Delta Future Industry Summit 2019 มุ่งผลักดันไอเดียเปลี่ยนอาเซียนให้เป็นเมืองอัจฉริยะ
งานสัมมนาหนึ่งเดียวที่เสริมพลังผู้นำในภูมิภาคในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้านดิจิทัล อุตสาหกรรม และโซลูชั่นสีเขียว
บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จัดงานสัมมนา Delta Future Industry Summit ครั้งที่ 2 เพื่อเปิดโอกาสให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้พบปะพูดคุยและแบ่งปันความคิดเห็นสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมในอาเซียนภายใต้หัวข้อ Powering ASEAN’s Urban Transformation ณ โรงแรมเรเนซองส์ ราชประสงค์ กรุงเทพฯ งานสัมมนาครั้งนี้ได้รวบรวมผู้บริหารระดับสูงที่มีอำนาจตัดสินใจมากมาย เพื่อหารือและสัมผัสโซลูชั่นสำหรับเมืองอัจฉริยะ อันประกอบด้วยการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า (E-mobility) พลังงานแสงอาทิตย์ ระบบอุตสาหกรรมอัตโนมัติ ไฟฟ้าสำหรับงานอุตสาหกรรม ดาต้าเซนเตอร์ ระบบระบายอากาศอัจฉริยะ และโซลูชั่นการกักเก็บพลังงาน
ความโดดเด่นของงานสัมมนาประจำปีในครั้งนี้ที่ทำให้งานนี้แตกต่างไปจากงานสัมมนาทั่วไปคือการให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้เข้าร่วมงานสัมมนาทุกภาคส่วน “เราเชื่อมั่นในการเชื่อมโยงผู้คนด้วยค่านิยมที่มีร่วมกันของเรา นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงตัดสินใจจัดงานสัมมนาแบบเปิดกว้างให้ทุกคนมีส่วนร่วม เดลต้าเชื่อว่าความสำเร็จของทุกคนเป็นสิ่งสำคัญ เพราะในโลกที่เชื่อมต่อกันทุกวันนี้ เราสามารถสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ร่วมกันได้มากมาย” นายแจ็คกี้ ชาง รองประธาน บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) กล่าว “ที่เดลต้า เรานำความเปลี่ยนแปลงมาสร้างให้เป็นโอกาสสำหรับการเติบโตทางธุรกิจในรูปแบบใหม่ๆ ให้ยั่งยืนมากขึ้นอยู่เสมอ ตั้งแต่แรกเริ่มเรายกระดับขีดความสามารถของเราในการจัดการด้านพลังงานและความร้อน เพื่อพัฒนาโซลูชั่นที่ตอบสนองเมกะเทรนด์ของโลก และสิ่งนี้เองที่ทำให้เราเป็นพาร์ทเนอร์ที่สมบูรณ์แบบเพื่อการเปลี่ยนแปลงธุรกิจในอุตสาหกรรมยุค 4.0”
สืบเนื่องจากการที่ประเทศไทยรับหน้าที่เป็นประธานอาเซียนประจำปี 2562 ทางรัฐบาลได้นำเสนอนโยบายประเทศไทย 4.0 เพื่อขับเคลื่อนเทคโนโลยีและนวัตกรรมในท้องถิ่น นายภานุวัฒน์ ตริยางกูรศรี ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า “โครงการ Big Brother หรือ พี่ช่วยน้อง เป็นโครงการที่ช่วยเชื่อมโยงวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเข้ากับบริษัทนวัตกรรมขนาดใหญ่เพื่อพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน ในปีนี้พวกเราได้ลงนามบันทึกข้อตกลงกับเดลต้า เพื่อร่วมมือกันยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในประเทศไทยด้วยเทคโนโลยีอัตโนมัติ ตลอดจนแนะนำองค์ความรู้เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจ การบริหารจัดการ และเทคโนโลยียุคใหม่ให้แก่ผู้ประกอบการ เราเชื่อมั่นว่าเดลต้าและองค์กรที่มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนจะเป็นผู้มีบทบาทสำคัญให้ธุรกิจไทยก้าวไกลระดับโลก”
ในการทำงานร่วมกันระหว่างประชาชน ผู้บริหารภาคท้องถิ่น และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เป็นส่วนสำคัญในการบรรลุข้อตกลงการปรับปรุงโซลูชั่นเมืองอัจฉริยะได้อย่างกว้างขวาง “ความน่าอยู่ และ ความยั่งยืน ทั้งสองคำนี้เป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยสร้างความสำเร็จให้เกิดขึ้นจริง เมื่อมีการวางแผนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในภูมิภาคอาเซียนที่มีความหลากหลาย”
