB FIA Formula E ฤดูกาล 2022-2023 (ABB FIA Formula E World Championship 2022/23)
แม็คลาเรน เรซซิ่ง ได้ยืนยันเข้าร่วมการแข่งขันชิงแชมป์โลกรายการ ABB FIA Formula E ฤดูกาลที่ 9 ที่แข่งขันด้วยรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด โดยความร่วมมือดังกล่าว นิสสันจะผนึกกำลังกับทีมแม็คลาเรน เรซซิ่งด้วยการนำเทคโนโลยีเครื่องยนต์ไฟฟ้าจากนิสสันมาใช้กับรถแข่งฟอร์มูล่า อี รุ่นที่ 3 ของทีมทุกคัน
ความร่วมมือล่าสุดกับแม็คลาเรนเป็นการต่อยอดจากการที่นิสสันมีส่วนร่วมโดยตรงในการพัฒนาต่อยอดรถแข่งฟอร์มูล่า อี รุ่นที่ 3 ให้เป็นที่ยอมรับ ในฐานะที่เป็นผู้นำทางการออกแบบและผลิตรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลกและการที่เพิ่งเข้าซื้อกิจการทีมอี แดมส์ นิสสันจะยังคงเข้าร่วมการแข่งขันฟอร์มูล่า อี ด้วยทีมของตนเองต่อไปอีกด้วย
ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว นิสสันและแม็คลาเรน เรซซิ่งจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อที่จะประลองกับผู้ผลิตรายอื่นๆในรายการแข่งขันที่มีความท้าทายและมีก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากที่สุดในโลก
“การเป็นพันธมิตรกับแม็คลาเรนในครั้งนี้นับเป็นความร่วมมือที่ทรงพลัง การผนึกกำลังระหว่างกันจะสร้างแรงบันดาลใจในการแลกเปลี่ยนความรู้และการทำงานร่วมกัน” อัชวานี กุปตา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการนิสสัน (Ashwani Gupta, Nissan’s chief operating officer) กล่าว “จิตวิญญาณแห่งการริเริ่มและแรงผลักดันที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมคือสิ่งที่นิสสันและแม็คลาเรนมีร่วมกัน นั่นจึงทำให้แม็คลาเรนเป็นพันธมิตรที่เหมาะสมของนิสสันในการแข่งขันฟอร์มูล่า อี ในขณะที่เราจะยังคงผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของเราไปด้วย”
แซค บราวน์ ประธานบริหารแม็คลาเรน เรซซิ่ง (Zak Brown,CEO McLaren Racing) กล่าวว่า “ในขณะที่เรากำลังสร้างทีมสำหรับการแข่งขันในฤดูกาลแรกของฟอร์มูล่า อี เราก็ค่อยๆหาโอกาสที่เหมาะสมและพันธมิตรที่ดีที่สุดสำหรับเราไปด้วย บริษัทเรามองว่าความเชี่ยวชาญทางเทคนิคคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งนิสสันได้พิสูจน์ให้เราเห็นถึงความรู้ ความชำนาญ และความมุ่งมั่นตลอดการแข่งขัน 4 ฤดูกาลที่ผ่านมา รวมไปถึงฟอร์มูล่า อี รุ่นที่3 ในอนาคตอีกด้วย เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าการร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้บริษัทของพวกเราทั้งคู่ประสบความสำเร็จและจะผลักดันประสิทธิภาพการทำงานของพวกเราในการพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องยนต์ฟอร์มูล่า อี ไปอีกก้าว”
ด้าน ทอมมาโซ โวลป์ ผู้จัดการทั่วไปนิสสันฟอร์มูล่า อีและกรรมการผู้จัดการทีมฟอร์มูล่า อี นิสสันอี แดมส์ (Tommaso Volpe, general manager, Nissan Formula E, and managing director, Nissan e.dams Formula E Team) กล่าวว่า “พวกเรารู้สึกภาคภูมิใจที่จะประกาศความร่วมมือระยะยาวกับแบรนด์มอเตอร์สปอตชั้นนำอย่างแม็คลาเรน การทำงานร่วมกันจะเริ่มขึ้นในฤดูกาลต่อไปพร้อมกับข้อกำหนดใหม่ของรถฟอร์มูล่า อี รุ่นที่3 ที่ซึ่งเราจะได้เห็นประสิทธิภาพของการแข่งขันรถยนต์ไฟฟ้าที่เกินขีดจำกัดที่ผ่านมา สำหรับนิสสันแล้ว เราไม่ได้เข้าร่วมฟอร์มูล่า อีเพื่อแข่งขันเพียงอย่างเดียว แต่เราต้องการแสดงศักยภาพของรถยนต์ไฟฟ้าของนิสสันให้ผู้คนรู้สึกประทับใจในความทรงพลังและความมีประสิทธิภาพ อีกทั้งความร่วมมือกับแม็คลาเรนในครั้งนี้เองจะเปิดโอกาสให้นิสสันสามารถพัฒนาเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็วและเป็นที่ประจักษ์แก่แฟนๆของเราทั่วโลก”
นิสสันเข้าร่วมการแข่งขันชิงแชมป์โลกรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อนำความตื่นเต้นเร้าใจของเครื่องยนต์ไฟฟ้าไร้มลพิษมาสู่ผู้ชมทั่วโลก นิสสันตั้งใจที่จะนำรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดรถยนต์หลักภายในปี 2030 เพื่อนำไปสู่เป้าหมายการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตตลอดจนช่วงการใช้งานของรถยนต์ภายในปี 2050 ทั้งนี้นิสสันตั้งเป้าหมายที่จะนำความเชี่ยวชาญ ความรู้และเทคโนโลยีของรถแข่งและรถทั่วไปมาผสมผสานกันให้เกิดเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้าของเรา
เกี่ยวกับนิสสันในการแข่งขันฟอร์มูล่า อี
นิสสันเปิดตัวในการแข่งขันชิงแชมป์โลก ABB FIA Formula E ฤดูกาลที่ 5 (ปี 2018-2019) ซึ่งเป็นการแข่งขันรถแข่งฟอร์มูล่าที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% จึงทำให้นิสสันกลายเป็นผู้ผลิตรายแรกและรายเดียวของญี่ปุ่นที่เข้าร่วมแข่งขันในรายการนี้
ในเดือนเมษายน ปี 2022 นิสสันได้ประกาศการเข้าซื้อกิจการทีมแข่ง อี แดมส์ โดยนิสสันเข้าควบคุมกิจกรรมทั้งหมดของทีมในการเข้าร่วมการแข่งขันชิงแชมป์โลก ABB FIA Formula E
เกี่ยวกับแม็คลาเรน เรซซิ่ง
แม็คลาเรน เรซซิ่งก่อตั้งโดย บรูซ แม็คลาเรน นักแข่งรถชาวนิวซีแลนด์ในปี 1963 ทีมได้เข้าสู่การแข่งขันฟอร์มูล่า วัน ครั้งแรกในปี 1966 นับตั้งแต่เมื่อแม็คลาเรนชนะการแข่งขันชิงแชมป์โลก Formula 1 ได้ถึง 20 ครั้ง, การแข่งขัน Formula 1 Grands Prix มากกว่า 180 รายการ, การแข่งขัน Indianapolis 500 สาม ครั้ง, และการแข่งขัน Le Mans 24 Hours ในครั้งแรกที่ลงแข่ง