คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย 2566’
มอบรางวัล ‘1 ดาวมิชลิน’ เพิ่มอีก 5 ดวง
ในงานเปิดตัวคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย’ ฉบับประจำปี 2566 (The MICHELIN Guide Thailand 2023) ซึ่งเป็นคู่มือแนะนำร้านอาหารและที่พัก ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับที่ 6 ของประเทศไทย มิชลินได้ประกาศรายชื่อร้านอาหารที่คว้ารางวัล ‘ดาวมิชลิน’ (MICHELIN Star), รางวัล “ดาวมิชลินรักษ์โลก” (MICHELIN Green Star), รางวัล MICHELIN Young Chef Award และรางวัล MICHELIN Service Award พร้อมทั้งรางวัลพิเศษอีก 2 รางวัลที่มอบให้เป็นปีแรก ได้แก่ รางวัล MICHELIN Opening of the Year Award และรางวัล MICHELIN Sommelier Award
คู่มือฉบับล่าสุดนี้บรรจุรายชื่อร้านอาหารที่ผ่านการคัดสรรรวมทั้งสิ้น 441 แห่ง เป็นร้านที่ได้รับรางวัล ‘2 ดาวมิชลิน’ 6 ร้าน (ทุกร้านเป็นร้านที่รักษาสถานะ 2 ดาวมิชลินเอาไว้ได้), รางวัล ‘1 ดาวมิชลิน’ 29 ร้าน, รางวัล ‘บิบ กูร์มองด์’ 189 ร้าน และร้านแนะนำอื่น ๆ อีก 217 ร้าน โดยมีร้านใหม่คว้ารางวัล ‘1 ดาวมิชลิน’ เพิ่มขึ้น 5 ร้าน (ติดอันดับครั้งแรก 4 ร้าน และเลื่อนระดับ 1 ร้าน) และรางวัล
‘บิบ กูร์มองด์’ จำนวน 59 ร้าน (ติดอันดับครั้งแรก 53 ร้าน และเลื่อนระดับ 6 ร้าน) ทั้งยังมีร้านติดโผร้านแนะนำในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ เป็นครั้งแรกอีกถึง 54 ร้าน สรุปยอดรวมร้านใหม่ในคู่มือฯ ฉบับล่าสุดนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 111 ร้าน โดย 69 ร้านตั้งอยู่ใน นครราชสีมา, ขอนแก่น, อุบลราชธานี และ อุดรธานี ซึ่งเป็น 4 เมืองตัวแทนภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือ “ภาคอีสาน” ที่ ‘มิชลิน ไกด์’ ขยายขอบเขตเข้าดำเนินการสำรวจและจัดอันดับเป็นปีแรก
เกว็นดัล ปูลเล็นเนค (Gwendal Poullennec) ผู้อำนวยการฝ่ายจัดทำคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ทั่วโลก เปิดเผยว่า “หลังจากที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มานานหลายปี ล่าสุดเริ่มเห็นการเปิดร้านอาหารหรือโรงแรมใหม่ ๆ ทั่วประเทศ โดยในภาคธุรกิจร้านอาหาร มีร้านอาหารประเภทไฟน์ไดน์นิ่งเปิดตัวใหม่เป็นจำนวนมาก ทั้งโดยเชฟท้องถิ่นที่หันมาให้ความสำคัญกับรากเหง้าทางวัฒนธรรมด้านอาหารของตนเอง ส่งผลให้มีการนำเสนออาหารหลากหลาย ตั้งแต่อาหารไทยภาคเหนือ อาหารไทยภาคใต้ อาหารอีสาน อาหารไทยดั้งเดิม อาหารไทยแบบโมเดิร์น ฯลฯ นอกจากนั้น ยังมีร้านอาหารที่เปิดโดยนักลงทุนรายใหญ่และเชฟชั้นนำระดับโลกด้วย พัฒนาการเช่นนี้ส่งผลให้ผู้ตรวจสอบของมิชลิน ไกด์ รู้สึกตื่นเต้นไปกับบรรยากาศโดยรวมของภาคธุรกิจอาหารในไทยเป็นอย่างมาก”
“จำนวนร้านอาหารที่เพิ่มขึ้นในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย’ ฉบับล่าสุด ส่วนหนึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของร้านอาหารที่สามารถยืนหยัดฟันฝ่าความท้าทายในช่วงปีที่ผ่านมาได้ด้วยดี และส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ ‘มิชลิน ไกด์’ ขยายขอบเขตเข้าดำเนินการสำรวจและจัดอันดับร้านอาหารในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ ภาคอีสาน ซึ่งเป็นภาคที่ครอบคลุมพื้นที่ใหญ่ที่สุดของไทย ทั้งยังมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนาน ประกอบกับลักษณะทางภูมิศาสตร์และธรรมชาติที่งดงาม เราเชื่อว่าการขยายขอบเขตเข้าสู่ภูมิภาคนี้จะทำให้ผู้อ่านคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับล่าสุด ได้รับรู้และเข้าใจอาหารอีสานมากขึ้น รวมทั้งมีส่วนช่วยกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวสู่ภูมิภาคนี้มากขึ้น ตลอดจนมีส่วนส่งเสริมการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมอาหารและการบริการหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ดีขึ้น” มร.ปูลเล็นเนค กล่าว
