มาสด้า2 แรงไม่หยุดครองแชมป์ตลาดเก๋งเล็ก 2 ปีติด
CX-8 กำลังฮ็อตสุด ปี 2563 ตั้งเป้ายอดขายทะลุ 6 หมื่นคัน
มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เผยความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจประจำปี 2562 ที่ผ่านมา ยอดขายพุ่งสูงสุดเกือบ 6 หมื่นคัน มาสด้า2 ยังแรงต่อเนื่องขึ้นทำเนียบคว้าแชมป์สองปีติดต่อกัน มั่นใจปี 2563 ตลาดรถยนต์จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง เน้นกลยุทธ์การบริหารงานแบบครบวงจรพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ เตรียมเสริมทัพรถใหม่อีกเพียบ ทั้งรถเก๋ง รถอเนกประสงค์ รถครอสโอเวอร์ และรถปิกอัพ รวมทั้งเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเหนือระดับเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด เน้นกลยุทธ์การสร้างสายสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว ยกระดับคุณภาพบริการหลังการขายให้ได้มาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ หลังการปรับโฉมโชว์รูมและศูนย์บริการเสร็จสมบูรณ์ มั่นใจปีนี้ยอดขายมากกว่า 60,000 คัน และครองส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 6%
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดรถยนต์ในปี 2562 ที่ผ่านมา ถูกจับตามองเป็นอย่างยิ่งโดยผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่ายอดรวมของอุตสาหกรรมรถยนต์น่าจะอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านคัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับปี 2561 ซึ่งมียอดรวมอยู่ที่ 1.04 ล้านคัน แม้จะมีปัจจัยทั้งภายในและภายนอกเข้ามากระทบ แต่ท้ายที่สุดตัวเลขรวมก็ทะลุ 1 ล้านคัน (ประมาณการ) ซึ่งใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ในส่วนของมาสด้าสามารถบรรลุยอดขายรวมได้สูงถึง 58,129 คัน ลดลงประมาณ 17.5% และครองส่วนแบ่งการตลาด 5.8% แบ่งออกเป็นรถยนต์นั่ง 46,704 คัน รถอเนกประสงค์จำนวน 5,736 คัน โดยเฉพาะการเปิดตัว CX-8 Crossover 7 ที่นั่ง ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าแบบครอบครัวจนสร้างกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า รวมทั้งรถปิกอัพจำนวน 5,664 คัน และรถสปอร์ต MX-5 จำนวน 25 คัน
เนื่องจากตลาดรถยนต์ในปีที่ผ่านมามีการแข่งขันที่สูงมาก แม้ว่ามาสด้าจะส่งรถยนต์รุ่นใหม่ลงสู้ศึกในตลาดถึง 6 รุ่น แต่ทั้งหมดอยู่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี แต่กลับทำยอดขายได้เป็นกอบเป็นกำ สาเหตุสำคัญเกิดจากความมั่นใจของลูกค้าที่มีต่อตัวโปรดักซ์ทุกรุ่น การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมในทุกพื้นที่ การสื่อสารแบรนด์สู่ความเป็นพรีเมียมที่ลูกค้าสัมผัสได้จริง ตลอดจนการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าเป็นอย่างดี ส่งผลให้ยอดขายรวมทะลุถึง 58,129 คัน สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 5.8%
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยของปี 2562 ที่ผ่านมาว่า “ภาพรวมของภาวะเศรษฐกิจไทยปี 2562 ขยายตัวอยู่ที่ประมาณ 2.5% โดยรวมต้องบอกว่า “ดีขึ้น” แต่ยังต่ำกว่าศักยภาพที่ควรจะเป็น ปัจจัยสำคัญเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ซึ่งแม้ว่าจะสามารถจัดการเลือกตั้งได้ผลสำเร็จไปได้ด้วยดี แต่ก็ใช้ระยะเวลานานกว่าที่จะจัดการแต่งตั้งรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ ทำให้โครงการสำคัญๆ ชะลอออกไป ไม่สามารถเดินต่อได้ จึงไม่มีกลไกมาช่วยส่งเสริม”
