แลนด์โรเวอร์ ประกาศความสำเร็จของ ดีเฟนเดอร์
พร้อมเปิดตัว แลนด์โรเวอร์ ดีเฟนเดอร์ 130 ใหม่
บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดตัว แลนด์โรเวอร์ ดีเฟนเดอร์ 130 ใหม่ NEW LAND ROVER DEFENDER 130 HSE 3.0 DIESEL ราคาจำหน่าย 8,999,000 บาท พร้อม LAND ROVER CARE นาน 5 ปี ประกอบด้วย การรับประกันคุณภาพ บริการบำรุงรักษาตามระยะ และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง
นายชาญชัย มหันตคุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า “จากที่แลนด์โรเวอร์ได้เปิดตัวรถยนต์ รุ่น ดีเฟนเดอร์ 90 และ 110 ในประเทศไทยเมื่อปี 2563 ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เป็นรุ่นที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ด้วยตระกูลดีเฟนเดอร์เป็นรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อที่มีสมรรถนะสูงและทนทานที่สุดในโลก เราแสดงให้เห็นถึงการขับขี่ได้ในทุกภาคพื้นผ่านประสบการณ์ทดลองขับที่ Defender Glamping Experience สวนผึ้ง ราชบุรี แลนด์โรเวอร์ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี
และในวันนี้เราภูมิใจที่จะนำเสนอ ดีเฟนเดอร์ 130 รุ่นใหม่ ด้วยการออกแบบที่คงไว้ซึ่งจิตวิญญาณของแลนด์โรเวอร์มาตลอด 75 ปี โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากรุ่นที่มีความยาวที่สุดในตระกูล สามารถโดยสารได้สูงสุด 8 คนอย่างราบรื่นในทุกภูมิประเทศ นี่คือที่สุดแห่งความสามารถที่หลากหลายของดีเฟนเดอร์ การปรับปรุงและเทคโนโลยีการออกแบบทั้งภายนอกและภายในทำให้ดีเฟนเดอร์ 130 รุ่นใหม่นี้ มีความสะดวกสบายอันเป็นเอกลักษณ์ที่สมดุลกับความทนทานและสมรรถนะของดีเฟนเดอร์แบบดั้งเดิม”
ดีเฟนเดอร์ 130 รุ่นใหม่ มีตัวถังขยายใหญ่ขึ้นเพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสาร มอบความสบายที่เหนือชั้นสำหรับทุกการเดินทางของครอบครัว รองรับได้สูงสุดถึง 8 ที่นั่ง กับที่นั่งขนาดมาตรฐาน 3 แถวในรูปแบบ 2+3+3 ติดตั้งซันรูฟแบบพาโนรามิก และมีซันรูฟอันที่สองติดตั้งเหนือเบาะนั่งแถวที่ 3 ทำให้ภายในห้องโดยสารสว่างและโปร่งสบายสำหรับทุกคน ความยาวตัวถังขยายใหญ่ขึ้น 340 มม. วิศวกรของแลนด์โรเวอร์ได้ออกแบบส่วนท้ายรถให้มีรูปทรงคล้ายหางเรือ โดยมีส่วนมุมจากอยู่ที่ 28.5 องศาในระดับความสูงแบบออฟโรด เพื่อให้ยังคงความสามารถในการขับขี่บนเส้นทางที่ขรุขระและการหักเลี้ยวอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้ของดีเฟนเดอร์
ภายในห้องโดยสารเพิ่มความสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสาร ช่องเสียบชาร์จ USB-C เพื่อชาร์จอุปกรณ์ขณะเดินทางช่วยให้ผู้โดยสารแถวที่ 3 มีความสะดวกสบายมากขึ้น หน้าต่างบานใหญ่ให้ทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยมในที่นั่งทั้ง 3 แถว เพิ่มความสบายด้วยช่องระบายอากาศสำหรับแต่ละแถว ควบคุมการปรับอากาศผ่านระบบควบคุมอุณหภูมิ 4 โซน (Four Zone Climate Control) ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของดีเฟนเดอร์ 130 ผู้โดยสารในแถวที่ 2 และ 3 ยังได้รับประโยชน์จากเบาะนั่งที่ยกสูงเพื่อทัศนวิสัยที่เหนือกว่า พื้นที่เก็บสัมภาระที่กว้างขวางและใช้งานได้สะดวก สามารถรับน้ำหนักสูงสุด 3893 ลิตร แม้จะกางเบาะหลังสุดก็ตาม เมื่อไม่ได้ใช้งาน เบาะนั่งสามารถพับเก็บเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ได้ ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกปรับแต่งการจัดวางภายในห้องโดยสารที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด โดยแบ่งเป็นสัดส่วน 40:20:40 และยังสามารถลดระบบช่วงล่างถุงลมแบบอิเล็กทรอนิกส์ของดีเฟนเดอร์ลงด้วยปุ่มที่อยู่ภายในพื้นที่เก็บสัมภาระ เพื่อช่วยในการขนสัมภาระด้านท้ายรถ ในระดับที่เหมาะสม