รางวัล ‘1 ดาวมิชลิน’ มีร้านติดอันดับเพิ่มขึ้น 5 ร้าน (ติดอันดับครั้งแรก 4 ร้าน และเลื่อนระดับ 1 ร้าน)
ในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2566 รายชื่อร้านอาหารคว้ารางวัล ‘2 ดาวมิชลิน’ ยังคงเดิมรวมทั้งสิ้น 6 ร้าน ได้แก่ Chef’s Table (เชฟส์เทเบิล), Le Normandie by Alain Roux, Mezzaluna (เมซซาลูน่า), R-Haan, Sorn (ศรณ์) และ Sühring สำหรับรางวัล ‘1 ดาวมิชลิน’ มีร้านอาหารติดอันดับเพิ่มขึ้น 5 ร้าน โดยทุกร้านอยู่ในกรุงเทพฯ ได้แก่ บ้านเทพา ร้านอาหารไทยร่วมสมัยที่นำเสนออาหารชุดแบบ Tasting Menu ที่จัดแต่งมาอย่างสวยงาม โดยเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลที่ปลูกเอง และคัดสรรผักผลไม้จากเกษตรกรไทยหัวใจสีเขียวที่มุ่งรักษาความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม, Haoma ร้านอาหารอินเดียที่ปลูกผักเกือบ 40 ชนิดไว้ประกอบอาหารเอง มีระบบรองน้ำฝนไว้สำหรับรดน้ำผัก ทางร้านนำเสนออาหารอินเดียสมัยใหม่ที่ทุกจานปรุงรสและเผยเสน่ห์ของเครื่องเทศสไตล์อินเดียได้อย่างดีเยี่ยม โดยเน้นเรื่องความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อธรรมชาติ จึงไม่มีการทิ้งวัตถุดิบใด ๆ เลย มีให้เลือกทั้ง Tasting menu ตามฤดูกาล, เมนู À la carte และเมนูมังสวิรัติ, Maison Dunand ร้านอาหารที่เสิร์ฟเมนูฝรั่งเศสร่วมสมัย นำเสนออาหารชุดแบบ Tasting Menu ที่เชฟได้รับแรงบันดาลใจจากท้องถิ่นแถบเทือกเขาแอลป์อันเป็นบ้านเกิด ตลอดจนความทรงจำวัยเด็กในการไปเยือนแคว้น Brittany รวมถึงประสบการณ์เดินทางท่องเที่ยวในหลายประเทศ, โพทง ร้านอาหารไทย-จีนสมัยใหม่ที่นำเสนออาหารโดยเน้นการรับรู้ผ่านผัสสะทั้งห้า ตั้งแต่การมองเห็น ชิม ดม การหยิบจับ และฟังเรื่องราวที่แฝงอยู่ในแต่ละคอร์ส, Signature ร้านอาหารฝรั่งเศสที่ได้รับการเลื่อนระดับในปีนี้ โดยนำเสนอรสชาติอาหารสไตล์ครัวฝรั่งเศสคลาสสิก โดดเด่นด้วยการใช้สมุนไพรและดอกไม้นำเข้าเพื่อให้ได้กลิ่นอายของดินแดนฝรั่งเศสแท้ ๆ เซ็ตเมนูที่แนะนำคือ Flower Bouquet ซึ่งมีการรังสรรค์ต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล
จำนวนร้านได้รับรางวัล MICHELIN Green Star หรือ “ดาวมิชลินรักษ์โลก” เพิ่มขึ้นอีก 2 ร้าน รวมเป็น 3 ร้าน
นอกเหนือจาก PRU (พรุ) ร้านอาหาร 1 ดาวมิชลินในจังหวัดภูเก็ต ที่รักษารางวัลเอาไว้ได้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 แล้ว ยังมีร้านอาหารอีก 2 ร้านร่วมคว้ารางวัล MICHELIN Green Star หรือ “ดาวมิชลินรักษ์โลก” ที่มอบให้กับร้านอาหารที่ดำเนินกิจการและมีแนวปฏิบัติประจำวันด้านการประกอบอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ได้แก่ Haoma ร้านอาหารอินเดียในกรุงเทพฯ ซึ่งได้รับการจัดอันดับเป็นปีแรก และคว้ารางวัล ‘1 ดาวมิชลิน’ ไปครอง ร้านอาหารแห่งนี้กักเก็บน้ำฝนตลอดปีไว้เพื่อใช้สำหรับฟาร์ม Aquaponics และนำไปผ่านระบบกรองน้ำ Nordaq