Gojek เปิดตัวแอพและแบรนด์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย
แอพใหม่ที่มาพร้อมอินเทอร์เฟซและฟีเจอร์ใหม่มากมาย พร้อมยกระดับประสบการณ์และลดความยุ่งยากในชีวิตประจำวันของผู้ใช้บริการ
Gojek (โกเจ็ก) แพลตฟอร์มเทคโนโลยีชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นำเสนอหลากหลายบริการและการชำระเงินแบบออนดีมานด์ ได้แถลงเปิดตัวแอพพลิเคชั่น Gojek อย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ววันนี้ โดยนับตั้งแต่ช่วงเช้า เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป ผู้ใช้บริการในประเทศไทยสามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ของ Gojek ได้แก่ บริการส่งอาหาร (GoFood – โกฟู้ด) บริการเรียกรถจักรยานยนต์ (GoRide – โกไรด์) บริการรับส่งพัสดุ (GoSend – โกเซนด์) และบริการอีวอลเล็ตหรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (GoPay – โกเพย์) ผ่านแอพ Gojek ที่พร้อมให้ดาวน์โหลดสำหรับทั้ง iOS และ Android มาในดีไซน์และอินเตอร์เฟซใหม่ที่ดูดีขึ้น รวมถึงมีการอัปเกรดฟีเจอร์หลากหลาย เพื่อเข้ามาช่วยลดข้อจำกัดในชีวิตประจำวัน ช่วยยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้บริการ และความปลอดภัยในการใช้งาน
การรีแบรนด์ครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากที่ก่อนหน้า GET (เก็ท) ได้ประกาศการรวมแอพพลิเคชั่นและแบรนด์ไว้ภายใต้ Gojek ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัทในการสร้างผลกระทบเชิงบวกที่ยั่งยืน และเร่งสร้างนวัตกรรมสำหรับผู้ใช้บริการในประเทศไทย ขณะเดียวกัน GoViet (โกเวียต) ซึ่งเป็นกิจการของ Gojek ในเวียดนามได้เปิดภายใต้แบรนด์ Gojek ไปเมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ใช้ โดยมียอดการสั่งซื้อรวมหลายล้านครั้งภายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่เปิดตัว
เควิน อลูวี และ อันเดร โซลิสต์โย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม ของ Gojek กล่าวว่า “วันนี้นับเป็นก้าวสำคัญสำหรับบริษัท และยังเป็นการตอกย้ำพันธสัญญาของเราที่มีต่อประเทศไทยในระยะยาว ต้องขอขอบคุณทีมงานของเราในไทย นำโดยภิญญา ที่ทำงานกันได้อย่างยอดเยี่ยม และพร้อมจะนำพาทุกคนก้าวสู่การเดินทางบทใหม่ในครั้งนี้ เราทั้งสองคนขอขอบคุณผู้ใช้บริการ พาร์ทเนอร์ และผู้ที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ในประเทศไทย ที่ได้สนับสนุนเรามาตลอด เรามองเห็นศักยภาพการเติบโตมหาศาลและการพัฒนาที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย เราภาคภูมิใจและตื่นเต้นที่จะได้นำประสบการณ์ของ Gojek มาสู่ผู้ใช้บริการเดิมของ GET และผู้ใช้กลุ่มใหม่ในประเทศไทย”
ภิญญา นิตยาเกษตรวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ Gojek ประเทศไทย กล่าวว่า “ผู้ใช้บริการ พาร์ทเนอร์คนขับ และพาร์ทเนอร์ร้านอาหารของเรา คือหัวใจสำคัญของก้าวต่อไปที่น่าตื่นเต้นในครั้งนี้ ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเปลี่ยนแบรนด์ แต่คือการนำซูเปอร์แอพใหม่ถึง 3 ตัว ด้วยกันเข้ามาสู่ประเทศไทย ทั้งแอพ Gojek สำหรับผู้ใช้บริการ แอพ GoPartner สำหรับคนขับ และแอพ GoBiz สำหรับร้านอาหาร ซึ่งแต่ละแอพพัฒนาด้วยเทคโนโลยีล้ำระดับโลก ที่จะช่วยให้เราสามารถพัฒนาและนำเสนอบริการใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว รวมถึงเอื้อให้เราสามารถปรับเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ให้ลงตัวและเข้ากับความต้องการและความจำเป็นของผู้ใช้ชาวไทยได้ดียิ่งขึ้น
“ผมขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนเราอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ช่วงที่เราเริ่มต้นในฐานะ GET และในก้าวแรกของเราในฐานะ Gojek เราได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากพาร์ทเนอร์คนขับกว่า 50,000 คน พาร์ทเนอร์ร้านอาหารกว่า 30,000 ราย รวมถึงพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของเราอย่าง ธนาคารไทยพาณิชย์ เดอะมอลล์กรุ๊ป และอีกมากมาย องค์ประกอบทั้งหมดนี้จะช่วยยกระดับความสำเร็จของเราขึ้นไปอีกขั้น สามารถมอบประสบการณ์ของผู้ใช้งานที่ดียิ่งกว่า สร้างสรรค์นวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้อย่างรวดเร็วขึ้น และช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกที่ยั่งยืนในประเทศไทยได้ต่อเนื่องในอนาคต”
