Lamborghini Huracán Sterrato ซูเปอร์สปอร์ตนิยามใหม่ที่ทลายทุกข้อจำกัด
รถยนต์ซูเปอร์สปอร์ตสุดแกร่งรุ่นแรกที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V10 และระบบ All-wheel drive เผยโฉมครั้งแรกในเซาธ์อีสต์เอเชีย ที่บาหลี อินโดนีเซีย
ลัมโบร์กินี (Lamborghini) เปิดตัว Huracán Sterrato[1] ที่บาหลี อินโดนีเซีย โดยเป็นรถยนต์ซูเปอร์สปอร์ตรุ่นแรกที่ถูกออกแบบเพื่อส่งมอบสุดยอดประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกเร้าใจทั้งในถนนทางเรียบและทางฝุ่น สร้างนิยามใหม่แห่งยานยนต์สปอร์ตชั้นเยี่ยมและตอกย้ำปรัชญาของ แบรนด์กับภาพลักษณ์อันกร้าวแกร่ง แบบฉบับที่ไม่ซ้ำใคร และปรากฏการณ์ใหม่ที่เหนือความคาดหมายในทุกมิติ
งานเปิดตัว Lamborghini Huracán Sterrato ได้รับเกียรติจากบุคคลระดับสูงทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียมากกว่า 250 ท่าน มาร่วมเป็นสักขีพยานท่ามกลางทัศนียภาพอันงดงามยามอาทิตย์อัสดงของบาหลี และรื่นรมย์ไปกับการเลี้ยงต้อนรับระดับวีไอพีโดยทีมงานลัมโบร์กินีตลอดค่ำคืน
“ศิลปวัฒนธรรมที่เต็มเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา ทัศนียภาพอันน่าประทับใจ และจิตวิญญาณอันน่าหลงใหลของบาหลี ล้วนสอดคล้องกับจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยและสมรรถนะของ Huracán Sterrato อย่างสมบูรณ์แบบ และถือเป็นสถานที่เปิดตัวรถยนต์รุ่นพิเศษสำหรับลูกค้าในภูมิภาคนี้ที่เหมาะสมอย่างยิ่ง ซึ่งไม่เพียงแต่รูปลักษณ์ภายนอกที่ล้ำสมัย แต่ Huracán Sterrato ยังได้รับการออกแบบมาเพื่อการผจญภัยอย่างแท้จริง สื่อให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของลัมโบร์กินีในการพัฒนาด้านนวัตกรรมและงานฝีมือ โดยยังคงรักษาอัตลักษณ์ของแบรนด์ไว้อย่างมั่นคง” ฟรานเชสโก้ สคาร์ดาโอนี ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี กล่าว
Huracán Sterrato นำเสนอการขับขี่ที่มีประสิทธิภาพในทุกมิติและการควบคุมที่สมบูรณ์แบบในทุกสภาวะ นับตั้งแต่ทางหลวงไปจนถึงถนนดิน เมื่อเปรียบเทียบกับ Huracán EVO จะเห็นได้ว่า Sterrato มีระบบ LDVI (Lamborghini Integrated Vehicle Dynamics) ที่อัพเดทเป็นเวอร์ชันล่าสุด ซึ่งได้มีการคาลิเบรตโหมด STRADA และ SPORT โดยเฉพาะ พร้อมนำเสนอโหมด RALLY สำหรับการขับขี่บนพื้นผิวที่มีกริพน้อยให้แก่รถยนต์ตระกูล Huracán เป็นครั้งแรก
การออกแบบภายนอกสะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยของ Sterrato ได้อย่างชัดเจนตั้งแต่แรกเห็น โดยมีการเพิ่มระยะความสูงใต้ท้องรถขึ้นอีก 44 มม. เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Huracán EVO เพื่อการันตีว่าระบบกันสะเทือนจะทำงานได้ดียิ่งขึ้น พร้อมเพิ่มความกว้างช่วงล้อหน้า 30 มม. และล้อหลัง 34 มม. นอกจากนี้ เพื่อการปกป้องตัวถัง ยังติดตั้งแผ่นอลูมิเนียมใต้ท้องรถส่วนหน้า แผ่นธรณีประตูรถแบบเสริมแรง ดิฟฟิวเซอร์ท้าย และซุ้มล้อทรงดุดันเพื่อเสริมภาพลักษณ์ที่บึกบึนสมชาย อีกทั้งยังติดตั้งท่อลมเข้าแบบคลาสสิกบนฝากระโปรงหลังซึ่งไม่เพียงช่วยเสริมจิตวิญญาณแบบรถสปอร์ต หากยังช่วยให้อากาศบริสุทธิ์ไหลเข้าสู่เครื่องยนต์เมื่อต้องวิ่งบนลู่แข่งที่มีฝุ่นดินเยอะ