เพื่อใช้เป็นน้ำดื่มสะอาดสำหรับลูกค้า นอกจากนี้ในช่วงโควิดยังได้เริ่มทำฟาร์มเลี้ยงไก่ แพะ และวัว สำหรับใช้ทำเมนูที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ และ จำปา ร้านอาหารในภูเก็ตที่ผ่านการคัดสรรเป็นร้านแนะนำโดยคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ เป็นปีแรกร้านแห่งนี้มุ่งนำเสนออาหารที่อุดมคุณค่า โดยเน้นให้ลูกค้าตระหนักถึงคุณประโยชน์ของอาหารสดใหม่ในท้องถิ่น เสิร์ฟอาหารยุโรปร่วมสมัยซึ่งปรุงขึ้นจากพืชผักสมุนไพรที่ปลูกในฟาร์มออร์แกนิกของร้านเอง และวัตถุดิบจากทะเลที่เลือกเฟ้นมาจากชาวประมงบนเกาะ
ผู้คว้ารางวัล MICHELIN Thailand Young Chef Award ประจำปี 2566: ดาวิเด การาวาเกลีย (Davide Garavaglia) จากร้าน Côte by Mauro Colagreco
เชฟดาวิเดสัญชาติอิตาเลียนได้นำทิศทางและมาตรฐานการทำอาหารของเชฟเมาโร โคลาเกรคโค (Mauro Colagreco) จากดินแดนแถบเมดิเตอร์เรเนียนมาถ่ายทอดผ่านร้านอาหาร ณ โรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับเชฟมาร์ค วาเซอร์ (Marc Vasseur) หลังสั่งสมประสบการณ์การทำงานที่ D’O ร้านระดับ ‘2 ดาวมิชลิน’ ของเชฟดาวิเด โอลดานี (Davide Oldani) ในมิลาน และ Sketch ร้านระดับ ‘3 ดาวมิชลิน’ ของเชฟปีแยร์ กาแญร์ (Pierre Gagnaire) ในกรุงลอนดอน เชฟดาวิเดได้มาเริ่มงานกับเชฟเมาโร โคลาเกรโค ที่ร้าน Mirazur ในปี 2558 และมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้ร้านคว้ารางวัล ‘3 ดาวมิชลิน’ มาครองในที่สุด
ผู้คว้ารางวัล MICHELIN Thailand Service Award ประจำปี 2566: อุทิศ สองโท (Uthit Songtho) จากร้าน บ้านพระยา
คุณอุทิศ ผู้จัดการร้านบ้านพระยา ให้บริการอย่างอบอุ่นด้วยไมตรีจิตแบบไทยและมาตรฐานอันเป็นเลิศของโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล เปี่ยมทั้งความเป็นมิตร สุภาพ และจริงใจ โดยไม่เพียงรอต้อนรับแขกผู้มาเยือนอย่างอบอุ่นทันทีที่ก้าวเท้าลงจากเรือ แต่ขากลับยังรอส่งขึ้นเรือพร้อมกล่าวลาอย่างสุภาพ ระหว่างให้บริการ คุณอุทิศเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับความเป็นมาของร้านอาหาร ประวัติเชฟ ตลอดจนข้อมูลเกี่ยวกับอาหารจานที่นำเสนอและอาหารไทยทั่วไป ทั้งยังใส่ใจสอบถามถึงความคิดเห็นของลูกค้าที่มีต่ออาหารจานต่าง ๆ ด้วย
…ครั้งแรกในไทยกับ 2 รางวัลพิเศษ ผู้คว้ารางวัล MICHELIN Thailand Opening of the Year Award ประจำปี 2566: เชฟ “แพม” พิชญา สุนทรญาณกิจ (Pichaya Soontornyanakij) จากร้าน โพทง
รางวัล MICHELIN Opening of the Year Award มอบให้กับเชฟ, เจ้าของ หรือผู้จัดการร้าน ซึ่งประสบความสำเร็จในการเปิดร้านอาหารใหม่ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยมีแนวคิดที่โดดเด่นในการนำเสนออาหารอย่างสร้างสรรค์ จนกลายเป็นกระแสที่ได้รับความสนใจจากวงการอาหารในประเทศ
เชฟแพมคว้ารางวัลพิเศษนี้มาครองเป็นคนแรกในไทย เนื่องจากประสบความสำเร็จในการเปิดร้านอาหาร “โพทง” ขึ้นใจกลางย่านเยาวราช ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยนำตึกโบราณซึ่งเคยเป็นห้างขายยาเก่าแก่ของตระกูลมาปรับปรุง ร้านนี้ถือเป็นร้านอาหารแห่งแรกในไทยที่นำเสนออาหารเชิงสร้างสรรค์แนว Innovative/Progressive Thai-Chinese โดยนำอาหารไทย-จีน มาตีความในรูปแบบใหม่ได้อย่างน่าประทับใจ โดดเด่นด้วยการรังสรรค์อาหารชุดแบบ Tasting Menu จำนวน 20 คอร์ส ที่ทุกจานปรุงขึ้นภายใต้ปรัชญาขององค์ประกอบ 5 อย่าง คือ เกลือ (Salt), รสเปรี้ยว (Acid), เครื่องเทศ (Spice), เนื้อสัมผัส (Texture) และ “ปฏิกิริยาเมลลาร์ด” (Maillard Reaction) ซึ่งหมายถึงการนำอาหารมาผ่านความร้อนจนกลายเป็นสีน้ำตาลและมีกลิ่นหอมน่าทาน
