มาสด้าเปิดตัว New Mazda3 จากความสง่างามสู่ความสปอร์ตพรีเมี่ยม
ยนตรกรรมสุดหรูที่พร้อมปลุกสัญชาตญาณความสปอร์ตในแบบคุณ
- พบกับอีกระดับกับสีภายนอกเทรนด์ใหม่ บรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์
- เพิ่มภาพลักษณ์สปอร์ตพรีเมี่ยมด้วยหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า หนึ่งเดียวในตลาด
- เพิ่มไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน Daytime Running Lamp แบบ Signature และไฟท้ายแบบ LED Signature ในรุ่น 0 C และ 2.0 S ช่วยให้สามารถขับขี่ได้ปลอดภัยยิ่งขึ้น ทั้งเวลากลางวันและกลางคืน
- เพิ่มระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS ในรุ่น0 C และ 2.0 S
- เพิ่มระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง และกล้องมองหลัง ในรุ่น0 C
- เพิ่มระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า และ Sports Paddle Shift ในรุ่น 0 S
- อัพเกรดความเร็วสูงสุดของระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS สามารถทำงานได้ถึง 145 กม./ชม.
- มอบสุนทรียภาพในการขับขี่ด้วยระบบเสียง Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง
- มอบความสะดวกสบายที่เหนือกว่า กับเบาะคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ 2 ตำแหน่ง
- ขับสนุก มอบความแรงและเร้าใจทุกเส้นทางกับ เครื่องยนต์ SKYACTIV-G 2.0
- ครบครันด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย i-ACTIVSENSE กว่า 12 ระบบ
มาสด้าเดินหน้ากระตุ้นตลาดต่อเนื่อง ส่ง New Mazda3 เก๋งยอดนิยม ต้นแบบแห่งความสง่างามดุจงานศิลปะชิ้นเอก ยนตรกรรมที่พร้อมปลุกสัญชาตญาณความสปอร์ตในตัวคุณให้มีชีวิต เจ้าของรางวัลรถยนต์ออกแบบยอดเยี่ยมของโลก และ Top 3 รถยนต์ยอดเยี่ยมของโลก ชูไฮไลท์สำคัญ คือ สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ด้วยเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 ลิตร และเพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยครบครันยิ่งขึ้นตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น เสริมภาพลักษณ์ความสปอร์ตหรูที่เหนือกว่ากับหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้าหนึ่งเดียวในตลาด พร้อมเติมเต็มเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในแบบไม่ซ้ำใครกับสีภายนอกใหม่ บรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ มาพร้อมตัวถังสองรูปแบบทั้งซีดานและฟาสท์แบค ที่สะท้อนภาพลักษณ์และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ที่ลงตัว มอบความคุ้มค่าคุ้มราคาด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 979,000 บาท พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ กับดอกเบี้ย 1.99%1 และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2 เชิญสัมผัสตัวจริงเสียงจริงได้แล้ววันนี้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ และพร้อมส่งมอบรถใหม่ให้กับลูกค้าทันที
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดรถยนต์นั่งระดับ C segment มีผู้เล่นหลักในตลาดเพียง 3 แบรนด์ มียอดขายรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 2-3 หมื่นคันต่อปี ในขณะที่มาสด้ามียอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3 พันคันต่อปี ครองส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 10% หรือเฉลี่ยประมาณ 3 ร้อยคันต่อเดือน โดยเฉพาะรุ่นฟาสท์แบค 5 ประตู ที่มาสด้ายังคงครองความเป็นเจ้าตลาดมาตลอดกาล นับตั้งแต่เจเนอเรชั่นแรกจนถึงปัจจุบัน การปรับโฉมเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากขึ้น เพิ่มระบบความปลอดภัยมากขึ้น และคัดสรรเฉพาะวัสดุคุณภาพสูง ผนวกกับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ที่ประหยัดน้ำมันถึง 15.9 กิโลเมตรต่อลิตร จะส่งผลให้ Mazd3 ยังคงความสปอร์ตพรีเมี่ยมเหนือกว่ารถทุกรุ่น และคาดว่ายอดขายจะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าปัจจุบัน