ฟีเจอร์เด่นบางส่วนของแอพ Gojek ได้แก่ อินเทอร์เฟซผู้ใช้ที่ใช้งานได้ง่าย ราบรื่น ไม่สะดุด ฟีเจอร์ ‘Dish Likes and Favorites’ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถกดไลก์และบันทึกอาหารจานโปรดไว้เพื่อการสั่งซื้อในอนาคต ‘Consumer-to-Consumer Chat’ เป็นฟีเจอร์การส่งข้อความพูดคุยในแอพ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแชตและแชร์ร้านค้าหรืออาหารจานโปรดกับเพื่อน ๆ ได้ รวมถึงฟีเจอร์ ‘Invite Friends’ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่เปิดให้ผู้ใช้สามารถแนะนำแอพ Gojek ให้กับเพื่อน ๆ ได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ Gojek พร้อมเปิดตัวบริการใหม่ ‘GoFood Pickup’ (โกฟู้ด พิกอัพ) ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถออเดอร์อาหารล่วงหน้า และไปรับอาหารที่สั่งด้วยตัวเองได้สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องรอคิว ทั้งนี้ บริการ GoFood Pickup ยังอยู่ในช่วงทดลองให้บริการ โดยมีร้านอาหารในพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ เข้าร่วมแล้วกว่า 500 แห่ง
นอกจากนั้น ผู้ใช้บริการสามารถใช้แอพพลิเคชั่น Gojek ได้แล้ววันนี้ จากทุกประเทศที่ Gojek ดำเนินการ ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และประเทศไทย
พาร์ทเนอร์คนขับและพาร์ทเนอร์ร้านอาหารของ Gojek ยังจะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่ดียิ่งขึ้น ด้วยแอพ GoPartner แอพสำหรับคนขับ Gojek ที่มาพร้อมกับระบบการสมัครเป็นคนขับใหม่ที่สะดวกและง่ายดายกว่าเดิมในแอพเดียว นอกจากนั้น คนขับ Gojek จะสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นไม่มีสะดุดกับอินเทอร์เฟซใหม่ นอกจากนี้ แอพ GoBiz แอพสำหรับพาร์ทเนอร์ร้านอาหาร ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ต่างๆ อาทิ ‘Chat Head Notifications’ แจ้งเตือนออเดอร์ใหม่ให้ร้านอาหารทราบแม้ในขณะที่ปิดแอพอยู่ ศูนย์บริการร้านอาหารที่ปรับปรุงใหม่ ฟีเจอร์ ‘Partner Badge’ และ ‘Super Partner Badge’ ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกหาร้านอาหารพาร์ทเนอร์ที่รับประกันว่าให้บริการที่มีคุณภาพได้ง่ายและสะดวกกว่า
แคมเปญเปิดตัว Gojek ประเทศไทย
ในการเปิดตัวครั้งนี้ Gojek พร้อมจัดแคมเปญเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญการตลาดระดับโลกครั้งแรกของบริษัท เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ให้ทั้งกับผู้ใช้ใหม่และผู้ใช้เดิม โดยแคมเปญหลักคือ วีดีโอโฆษณา ที่เน้นการใช้ภาพและมุมกล้องที่แปลกใหม่สะกดสายตา ถ่ายทอดให้เห็นโลกที่ทุกอย่างเคลื่อนไหวและลื่นไหล อันเป็นการสะท้อนถึงมิชชั่นของบริษัท ที่ต้องการลดข้อจำกัดในชีวิตประจำวันของผู้ใช้งาน แบรนด์วิดีโอนี้ กำกับโดย เฮนรี สกอฟิลด์ ผู้กำกับมือรางวัลระดับโลกและเคยมีผลงานการกำกับวิดีโอยอดนิยมให้กับนักร้องและนักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียงระดับโลกมากมาย
ทั้งนี้ Gojek ประเทศไทย ยังมีแคมเปญพิเศษให้คนกรุงเทพฯ ได้ทดลองสัมผัสประสบการณ์ระดับซูเปอร์ แอพของ Gojek ได้ง่ายกว่า กับแคมเปญ Gojek Exclusive ที่แจกฟรีโดนัท Krispy Kreme แก่ผู้ใช้บริการ 10,000 ราย วันที่ 17 กันยายน 63 วันเดียวเท่านั้น ตั้งแต่ช่วงเที่ยงวันไปจนถึง 6 โมงเย็น สุดเอ็กซ์คลูซีฟกับโดนัทรสชาติใหม่ Gojek Green Tea Chocolate Cake ที่ออกแบบเพื่อ Gojek โดยเฉพาะและไม่เคยมีวางขายมาก่อน 1 ชิ้น และโดนัท Original Glazed 2 ชิ้น รวมเป็น 3 ชิ้นฟรี! นอกจากนี้ ในช่วงเปิดตัว ยังมีส่วนลดสุดพิเศษมามอบให้กับผู้ใช้งานใหม่อีกมากมาย ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 30 กันยายน 2563
- บริการ GoFood: แคมเปญ Gojek Grand Opening Deals มอบคูปองส่วนลดมูลค่าสูงสุดถึง 2,500 บาทให้กับผู้ใช้งานใหม่ พร้อมดีลส่วนลดค่าอาหารสุดคุ้ม ลดสูงสุดถึง 50% จากพาร์ทเนอร์ร้านและแบรนด์ยอดนิยม อาทิ เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป, เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป, เท็กซัส ชิคเก้น,
โดมิโน่พิซซ่า, เชสเตอร์ และอีกมากมาย - บริการ GoRide: ผู้ใช้บริการสามารถกดเก็บคูปองส่วนลดมูลค่า 12 บาท ได้ถึง 5 ใบ เพื่อทดลองใช้บริการเรียกรถจักรยานยนต์ได้สะดวกกว่า