ผู้คว้ารางวัล MICHELIN Thailand Sommelier Award ประจำปี 2566: กียม เปอร์ดิเกส (Guillaume Perdigues) จากร้าน Mezzaluna
รางวัล MICHELIN Sommelier Award มอบให้กับ “ซอมเมอลิเยร์” (Sommelier) หรือผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ที่มีคุณสมบัติโดดเด่น โดยให้บริการอย่างมืออาชีพ และมีความชำนาญในการให้คำแนะนำเกี่ยวกับไวน์ชนิดต่าง ๆ รวมถึงการจับคู่ไวน์กับเมนูอาหาร เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ด้านอรรถรสสูงสุด
มร.เปอร์ดิเกส ซอมเมอลิเยร์ผู้คว้ารางวัลอันทรงเกียรตินี้เป็นรายแรกในไทย ไม่เพียงหลงใหลและมีความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับไวน์อย่างลึกซึ้ง แต่ยังมีทักษะที่ละเอียดอ่อนในการเสิร์ฟไวน์ ให้บริการลูกค้าอย่างมืออาชีพ ทั้งยังมีความสุขในการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับไวน์ให้เข้าใจได้ง่ายอย่างมีชั้นเชิง ตลอดจนสามารถแนะนำการเลือกและจับคู่ไวน์กับอาหารได้เหมาะกับความต้องการและรสนิยมของลูกค้าแต่ละราย
รายชื่อร้านอาหารทั้งหมดที่ได้รับคัดสรรและจัดอันดับอยู่ในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย 2566’ มีให้คลิกเข้าดูได้ทางเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นของ ‘มิชลิน ไกด์’ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ นอกจากนี้ ช่องทางดังกล่าวยังบรรจุรายชื่อโรงแรมที่พักทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ซึ่งได้รับการคัดสรรโดย ‘มิชลิน ไกด์’ ว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น เอาไว้ด้วย
โรงแรมที่พักทุกแห่งในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ซึ่งครอบคลุมทางเลือกสำหรับทุกระดับงบประมาณ ล้วนผ่านกระบวนการคัดสรรโดยพิจารณาจากอัตลักษณ์เฉพาะตัว บริการ และสไตล์ที่โดดเด่น ผู้สนใจสามารถสำรองโรงแรมที่พักผ่านเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นของ ‘มิชลิน ไกด์’ ได้โดยตรง สำหรับรายชื่อโรงแรม
ที่พักในประเทศไทยที่ผ่านการคัดสรรและตีพิมพ์ไว้ในคู่มือฉบับล่าสุด ได้แก่ โรงแรมสไตล์บูติกสุดหรูที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดดเด่น อาทิ อมันปุรี (Amanpuri), โรงแรมที่บุกเบิกแนวคิดเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน อาทิ รายาวดี (Rayavadee), โรงแรมที่พักเหนือระดับในกลุ่ม Plus Collection อาทิ
เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร (The Standard, Bangkok Mahanakhon) และที่พักพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวสไตล์พูลวิลล่าที่โอบล้อมด้วยป่าเขียวขจี อาทิ กีมาลา (Keemala)
คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ไม่เพียงได้รับยกย่องว่าเป็นบรรทัดฐานของวงการอาหาร แต่ยังมีบทบาทในการกำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับธุรกิจโรงแรมที่พัก คลิกดูรายชื่อร้านอาหารที่ผ่านการคัดสรร หรือสำรองโรงแรมที่พักผ่านทางเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่นสำหรับระบบ iOS และ Android ของ ‘มิชลิน ไกด์’ ที่มีให้ดาวน์โหลดได้ฟรี เพื่อสัมผัสประสบการณ์สุดประทับใจ