ทั้งนี้ มาสด้าต้องขอขอบคุณลูกค้าชาวไทยที่ให้การตอบรับอย่างดียิ่ง จากการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ลงสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะ CX-3 ตามด้วย Mazda2 และล่าสุดคือ CX-30 ที่มาพร้อมกับสีใหม่ บรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ ซึ่งกว่า 30% ของยอดจองทั้งหมด กลายเป็นสีที่ถูกใจลูกค้ามากที่สุด รองลงมาคือ สีเทา โพลีเมทัล เกรย์ และสีแดง โซล เรด คริสตัล ซึ่งทั้ง 3 สี ที่มาสด้าผลิตขึ้นมาถือเป็นการบุกเบิกเพื่อสร้างเทรนด์ใหม่ให้กับลูกค้าในประเทศไทย และมีเฉพาะในรถยนต์มาสด้าเท่านั้น
สำหรับ Mazda3 ถือเป็นยนตรกรรมเจเนอเรชั่นใหม่ที่เป็นดั่งต้นแบบของความสง่างาม ซึ่งเปิดตัวและวางจำหน่ายในประเทศไทยมาแล้วทั้งหมด 4 เจเนอเรชั่น โดยเจเนอเรชั่นแรก วางจำหน่ายระหว่างปี 2547-2554 มียอดขายสะสมกว่า 30,000 คัน ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนภาพลักษณ์มาสด้าอย่างสิ้นเชิง ตามด้วยเจเนอเรชั่นที่ 2 วางจำหน่ายระหว่างปี 2554-2557 มียอดขายสะสมกว่า 15,000 คัน ตามด้วยเจเนอเรชั่นที่ 3 ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ เริ่มวางจำหน่ายระหว่างปี 2557-2563 มียอดขายสะสมกว่า 32,000 คัน และเจเนอเรชั่นล่าสุด ที่วางจำหน่ายมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงามด้วยยอดขายสะสมกว่า 8,000 คัน ซึ่งทำให้ปัจจุบันมีรถยนต์ Mazda3 อยู่ภายใต้การครอบครองของลูกค้าในประเทศไทยแล้วกว่า 85,000 คัน และอยู่ในการครอบครองของลูกค้าทั่วโลกรวมแล้วกว่า 6.9 ล้านคัน
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การแนะนำรถยนต์นั่ง New Mazda3 ในครั้งนี้ มาพร้อมคอนเซ็ปต์ใหม่ “AWAKENING YOUR SOUL” เป็นยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมี่ยมใหม่ ที่ปลุกสัญชาตญาณความสปอร์ตในแบบคุณให้มีชีวิต เติมเต็มเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในแบบที่ไม่ซ้ำใคร ด้วยดีไซน์ที่สะกดสายตาในทุกมุมมอง ดีไซน์ภายนอกที่ยังคงความสง่างาม สปอร์ตพรีเมี่ยม ภายใต้แนวคิด Kodo: Soul of Motion ที่ถูกพัฒนาขึ้นไปอีกระดับ ด้วยการลดทอนรายละเอียดที่ไม่จำเป็นลง แต่คงไว้ซึ่งความเรียบหรู ทรงพลัง ดุจการเติมจิตวิญญาณให้ยนตรกรรมมีชีวิต ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากสุนทรียศาสตร์แบบญี่ปุ่น ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Less is More” ที่เน้นความเรียบง่ายแต่งดงาม ในรุ่นฟาสท์แบค 5 ประตู ยังคงแบบอย่างการดีไซน์อันมีเอกลักษณ์เสมือนงานศิลปะชิ้นเอก โดดเด่นด้วยความสปอร์ตในทุกรายละเอียด เน้นความเรียบง่ายแต่ทรงพลัง ในขณะที่รุ่นซีดาน 4 ประตู ให้ความหรูหรา ปราดเปรียวอย่างมีสไตล์ แต่ยังคงไว้ซึ่งความภูมิฐานสง่างามในทุกรายละเอียด พร้อมสะกดทุกสายตาให้เหลียวมอง
สำหรับการแนะนำสู่ตลาดครั้งนี้ นับเป็นการปรับเปลี่ยนครั้งแรกของ Mazda3 เจเนอเรชั่นล่าสุด เนื่องด้วยมาสด้าให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนน จึงได้พัฒนารถรุ่นนี้ให้มีความสมบูรณ์แบบในเรื่องของเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากความสง่างามที่ลูกค้าทั่วโลกให้การยอมรับ โดยเพิ่มออฟชั่นและอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครันเหนือระดับตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น คือรุ่น 2.0 C/C Sports อันได้แก่ ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS, ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน Daytime Running Lamp แบบ Signature, ไฟท้ายแบบ LED Signature, ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง และกล้องมองหลัง เพื่ออำนวยความสะดวกสบายและมอบความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะขับเวลากลางวันหรือในเวลากลางคืน
นอกจากนี้ มาสด้ายังได้เพิ่มระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า, Sports Paddle Shift, ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน Daytime Running Lamp แบบ Signature และ ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS เข้ามาในรุ่น 2.0 S/2.0 S Sports รวมถึงยกระดับภาพลักษณ์ความสปอร์ตหรูที่เหนือกว่ากับหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า และระบบระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS ในรุ่น 2.0 SP/ 2.0 SP Sports อีกด้วย ไม่เพียงเท่านี้ New Mazda3 ยังมาพร้อมสีภายนอกใหม่ ที่จะมาสะกดสายตาทุกมุมมอง กับสีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ ผนวกกับสมรรถนะของเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 ลิตร ที่ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน จึงทำให้รถรุ่นนี้โดดเด่นมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งมาสด้าเชื่อว่าจะตอบรับความต้องการของผู้บริโภคในรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ได้เป็นอย่างดี