พร้อมกันนี้ นายชาญชัย ตระการอุดมสุข แสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น ประมาณ 2.8 – 3.0% ค่าเงินและเศรษฐกิจอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ หากค่าเงินบาทเฉลี่ยที่ 30/ดอลลาร์ฯ ในปีนี้จะกระทบสินค้าเกษตร รถยนต์ และท่องเที่ยว การผลิตอาจลดลงเป็นปีที่สองติดต่อกัน ด้านการท่องเที่ยว ปัญหานักท่องเที่ยวที่ลดลงจะกลับมาคึกคักมากขึ้น เพราะประเทศไทยยังถือเป็นประเทศเป้าหมายของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวหลัก จากจีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อาเซียน รวมทั้งจากไทยเที่ยวไทย ประเด็นทางเศรษฐกิจไทย ปี 2563 จำเป็นต้องได้รับแรงหนุนจากภาครัฐเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อาทิ รัฐต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม การเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ รวมถึงการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินและการคลัง การลงทุนโครงการของภาครัฐคือแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง อาทิ ท่าอากาศยาน ทางหลวงพิเศษ รถไฟรางคู่ รถไฟฟ้าในเมือง
ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้ คือ สถานการณ์ทางการเมืองของไทยและสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องสงครามการค้าระหว่างประเทศ อาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงอาจส่งผลมาถึงเศรษฐกิจไทย ส่วนปัญหาภัยแล้งอาจกระทบภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมในห่วงโซ่ แต่จะส่งผลให้ราคาพืชผลทางการเกษตรทุกชนิดมีแนวโน้มดีขึ้น
ตลาดรถยนต์ไทยในปี 2562 ยอดขายรวมทะลุ 1 ล้านคัน และที่สำคัญมาสด้า2 ครองแชมป์เบอร์หนึ่งและตลาดรวมรถยนต์เก๋งมาสด้าครองอันดับ 3 อย่างถาวร ด้วยคุณภาพและความประณีตในทุกรายละเอียดจนเป็นที่ยอมรับของลูกค้า ส่งผลทำให้ Mazda2 เป็นรถยนต์นั่งซิตี้คาร์ที่ครองใจลูกค้ามากที่สุด ก้าวขึ้นครองอันดับหนึ่งของ B Car และ Eco Car เป็นปีที่สองติดต่อกัน ล่าสุดการปรับโฉมของ New Mazda2 จะส่งผลให้มาสด้ายังคงรักษาแชมป์ในเซกเม้นต์นี้ต่อไปแม้ต้องเผชิญกับคู่แข่งรอบด้าน ดังนั้นการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องส่งผลให้รถยนต์มาสด้าภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และการออกแบบของ KODO Design ทำให้มาสด้ามียอดขายสะสมสูงถึง 2.6 แสนคัน ภายในระยะเวลาเพียง 5 ปี เท่านั้น ย้อนกลับไปดูตัวเลขการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตลอดหลายปี มาสด้า ประเทศไทย จึงกลายเป็นตลาดหลักสำคัญของมาสด้าทั่วโลก โดยเฉพาะช่วง 6 ปี ที่ผ่านมา จะเห็นว่ามาสด้า ประเทศไทย ยังคงเป็นตลาดหลักสำคัญของมาสด้าทั่วโลก นายชาญชัย กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับปี 2563 มาสด้ายังคงมุ่งมั่นเดินหน้าอย่างเต็มที่ในการสื่อสารวิสัยทัศน์ Sustainable zoom-zoom 2030 คือ การแก้ปัญหาที่ต้องเผชิญ เพื่อให้โลกของเรายังคงสวยงาม เพื่อผู้คน และสังคมให้น่าอยู่ตลอดไป โดยยังคงเน้นเรื่อง “ความสนุกในการขับขี่” หรือ “Joy of Driving” ซึ่งเป็นพื้นฐานที่เราไม่เคยเปลี่ยน โดยในปีนี้ Mazda Motor Corporation กำลังจะครบ 100 ปี ในวันที่ 30 มกราคม นี้ และทาง มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เตรียมจัดกิจกรรมไปพร้อมกันกับมาสด้าทั่วโลกตลอดทั้งปี 2020 และแน่นอนว่าเรากำลังเตรียมงานสำคัญเพื่อร่วมเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่เช่นเดียวกัน