ดีเฟนเดอร์ 130 รุ่นใหม่ มาพร้อมกับหน้าจอสัมผัส Pivi Pro ขนาด 11.4 นิ้วเป็นมาตรฐาน หลังจากการเปิดตัวของ ดีเฟนเดอร์ 90 และ 110 ทำให้สามารถควบคุมฟังก์ชันยานยนต์หลักได้ดีขึ้นผ่านจอแสดงผลที่คมชัดและใช้งานง่าย อินเทอร์เฟซกระจกโค้งจะให้ฟังก์ชันการใช้งานที่รวดเร็ว ล้ำสมัย และตอบสนองทันทีที่สตาร์ทรถ ด้วยโครงสร้างเมนูที่เรียบง่ายและเทคโนโลยีอัปเดตซอฟต์แวร์อัตโนมัติแบบ Over The Air จึงมีการอัปเดตอยู่เสมอ ด้านการปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในรถให้ดีขึ้นในทุกการเดินทางด้วยระบบฟอกอากาศในห้องโดยสาร (Cabin Air Purification Plus) ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในดีเฟนเดอร์ 130 รุ่นใหม่นี้จะติดตั้งเป็นมาตรฐาน และผสานรวมเทคโนโลยี nanoeTMX สำหรับการลดสารก่อภูมิแพ้ และการกำจัดเชื้อโรค เพื่อช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์และไวรัสจำนวนมาก นอกจากนี้ระบบจัดการ CO2 และการกรองอากาศ PM2.5 ในห้องโดยสารยังช่วยปรับปรุงสภาพแวดล้อมในห้องโดยสารให้ดีขึ้น โดยตรวจสอบอากาศภายในและภายนอก และปรับให้เหมาะสมเพื่อให้มั่นใจว่าผู้โดยสารจะได้สัมผัสกับคุณภาพอากาศที่ดีที่สุด
ดีเฟนเดอร์ 130 มาพร้อมเครื่องยนต์อันทรงพลัง 3.0 ลิตร ดีเซล ให้แรงบิดที่เพิ่มขึ้น การตอบสนองที่ราบรื่น และการประหยัดเชื้อเพลิงที่น่าประทับใจ โดยสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 6.7 วินาที ให้กำลังสูงสุด 300 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 650 นิวตัน-เมตร จากระบบส่งกำลัง 6 สูบ ทุกคันติดตั้งระบบส่งกำลังแบบขับเคลื่อนสี่ล้ออันชาญฉลาด (iAWD) และเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 สปีดของแลนด์โรเวอร์เป็นมาตรฐาน เทคโนโลยี iAWD จะจัดการระบบส่งกำลังและระบบจ่ายกำลังไฟฟ้าระหว่างเพลาหน้าและเพลาหลังอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่บนท้องถนนและสมรรถนะที่ตอบโจทย์ทุกภาคพื้นตามความจำเป็น
ระบบช่วงล่างถุงลมแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มีคุณสมบัติ Adaptive Dynamics มอบรัศมีวงเลี้ยวสูงสุด 430 มม. โดยจะยกตัวรถเพิ่มเติม 71.5 มม. ที่ด้านหน้า (73.5 มม. ที่ด้านหลัง) ในระดับความสูงแบบออฟโรดเพื่อให้ผ่านพ้นสิ่งกีดขวางและช่วยในการลุยทาง และระบบ Terrain Response® ขั้นสูงของแลนด์โรเวอร์ให้ผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งประสบการณ์การขับขี่ให้เหมาะกับทุกสภาพภูมิประเทศผ่านหน้าจอ Pivi Pro ให้สมรรถนะที่ตอบโจทย์ทุกภาคพื้นที่ไม่มีใครเทียบได้และความมั่นใจของผู้ขับขี่ในทุกสภาพแวดล้อม การผสมผสานระบบขั้นสูงเหล่านี้ทำให้ สามารถขับขี่บนเส้นทางขรุขระได้อย่างสบายๆ และมอบประสิทธิภาพที่คล่องตัว สามารถลุยน้ำได้สูงสุด 900 มม. รากฐานของสมรรถนะที่ลุยได้ทุกภาคพื้นและพิชิตทุกเส้นทางของดีเฟนเดอร์มาจากสถาปัตยกรรม D7x แบบไร้โครงที่ใช้อะลูมิเนียม ด้วยความแกร่งต้านแรงบิดที่ 25kNm/องศา ดีเฟนเดอร์จึงมีความแข็งแกร่งมากกว่าดีไซน์แบบบอดี้ออนเฟรมดั้งเดิมถึงสามเท่า