Huracán Sterrato ติดตั้งขุมพลังเครื่องยนต์ V10 ขนาด 5.2 ลิตร ให้กำลังเครื่องยนต์สูงสุด 610 แรงม้าและแรงบิด 560 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบต่อนาที ผสานระบบส่งกำลังคลัตช์คู่ 7 สปีดและระบบขับเคลื่อน All-wheel drive ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมเฟืองท้ายระบบกลไกแบบล็อกตัวเอง โดยสามารถเร่งความเร็วตั้งแต่ 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 3.4 วินาที และทำความเร็วสูงสุดที่ 260 กม./ชม. เพื่อมอบสมรรถนะการขับขี่ขั้นสูงสุดแม้วิ่งบนพื้นถนนทางหลักจนถึงถนนทางฝุ่น
ระบบเบรกใช้คาลิเปอร์อลูมิเนียมแบบฟิกซ์โดยมีลูกสูบเบรกหน้า 6 ตัวและลูกสูบเบรกหลัง 4 ตัว สำหรับล้อหน้า ใช้จานเบรกเซรามิกมีครีบระบายความร้อนและเจาะรูแบบ Cross-drilled เส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 380 มม. และหนา 38 มม. และจานเบรกหลังขนาด 356 มม. หนา 32 มม. Huracán Sterrato ยังมาพร้อมล้อขนาด 19 นิ้วซึ่งออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อใช้กับยางรุ่น Bridgestone Dueler AT002 สำหรับรถรุ่นนี้โดยเฉพาะ เพื่อมอบความคล่องตัวและสามารถวิ่งได้บนทุกสภาพถนน พร้อมเติมเต็มทุกสัมผัส อารมณ์ และความเร้าใจได้อย่างเต็มเปี่ยม โดยยางหน้าขนาด 235/40 R19 และล้อหลังขนาด 285/40 R19 ผสานเทคโนโลยียางแบบ Run-flat ซึ่งช่วยให้นักขับสามารถขับต่อไปได้อย่างปลอดภัยแม้ยางถูกตำทะลุจนไม่มีลม โดยจะวิ่งต่อไปได้อย่างน้อย 80 กม.บนความเร็ว 80 กม./ชม. ที่ความดันลม 0 บาร์ โดยยาง Bridgestone รุ่นนี้ถูกออกแบบมาให้สอดรับกับดีเอ็นเอของแบรนด์แบบ 100% เพราะมีการออกแบบลายดอกยางใหม่และใช้สารประกอบที่ล้ำสมัย ที่ช่วยให้ยางมีแรงยึดเกาะที่สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะวิ่งบนทางกรวดหรือถนนราดยาง พร้อมการควบคุมที่ดีเยี่ยมและสุดยอดประสิทธิภาพเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง
ดีไซน์ห้องโดยสารภายในได้รับแรงบันดาลใจจากเบาะรุ่นเอ็กซ์คลูซีฟใน Alcantara Verde Sterrato ซึ่งสะท้อนถึงปรัชญา ‘Feel like a pilot’ ที่ถูกนำมาประยุกต์ใช้กับรถยนต์ Huracán เพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมขั้นสุดพร้อมการควบคุมทุกฟีเจอร์การทำงานของรถยนต์ที่สมบูรณ์แบบ จอแบบทัชสกรีนมาพร้อมการแสดงผลกราฟิกแบบใหม่และฟีเจอร์พิเศษสำหรับการขับขี่ออฟโร้ด ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ให้มาตรวัดความลาดเอียงแบบดิจิทัลพร้อมด้วยตัวบอกระยะการยกตัวและการเอียงตัวของรถ เข็มทิศ ตัวบ่งชี้พิกัดทางภูมิศาสตร์ และตัวบ่งชี้มุมบังคับเลี้ยวแบบครบครัน
นอกจากบริการต่าง ๆ ที่ปรากฏบนหน้าจอ ระบบติดตามรถยนต์ Lamborghini Connect ยังผสานการทำงานกับ Amazon Alexa เพื่อช่วยในการปรับแต่งฟีเจอร์การทำงานต่าง ๆ ของรถ เช่น เครื่องปรับอากาศและไฟส่องสว่าง รวมถึงการควบคุมและระบบนำทาง การคุยสายโทรศัพท์และความบันเทิง ซึ่งควบคุมได้ง่าย ๆ ผ่านระบบการสั่งการด้วยเสียง นอกจากนี้ ยังสามารถควบคุมรถยนต์จากระยะไกลได้ด้วยแอป Lamborghini UNICA ยกตัวอย่างเช่น การตรวจสอบความเร็วรถจากระยะไกลและการส่งพิกัดจุดหมายไปยังระบบนำทางได้โดยตรง
Huracán Sterrato มาพร้อมระบบเชื่อมต่อระยะไกลที่ช่วยให้นักขับสามารถตรวจสอบสมรรถนะรถยนต์และวิเคราะห์ข้อมูลผ่านทางแอป UNICA โดยผู้ที่ใช้ Apple Watch ยังสามารถซิงค์ข้อมูลอัตราการเต้นหัวใจเข้ากับระบบเชื่อมต่อ[1] เพื่อตรวจวัดสมรรถนะการขับขี่ของตัวเอง โดยสามารถใช้ฟังก์ชั่น Lamborghini Drive Recorder เพื่อบันทึกประสบการณ์การขับขี่ได้ตามต้องการ ให้นักขับเก็บช่วงเวลาแสนเร้าใจในรูปแบบคลิปวิดีโอ ซึ่งช่วยยกระดับการใช้งานฟีเจอร์ Board Diaries ซึ่งเป็นสมุดบันทึกดิจิทัลที่ผสานการทำงานเข้ากับแอป Lamborghini UNICA ไว้อย่างลงตัว
อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ขาดไม่ได้คือ Huracán Sterrato นำเสนอออปชันการตกแต่งอย่างไร้ข้อจำกัดเพื่อการสร้างสรรค์ซูเปอร์คาร์ในฝันให้ตรงกับสไตล์นักขับมากที่สุดด้วย Lamborghini Ad Personam โดยลูกค้าสามารถเลือกโทนสีภายนอกได้มากถึง 350 เฉดสี ตลอดจนสีของหนังและการตกแต่งแบบ Alcantara ได้มากกว่า 60 โทน
ข้อมูลด้านเทคนิค
CHASSIS AND BODY
Chassis | Hybrid chassis made from aluminum and carbon fiber |
Bodyshell | Outer skin made from aluminum and composite material |
Suspension | Independent double-wishbone suspension |
Springs and dampers | Steel springs and hydraulic dampers. “MagneRide” electromagnetic damper control |
Electronic Stability Control (ESC) | ESC/ABS characteristics can be adjusted via ANIMA; ESC can be deactivated |
Steering | Electromechanical power steering |
Brakes
Discs |
Ventilated disc brakes hydraulic transmission with diagonal dual independent circuits (X-layout), with vacuum servo.
Carbon-ceramic ventilated and cross drilled discs (CCB) with 6 piston aluminum fixed monoblock calipers (front) and 4 piston (rear). ∅ 380 x 38 mm front, ∅ 356 x 32 mm rear |
Tires (standard) | BRIDGESTONE Dueler 235/40 R19 (front) – 285/40 R19 (rear) |
Wheels (standard) | 8.5J x 19″ ET 27 (front) – 11J x 19″ ET 40 (rear) |
Mirrors | Electrically controlled exterior mirrors |
Airbags | Full size dual-stage front airbags. Full size lateral airbags. Knee airbags. |
ENGINE | |
Type | V10, 90° |
Displacement | 5204 cm3 (317.57 cu in) |
Bore/stroke | Ø 84.5 mm x 92.8 mm (3.33 x 3.65 in) |
Valve control | Intake and exhaust camshafts with continually variable adjustment |
Compression | 12.7: 1 |
Max. power | 610 hp at 8,000 rpm |
Max. torque | 560 Nm (417 lb. ft.) at 6,500 rpm |
Emission class | EURO 6 |
Exhaust treatment | Two catalytic converters with lambda regulation |
Cooling system | Cross-flow water and oil cooling |
Engine management | Bosch MED 17 Master Slave |
Lubrication | Dry sump
|
DRIVETRAIN | |
Type | Electronically controlled all-wheel drive system (Haldex gen. V) with rear mechanical self-locking differential |
Transmission | 7-speed LDF dual-clutch transmission, variable shift characteristics via ANIMA system |
Clutch | Double plate clutch ∅ 187 mm (7.36 in)
|
PERFORMANCE | |
Top speed | 260 km/h |
0–100 km/h | 3.4 s |
0–200 km/h | 9.8 s |
Braking (100-0 km/h) | 39 m |
DIMENSIONS | |
Wheelbase | 2,629 mm (103.50 in) |
Length | 4,525 mm (178.15 in) |
Width | 1,956 mm (77.01 in) |
Width
(incl. ext. mirrors) |
2,236 mm (88.03 in) |
Height | 1,248 mm (49.13 in) |
Front track | 1,698 mm (66.85 in) |
Rear track | 1,654 mm (65.112 in) |
Turning circle | 11.5 m (37.73 feet) |
Weight (dry) | 1,470 kg (3241 lb) |
Weight distribution | 43% (front) – 57% (rear) |
CAPACITIES | |
Fuel | 80 liters |
Trunk | 100 liters |
[1] อัตราการใช้เชื้อเพลิงและการปล่อยไอเสียของ Huracán Sterrato; การใช้เชื้อเพลิงแบบ Combined: 14,9 l/100km (WLTP); การปล่อยไอเสียแบบ Combined: 337 g/km (WLTP)