ภายในห้องโดยสารยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยความสปอร์ตหรูมีระดับ พิถีพิถันใส่ใจในทุกรายละเอียดเสมือนงานทำมือ (Hand-Crafted Design) ทั้งการออกแบบและการคัดสรรวัสดุอย่างประณีตดุจงานศิลปะที่มีแนวทางเฉพาะตัว พร้อมมอบความรู้สึกถึงความสะดวกสบายที่เหนือกว่ากับเบาะคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ 2 ตำแหน่ง แผงหน้าปัดและมาตรวัดดิจิตอล แบบ TFT LCD พร้อมจอแสดงผลแบบสี MID และหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า ซึ่งทุกองค์ประกอบได้ถูกพัฒนาขึ้นโดยคำนึงถึงการใช้งานและประโยชน์ของมนุษย์เป็นหลักตามปรัชญา Human Centric Philosophy เพื่อมอบความสะดวกสบายและปลอดภัยให้กับผู้โดยสารไปตลอดการเดินทาง
New Mazda3 ยังมอบความเร้าใจด้วยถ่ายทอดจิตวิญญาณความสปอร์ตของผู้ขับขี่ ด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่โดดเด่นของเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน SKYACTIV-G 2.0 ให้พละกำลังสูงถึง 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร รองรับน้ำมันได้ถึง E85 ให้การประหยัดน้ำมันสูงสุด 15.9 กม./ลิตร* และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับระบบส่งกำลังอัจฉริยะ SKYACTIV-DRIVE เกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ 6 สปีด ที่ให้การตอบสนองแม่นยำในทุกรอบความเร็ว พร้อมแมนนวลโหมด Activematic มอบความสนุกเร้าใจอีกระดับ
นอกจากนี้ New Mazda3 ยังคงส่งมอบความมั่นใจและความเพลิดเพลินสนุกสนานในการขับขี่ ด้วยการพัฒนารถยนต์ตามหลักปรัชญา จินบะ อิไต (Jinba Ittai) ที่ให้คนกับรถเป็นหนึ่งเดียวกัน รวมถึงแพลตฟอร์มเจเนอเรชั่นใหม่ SKYACTIV-VEHICLE ARCHITECTURE ที่ได้รับการพัฒนาจากท่วงท่าการเดินของมนุษย์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและมีสมดุล เพื่อพัฒนารถยนต์ที่ให้ความรู้สึกเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย พร้อมด้วยระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง หรือ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่และรถเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ และมอบความสะดวกสบายให้ผู้โดยสารไปตลอดการเดินทาง
New Mazda3 ยังช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่พลาดทุกการติดต่อสื่อสาร ด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบไร้ขีดจำกัด กับMazda Connect ที่ครบครันทุกฟังก์ชั่น ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดีย หรือ รับ-ส่ง SMS ผ่านสัญญาณ Bluetooth เพลิดเพลินกับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิตอลได้มากยิ่งขึ้นด้วย Apple CarPlay® และ Android Auto™* ที่สามารถเชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน สามารถใช้งานฟังก์ชั่นสำคัญๆ โดยแสดงผลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว ที่ควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander พร้อมมอบความสุนทรีย์ที่เหนือระดับด้วยระบบเสียงคุณภาพสูงจาก Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง
New Mazda3 มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ทั้งแบบซีดาน 4 ประตู และฟาสท์แบค 5 ประตู
