รู้ได้อย่างไร เมื่อไรต้องเปลี่ยนยาง

เพื่อให้รถของคุณพร้อมรับมือกับทุกเส้นทางอย่างปลอดภัยสูงสุดรับฤดูท่องเที่ยวในหน้าหนาวนี้

เมื่อลมหนาวมาเยือน เป็นสัญญาณว่าถึงเวลาวางแผนไปเที่ยวปลายปีแล้ว แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่ารถของเราอยู่ในสถานะที่พร้อมพาเราไปได้ทุกที่ที่อยากไป ควิกเลน แนะวิธีสังเกตอาการของยางรถยนต์ว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนยางแล้วหรือยัง เพื่อให้รถของคุณพร้อมรับมือกับทุกเส้นทางอย่างปลอดภัยสูงสุดรับฤดูท่องเที่ยวในหน้าหนาวนี้

สัญญาณว่าต้องเปลี่ยนยาง เช็กได้ด้วยตนเอง

ยางรถยนต์ทุกเกรด และคุณภาพ ล้วนแล้วแต่มีวันที่จะเก่าและเสื่อมลงตามกาลเวลา เพราะการวิ่งบนถนนหลากหลายรูปแบบ สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และการใช้งาน ส่งผลต่อเนื้อยาง หน้ายาง และดอกยาง ผลกระทบเหล่านั้นสามารถสังเกตได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง ดังนี้

  1. รอยรั่ว รอยบาก หรือเศษของมีคมบนยาง – ไม่ควรปล่อยให้รถวิ่งบนยางที่มีตำหนิหรือเศษสิ่งแปลกปลอมติดบนยาง เพราะอาจเป็นเหตุให้ยางแตก รั่ว และเกิดอันตรายได้ กรณีที่ยางจำเป็นต้องปะซ่อม ขอแนะนำให้ใช้วิธีการซ่อมแบบดอกเห็ดเท่านั้น และหลีกเลี่ยงการปะยางแบบแทงใยไหมหรือสตีมโดยเด็ดขาด เพราะทำให้ยางเกิดความเสียหาย
  2. ระยะทางในการเบรกยาวขึ้นกว่าปกติ – การใช้งานยางเมื่อผ่านไปในช่วงระยะเวลาหนึ่งจะเป็นเรื่องธรรมดาที่ดอกยางจะตื้นลง จึงควรเปลี่ยนยางทันทีเมื่อความลึกดอกยางน้อยกว่า 3 มิลลิเมตร เพราะจะส่งผลต่อระยะเบรกที่ยาวขึ้นโดยเฉพาะเมื่อขับขี่บนถนนเปียก
  3. ควบคุมรถบนถนนที่ลื่นได้ยากขึ้น – ความลึกของดอกยางจะลดต่ำลงตามระยะทางขับขี่ที่ใช้งานไป และจะส่งผลต่อการยึดเกาะถนนของรถเมื่อขับรถบนถนนที่ลื่นหรือที่เรียกว่าอาการเหิรน้ำ ซึ่งทำให้รถเสียการทรงตัวระหว่างการขับขี่ โดยเฉพาะเมื่อความลึกดอกยางน้อยกว่า 3 มม.
  4. ดอกยางสึกไม่สม่ำเสมอกัน[1] – การสึกหรอไม่เท่ากันของดอกยาง เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการเติมลมยางที่ไม่ถูกต้อง หรือปัจจัยอื่น สังเกตได้จากจุดต่อไปนี้
    • ขอบด้านนอกหรือขอบด้านในสึกมากกว่า (Toe wear) – เกิดจากการตั้งศูนย์ล้อ มุมบังคับเลี้ยว (มุม Toe) ไม่สมดุล
    • หน้ายางด้านในหรือด้านนอกสึกมากกว่า (Camber wear) – เกิดจากการตั้งศูนย์ล้อแนวตั้ง (มุม Camber) ไม่ถูกต้อง
    • ส่วนกลางของหน้ายางสึกหรอเป็นพิเศษ (Center Wear) –เกิดได้จากแรงดันลมยางที่มากเกินไป
    • ส่วนขอบของหน้ายางทั้งด้านในและด้านนอกสึกหรอเป็นพิเศษ (Edge Wear) – บริเวณขอบทั้งสองด้านสึกมากเป็นพิเศษ เกิดจากแรงดันลมยางน้อยเกินไป

ขอแนะนำให้เติมลมยางให้ได้ตามมาตรฐานของรถแต่ละรุ่น ซึ่งสามารถดูค่าความดันลมยางมาตรฐานได้จากคู่มือผู้ใช้รถหรือป้ายแนะนำความดันลมยาง ซึ่งมักจะติดอยู่บริเวณเสากลางตัวรถด้านใน

  1. อายุการใช้งาน – หากยางรถยนต์มีอายุการใช้งานครบ 6 ปี นับจากวันผลิต หรือมีความลึกดอกยางน้อยกว่า 3 มม. หรือใช้งานมาประมาณ 50,000 กิโลเมตร ควิกเลนแนะนำให้เปลี่ยนยางโดยทันที รวมถึงยางอะไหล่ที่ควรตรวจสอบและเปลี่ยนทันทีโดยไม่ต้องคำนึงถึงการสึกของดอกยางแต่อย่างใด