นโยบายเกี่ยวกับผู้จำหน่าย การปรับปรุงโชว์รูมทั้งหมดคาดว่าจะแล้วเสร็จ 100% ภายในปีงบประมาณ 2562 นี้ กิจกรรมส่งเสริมการขายจะถูกยึดถือเป็นนโยบายหลักเพื่อให้ดีลเลอร์ทั่วประเทศดำเนินการ ทุกคนต้องออกไปเจอลูกค้าด้วยตัวเอง เน้นสร้างทีมงานให้แข็งแกร่ง และดูแลลูกค้าอย่างดีที่สุด
ด้านผลิตภัณฑ์ การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่ม Crossover SUV ที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์และเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้ามากขึ้น และครอบคลุมทั้งรถยนต์นั่ง รถอเนกประสงค์ และรถปิกอัพ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้า ทั้งกลุ่มคนโสด คู่สมรส และกลุ่มครอบครัว ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ กล่าวถึงกลยุทธ์ด้านการตลาดว่า ปีที่ผ่านมาถือว่ามาสด้าประสบความสำเร็จอย่างสูง เพราะรถยนต์ทุกรุ่นที่นำเข้าสู่ตลาดประสบความสำเร็จอย่างงดงามทุกรุ่น ถึงแม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกมาสด้าจะไม่มีรถใหม่ลงตลาด และยังเป็นช่วงที่เราต้องบริหารจัดการกระบวนการผลิตและการจำหน่ายรถทุกรุ่น ซึ่งเป็นช่วงที่ยากลำบาก ส่วนครึ่งปีหลังการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงไตรมาสสุดท้าย ซึ่งยอดขายกำลังหลั่งไหลเข้ามา แต่ไม่สามารถทันในปีปฏิทินของปีนี้ แต่คาดว่าในปีงบประมาณหรือ Fiscal Year ยอดขายจะใกล้เคียงตามที่ตั้งเป้าไว้ การทำการตลาดออนไลน์อย่างต่อเนื่องจะช่วยให้เกิดการสื่อสารทางการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
นอกจากการขายที่ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้แล้ว สิ่งสำคัญคือการดูแลหลังบ้าน ที่มาสด้าให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการด้านการบริการลูกค้าและการเอาใจใส่ตลอดระยะเวลาที่ลูกค้าครอบครองรถมาสด้า ด้านอะไหล่และการขนส่ง มาสด้าได้ทำการปรับปรุงทั้งคุณภาพและราคาจนสามารถใกล้เคียงกับตลาด หรือบางชิ้นส่วนมีราคาที่ต่ำกว่าตลาด ด้านการจัดส่งอะไหล่ไปยังศูนย์บริการ มีบริการจัดส่ง 2 รอบต่อวัน สำหรับเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และต่างจังหวัด 1 รอบต่อวัน
นี่คือแนวทางและปณิธานทั้งหมดที่มาสด้ามุ่งมั่นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า และนี่คือยุทธศาสตร์ที่จะขับเคลื่อนธุรกิจของมาสด้าในปี 2563 ต่อยอดสู่ความสำเร็จ เพื่อให้มาสด้าเป็นแบรนด์หนึ่งเดียวที่ลูกค้าไว้วางใจอย่างยั่งยืน
สรุปยอดจำหน่ายรถยนต์มาสด้า ประจำปี 2562 เปรียบเทียบกับปี 2561
ข้อมูลการขายรถ | มกราคม – ธันวาคม 2561 | มกราคม – ธันวาคม 2562 | % เปลี่ยนแปลง |
มาสด้า2 | 45,972 | 41,987 | – 8.6 |
มาสด้า3 | 5,255 | 4,717 | – 10.2 |
มาสด้า CX-3 | 3,536 | 1,971 | – 44.2 |
มาสด้า CX-5 | 8,184 | 3,020 | – 63.0 |
มาสด้า CX-8 | n/a | 745 | n/a |
มาสด้า BT-50 โปร | 7,498 | 5,664 | – 24.4 |
มาสด้า MX-5 | 30 | 25 | – 16.6 |
ยอดรวม | 70,475 | 58,129 | – 17.5 |