มาสด้าขับเคลื่อนธุรกิจสู่อนาคตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในประเทศไทย

ร่วมมือผู้จำหน่ายทั่วประเทศยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในทุกบริบท

มาสด้า หลอมรวมดีลเลอร์ทั่วประเทศเป็นหนึ่งเดียว ประกาศเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืนในประเทศไทย จัดประชุมผู้จำหน่ายประจำปีงบประมาณ 2568 “Mazda Mirai 2025” ภายใต้ธีม Joyful Driving into a New Era เพื่อถ่ายทอดวิสัยทัศน์และนโยบายการบริหารธุรกิจให้เกิดผลกำไร รวมทั้งเตรียมความพร้อมของทุกภาคส่วนเพื่อก้าวสู่ยุคสมัยใหม่ ทั้งเทคโนโลยีแห่งอนาคตและรถยนต์รุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวลงสู่ตลาดในปีนี้ เน้นสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งภายใต้กลยุทธ์ Brand Value Management และแนวคิด Stakeholder Centric Approach โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับพนักงาน ผู้จำหน่าย และลูกค้า พร้อมวางรากฐานที่สำคัญ ๆ เพื่อก้าวสู่การเป็น Top Retention Brand ทั้งด้านการขายและบริการหลังการขาย โดยประสานความร่วมมือกับผู้จำหน่ายทั่วประเทศที่มีศักยภาพสูงทั้งหมด 80 แห่ง พร้อมยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในทุกบริบท ตามปรัชญาใหม่ “Joy Drives Lives” ความสุขขับเคลื่อนชีวิต โดยมีผู้จำหน่ายมาสด้าจากทั่วประเทศ ผู้บริหารระดับสูงจาก มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และคณะผู้บริหารจาก มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เข้าร่วมการประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน ณ โรงแรมแอทธินี กรุงเทพฯ

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การประชุมผู้จำหน่ายประจำปีนี้ถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญยิ่งต่อการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่และเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่กำลังจะเปิดตัวในประเทศไทย รวมถึงเป็นการถ่ายทอดนโยบายและกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของปีประจำปีงบประมาณ 2568 ให้กับผู้จำหน่ายเพื่อให้สามารถนำไปปฏิบัติในการผลักดันธุรกิจให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยงานประชุม “Mazda Mirai 2025” จัดขึ้นภายใต้ธีม  Joyful Driving into a New Era แสดงให้เห็นถึงการขับเคลื่อนธุรกิจสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม นำเสนอวิสัยทัศน์เพื่อก้าวสู่อนาคตที่สดใสและมั่นคง ตามแผนการดำเนินธุรกิจระยะยาว ทั้งด้านการตลาด การขาย การบริการหลังการขาย การขยายเครือข่ายผู้จำหน่าย รวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้ โดยเฉพาะแผนการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ในปีนี้ ที่จะมาพร้อมกับพลังงานทางเลือกหลากหลายรูปแบบ รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า 100% ตามกลยุทธ์ Multi-solution เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าชาวไทย ด้วยการส่งมอบความสุขในการขับขี่และการใช้ชีวิตในทุกด้านให้กับลูกค้าทุกคน

วันนี้ มาสด้าพร้อมเอาใจใส่ดูแลลูกค้าให้ดีที่สุดในทุกประสบการณ์เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ และมุ่งมั่นเดินหน้าเต็มกำลัง ภายใต้กลยุทธ์ Brand Value Management (BVM) เพื่อให้มาสด้าเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งที่ลูกค้ามองหา พร้อมสื่อสารภาพลักษณ์องค์กรด้วยการถ่ายทอดปรัชญาใหม่ Joy Drives Lives หรือ ความสุขขับเคลื่อนชีวิต เพราะมาสด้าเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าความสุขที่เกิดจากการขับขี่รถยนต์จะนำมาซึ่งความสุขในการใช้ชีวิต รวมถึงปรับเปลี่ยนประสบการณ์ลูกค้าและสร้าง Customer Journey รูปแบบใหม่ เพื่อนำมาพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้าในทุก ๆ ขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกครั้งที่ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์มาสด้า จะนำมาซึ่งคุณค่าและประสบการณ์ความสุขจากการเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้า พร้อมกันนี้ ยังได้เน้นย้ำถึงกลยุทธ์ที่เป็นมาตรฐานของการทำงาน ซึ่งคือ Stakeholder Centric Approach โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ พนักงาน ผู้จำหน่าย และลูกค้า พร้อมความสำคัญของการทำงานโดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางในทุกบริบท

สำหรับการปรับเปลี่ยนของมาสด้าในปีนี้ แบ่งออกเป็น 3 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย การปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรด้วย “ผู้คน” โดยมีเป้าหมายในการเป็นองค์กรที่คล่องตัว และขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูลเชิงลึก พร้อมสนับสนุนเพื่อปรับวัฒนธรรมองค์กรของผู้จำหน่ายด้วยโปรแกรมพัฒนาทักษะของพนักงาน กลยุทธ์ที่สอง คือ การให้ความสำคัญกับการวางรากฐานด้านเทคโนโลยีและการใช้ข้อมูลเชิงลึก รวมถึงการฟังเสียงของลูกค้าเพื่อนำมาเพิ่มประสิทธิภาพและการสื่อสาร หรือ Voice of Fan และกลยุทธ์ที่สาม คือ การสร้างประสบการณ์ลูกค้าแบบไร้รอยต่อทั้งด้านออนไลน์และออฟไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่สุดของการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ คือการปรับโครงสร้างและพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่ายที่มีอยู่ทั้งหมด 80 แห่ง ให้พร้อมรองรับความต้องการของลูกค้าที่จะเข้ามารับบริการ ด้วย PMA ใหม่ การกำหนดขอบเขตให้ผู้จำหน่ายที่มีศักยภาพสูงขยายพื้นที่ในการดูแลลูกค้าเพิ่มขึ้น ด้วยกลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยให้มาสด้าสามารถดูแลลูกค้าได้อย่างทั่วถึง ครอบคลุม และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ มาสด้ายังคงมุ่งมั่นอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อเดินหน้าตามวิสัยทัศน์ 2030  ด้วยการเป็นบริษัทที่รักรถยนต์ และขับเคลื่อนความสุขผ่านประสบการณ์ในการขับขี่ให้กับลูกค้า เพราะมาสด้าเชื่อเสมอว่า ความสุขคือส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนชีวิต นั่นคือเหตุผลที่​​มาสด้ามุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่มีความหมาย และส่งมอบความสุขให้กับผู้คน หัวใจหลักสำคัญล้วนเกิดจาก Customer Centric Mindset ปรัชญาที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรกในทุกสิ่งที่เราทำ ส่งผลให้มาสด้าสามารถส่งมอบคุณค่าอย่างต่อเนื่อง สร้างความไว้วางใจ และยืนยันได้ว่าลูกค้าจะเกิดความภาคภูมิใจที่เลือกใช้รถยนต์มาสด้า ทั้งวันนี้และต่อไปในอนาคต เพื่อให้มาสด้าเป็นแบรนด์ที่เติบโตเคียงข้างคนไทยและสังคมไทยอย่างยั่งยืน