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความมั่นใจ

สำหรับเจ้าของรถมือใหม่ หรือใครที่ไม่มีอุปกรณ์ และเวลาในการดูแลรถ แนะนำว่าควรนำรถไปที่ศูนย์บริการยางและรถยนต์ เพื่อขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญในการระบุจุดสึกหรอของยาง และให้คำแนะนำในการเปลี่ยนยางได้ตรงจุด อีกทั้งยังสามารถรับบริการเปลี่ยนยางรถยนต์ได้ทันที

ควิกเลน ศูนย์บริการยางและรถยนต์ประเภทเร่งด่วนมาตรฐานระดับโลก มีช่างเทคนิคและผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ พร้อมชี้แนะแนวทางการดูแลยางรถยนต์ และเลือกยางรถยนต์ให้เหมาะกับรถ นอกจากนี้ยังมียางรถยนต์คุณภาพระดับสากลสำหรับรถยนต์หลากรุ่น หลายยี่ห้อ ให้ลูกค้าได้เลือกสรรเพื่อการดูแลรถในราคาที่เข้าถึงได้ พร้อมรับประกันราคายางว่าไม่แพงกว่าใคร โดยควิกเลนยังมีบริการหลังการขาย ทั้งตรวจเช็ก สลับยาง ปะยาง เปลี่ยน และตั้งศูนย์ถ่วงล้ออย่างครบวงจร

ตลอดเดือนพฤศจิกายนนี้ ควิกเลนพร้อมดูแลลูกค้าเจ้าของรถ ด้วยการนำเสนอโปรโมชันสุดพิเศษกับส่วนลดยางรถยนต์แบรนด์ชั้นนำสูงสุดถึง 30% รองรับรถยนต์ทุกประเภท เพื่อการเดินทางพร้อมยางคุณภาพเส้นใหม่ สำหรับทุกเส้นทางปลายปีนี้ ได้แก่

  • ยางรถยนต์สำหรับรถอีโค่คาร์ขนาด 185/60 R15 และขนาด 185/55 R16 ราคาเริ่มต้นเพียง 1,111 บาท
  • ยางรถยนต์สำหรับรถอีโค่คาร์ขนาด 195/55 R15 ราคาเริ่มต้นเพียง 1,790 บาท
  • ยางรถยนต์สำหรับรถซีดานขนาด 205/55 R16 และ 215/55 R16 ราคาเริ่มต้นเพียง 2,990 บาท
  • ยางรถยนต์สำหรับรถกระบะและเอสยูวีขนาด 265/65 R17 และขนาด 265/60 R18จากมิชลิน รุ่น LTX Trail และ Primacy SUV+ ครบ 4 เส้น ราคาเริ่มต้นเพียง 5,852.90 บาท
  • ยางรถยนต์สำหรับรถกระบะขนาด 265/70 R16 ซื้อ 3 แถม 1 และขนาด 265/65 R17 ในราคาต่อ 4 เส้น เหลือเพียงเส้นละ 3,749 บาท
  • ยางรถยนต์สำหรับรถกระบะบรรทุกขนาด 225/75 R14 และ 225/75 R15 ราคาเริ่มต้นเพียง 4,200 บาท

ยิ่งกว่านั้น ยางทุกเส้นยังมาพร้อมการรับประกันคุณภาพนานสูงสุด 6 ปี พร้อมสิทธิพิเศษมากมาย ตั้งแต่การผ่อนชำระยางทุกรุ่น ดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 15 เดือนกับบัตรเครดิตชั้นนำ บริการเสริมครบครันเมื่อเปลี่ยนยาง 4 เส้น ได้แก่ ฟรีค่าแรง บริการถอดใส่และถ่วงล้อ 4 ล้อสูงสุด 5 ครั้ง เติมลมไนโตรเจนฟรีตลอดอายุการใช้งาน สลับยางและถ่วงล้อฟรีตลอด 2 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร และที่สำคัญมีโปรแกรมรับประกันราคายางว่าไม่แพงกว่าคู่แข่ง ถ้ามีหลักฐานราคาที่สูงกว่า เรายินดีปรับลงให้เท่ากันหรือคืนเงินทันที*  (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด)

ควิกเลนทั่วประเทศไทยทั้ง 16 สาขา พร้อมให้บริการที่ ‘สะดวกกว่า วางใจได้จริง ตั้งแต่บริการตรวจเช็กสภาพเบื้องต้น 30 รายการ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย จนถึงบริการอื่นๆครอบคลุมกว่า 14 กลุ่ม เปิดทุกวัน ไม่มีวันหยุด ตั้งแต่เวลา 8.00-20.00 น. สามารถสอบถามข้อมูลสินค้า ราคาและโปรโมชัน ได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าสัมพันธ์ควิกเลน ที่หมายเลข 02-039-5798 หรือที่เฟซบุ๊กควิกเลน ประเทศไทย https://www.facebook.com/QuickLaneThailand หรือที่เว็บไซต์ https://www.quicklane.com/th-th

[1] ข้อมูลจาก nhtsa.gov