- รุ่น 2.0 C และ 2.0 C Sports มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.0 ได้ติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานและระบบความปลอดภัยมาอย่างครบครัน อาทิ ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lamp) แบบ LED Signature, ไฟท้ายแบบ LED Signature, ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS, ระบบไฟหน้าปรับระดับสูง-ต่ำ อัตโนมัติ, มาตรวัดดิจิตอล แบบ TFT LCD พร้อมจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสี MID, หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า, ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด, หน้าจอสี Center Display ขนาด 8.8 นิ้ว พร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander, ระบบควบคุมความเร็วคงที่, ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold, กล้องมองหลัง, ถุงลมนิรภัยรวม 7 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมบริเวณหัวเข่าด้านคนขับ พร้อมด้วยระบบ i-Activsense เพื่อมอบความปลอดภัยอย่างเหนือระดับให้แก่ผู้ขับและผู้โดยสารทุกคน
- รุ่น 2.0 S และ 2.0 S Sports เพิ่มอุปกรณ์และเทคโนโลยีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Sports Paddle Shift), วัสดุตกแต่งคอนโซลและมือจับประตูด้านในสีเงินโครเมียม, ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, ฝาปิดที่วางแก้วน้ำที่คอนโซลกลาง, ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด, ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว (คุณสมบัติเพิ่มเติมจากรุ่น 2.0 C)
- รุ่น 2.0 SP และ 2.0 SP Sports มาพร้อมหลังคาซันรูฟไฟฟ้า ระบบความปลอดภัยและสะดวกสบายที่เหนือระดับ อาทิ กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ, ระบบเสียงคุณภาพสูงจาก Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง, ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ และระบบ i-Activsense อีกหลายรายการ เพื่อมอบสุนทรียภาพและความปลอดภัยไปตลอดการเดินทาง (คุณสมบัติเพิ่มเติมจากรุ่น 2.0 S)
New Mazda3 มาพร้อมเทคโนโลยี i-ACTIVSENSE ที่ช่วยป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากมายหลายระบบ ประกอบด้วย
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- ระบบช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC (Smart Brake Support-Reverse Crossing)
- ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS (Adaptive Front-Lighting System)
- ระบบเตือนเมื่อเกิดความอ่อนล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane Keep Assist System)
- ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)
- ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R (Smart Brake Support-Reverse)
- ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS (Cruising & Traffic Support)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control)
- ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติแบบ Advance หรือ Advanced SBS (Advanced Smart Brake Support)
- ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps)
- ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง
New Mazda3 มีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ประกอบด้วย
- สีแดง โซล เรด คริสตัล (Soul Red Crystal)
- สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray)
- สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ (Platinum Quartz)
- สีเทา โพลีเมทัล เกรย์ (Polymetal Gray) มีเฉพาะในรุ่นฟาสท์แบค
- สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snowflake White Pearl)
- สีเงิน โซนิค ซิลเวอร์ (Sonic Silver)
- สีดำ เจ็ท แบล็ก (Jet Black)
ราคาจำหน่าย New Mazda3 ทั้งรุ่นฟาสท์แบค 5 ประตู และซีดาน 4 ประตู จำหน่ายในราคาเดียวกัน
- New Mazda3 รุ่น 0 C และ 2.0 C Sports ราคา 979,000 บาท
- New Mazda3 รุ่น 0 S และ 2.0 S Sports ราคา 1,069,000 บาท
- New Mazda3 รุ่น 0 SP และ 2.0 SP Sports ราคา 1,198,000 บาท
ไม่เพียงเท่านี้ มาสด้ายังได้จัดแคมเปญสุดพิเศษโชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ เพื่อมอบข้อเสนอพิเศษในช่วงเปิดตัว แนะนำ New Mazda3 กับดอกเบี้ย 1.99%1 และฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance 1 ปี2 ตั้งแต่วันนี้จนถึง 28 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งลูกค้าที่สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการมาสด้าทั่วประเทศ หรือทางเว็บไซต์ www.mazda.co.th
*ผลการทดสอบตามมาตรฐาน UN101 Combine Mode