ดร.ศุภกร สิทธิไชย ผู้อำนวยการรองประธานฝ่ายส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) กล่าว และเน้นย้ำถึงความร่วมมือที่มากขึ้นและการแบ่งปันข้อมูลร่วมกันจะช่วยส่งเสริมให้การนำโซลูชั่นอัจฉริยะไปปรับใช้ในท้องถิ่นเกิดขึ้นได้จริงและมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อย่างไรก็ดี การเติบโตอย่างรวดเร็วและการขยายตัวของเมืองในอาเซียนก่อให้เกิดวิกฤติมลพิษทางอากาศในหลายเมืองหลัก ดังนั้นในช่วงของการสนทนาอภิปราย เกี่ยวกับโซลูชั่นอัจฉริยะต่างๆ ซึ่งจะช่วยปกป้องผู้คนจากปัญหามลภาวะทางอากาศทั้งภายในและภายนอกอาคาร
นายปีเตอร์ แกลลิ รองประธานด้านการสื่อสาร บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวถึงประเด็นต่างๆ ที่อุตสาหกรรมยานยนต์ควรคำนึงถึงในการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ รวมถึงการลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ การเพิ่มปริมาณยานยนต์ไฟฟ้า และการนำแบตเตอรี่ของยานยนต์ไฟฟ้ากลับมาใช้ซ้ำ
ในประเด็นเกี่ยวกับคุณภาพอากาศภายในอาคาร รศ.ดร.มานิสา พิพัฒนสมพร อาจารย์หน่วยปฎิบัติการวิจัยสมาร์ทกริด จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนายอรรรณพ กิ่งขจี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัท อีอีซี เอนจิเนียริ่ง เน็ทเวิร์ค จำกัด ได้กล่าวถึงแนวโน้มและโซลูชั่นล่าสุดด้านอาคารอัจฉริยะในการกรองฝุ่นละออง PM2.5 และระบบจัดการอากาศอัจฉริยะ (HVAC) ที่ประหยัดพลังงาน นอกจากนี้ นายภาสกร ธรรมวิทยากร ผู้จัดการอาวุโสของเดลต้า ยังได้ให้รายละเอียดถึงโซลูชั่นควบคุมคุณภาพอากาศภายในอาคารของเดลต้า ที่ใช้เทคโนโลยีพัดลมไฟฟ้ากระแสตรง แกนกลางแลกเปลี่ยนความร้อน และแผ่นกรองอากาศ HEPA เพื่อประหยัดพลังงานและให้อากาศเย็นบริสุทธิ์ทั่วบ้านทั้งหลัง
ขณะที่กล่าวบรรยาย นายแกลลิ ยังได้เน้นย้ำถึงกลยุทธ์การใช้พลังงานไฟฟ้าของนิสสัน ซึ่งให้ความสำคัญของการเปลี่ยนไปใช้ยานยนต์ไฟฟ้าผ่านการทำงานร่วมกัน “ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของยานยนต์ด้วยโอกาสที่เกิดขึ้นจากอีโคซิสเต็มส์ของยานยนต์ไฟฟ้าที่แข็งแกร่งผ่านการทำงานร่วมกันของภาครัฐและภาคเอกชน” นายแกลลิกล่าว “ความสามารถของเราในการจัดหาระบบชาร์จและการให้ความช่วยเหลือสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า นิสสัน ลีฟ ทั้งหมดในประเทศไทยขึ้นอยู่กับพันธมิตรที่สำคัญทั้งหน่วยงานภาครัฐ เช่น การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และ บริษัทเอกชน เช่น เดลต้า อีเลคโทรนิคส์
ในขณะที่ความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นจากการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนการเติบโตของอุตสาหกรรมและธุรกิจดิจิทัล นำมาซึ่งความต้องการโซลูชั่นด้านพลังงานรูปแบบใหม่ ในการอภิปรายช่วงที่สอง ผู้เชี่ยวชาญได้อธิบายถึงเทคโนโลยีการเก็บกักและสำรองพลังงานเพื่อให้มีไฟฟ้าเพียงพอสำหรับระบบโครงข่ายจ่ายไฟฟ้าต่างๆ โดยมี ดร.ศุภกร สิทธิไชย ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมเมืองอัจฉริยะสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA), นายกิตติศักดิ์ เงินงอกงาม ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), นายมนัส อรุญวัฒนาพร ผู้ช่วยผู้อำนวยการกองพัฒนาระบบไฟฟ้าแห่งการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.), และนายพงศกร ลิมปกาญจน์เวช ผู้จัดการอาวุโสแผนกพัฒนาเมืองอัจฉริยะ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) ได้ให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการกักเก็บพลังงานเพื่อนำไปใช้กับระบบโครงข่ายจ่ายไฟอัจฉริยะ
งานสัมมนาอุตสาหกรรมอนาคตจากเดลต้า (Delta Future Industry Summit) จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. 2561 โดยเชิญเฉพาะคู่ค้าและลูกค้าของเดลต้ามาร่วมงานเพื่อแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญในแต่ละอุตสาหกรรม ตลอดจนพบปะสังสรรค์กัน ทั้งนี้ ความร่วมมือและพันธสัญญาของเดลต้าเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ถือเป็นการตอกย้ำและสนับสนุนพันธกิจของเดลต้าที่ว่า Smarter. Greener. Together.