โตโยต้าแถลงยอดขายตลาดรถยนต์ครึ่งแรกของปี 2564

พร้อมคาดการณ์ตลาดรวมอยู่ที่ 800,000 คัน

มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงสถิติการจำหน่ายรถยนต์ครึ่งแรกของปี 2564 พร้อมคาดการณ์ตลาดรถยนต์ไทยปี 2564 เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2564

มร.ยามาชิตะ กล่าวว่า “จากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแพร่ระบาดในระลอกล่าสุดที่มีความรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ได้ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม และส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อรถยนต์ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เรายังคงมุ่งหวังว่าสถานการณ์ต่างๆจะฟื้นตัวดีขึ้น จากความพยายามของภาครัฐในการแก้ไขปัญหา ควบคู่ไปกับแผนการฉีดวัคซีนสำหรับคนไทย ซึ่งจะก่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม”

มร.ยามาชิตะ กล่าวต่อไปว่า “แม้ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยจะยังคงได้รับผลกระทบอย่างมากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 แต่บรรดาบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั้งหลาย ก็ได้มีความพยายามในการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆในเชิงรุก เห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของยอดขายรถยนต์จากงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 42 ที่ผ่านมา ตลอดจนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ซึ่งปัจจัยต่างๆเหล่านี้มีส่วนช่วยคลายความวิตกกังวลของผู้บริโภคและกระตุ้นให้เกิดใช้จับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ส่งผลให้ตัวเลขยอดขายตลาดรวมในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 373,191 คัน เพิ่มขึ้น 13.6% จากยอดขายในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว”

สถิติการขายรถยนต์ในประเทศ

 ม.ค. – มิ.ย. 2564

ยอดขายปี 2564 เปลี่ยนแปลง

เทียบกับปี 2563

Ž ปริมาณการขายรวม 373,191 คัน     +13.6 %
Ž รถยนต์นั่ง 120,351 คัน     + 0.5 %
Ž รถเพื่อการพาณิชย์ 252,840 คัน     + 21.0 %
Ž รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 196,934 คัน     + 18.3 %
Ž รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 168,993 คัน    + 13.1%

“สำหรับผลการดำเนินงานของโตโยต้าในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 มียอดขายโดยรวมเพิ่มขึ้น 24.4% หรือ คิดเป็นจำนวน 117,185 คัน ซึ่งถือได้ว่าดีกว่าอัตราการฟื้นตัวของตลาด อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบริษัทฯ จะเผชิญกับความยากลำบากมากมายในปีที่ผ่านมา แต่ยังมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 หรือเท่ากับ 31.4% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด ซึ่งเพิ่มขึ้นจากตัวเลข 28.7% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว สืบเนื่องจากกลยุทธ์การขายแบบใหม่ของเรา  ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งรวมถึงการเสริมความเข้มแข็งในส่วนกลยุทธ์การขายบนช่องทางออนไลน์และการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ ตลอดจนความพยายามในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆของเราในช่วงแรกของปีนี้

สถิติการขายรถยนต์ของโตโยต้า

 ม.ค. – มิ.ย. 2564

ยอดขายปี 2564 เปลี่ยนแปลง

เทียบกับปี 2563

ส่วนแบ่งตลาด
Ž ปริมาณการขายรวม 117,185 คัน    + 24.4 % 31.4 %
Ž รถยนต์นั่ง 29,703 คัน    – 0.7 % 24.7 %
Ž รถเพื่อการพาณิชย์ 87,482 คัน    + 36.1 % 34.6 %
Ž รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 74,141 คัน    + 31.8 % 37.6 %
Ž รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 61,833 คัน    + 24.6 % 36.6 %

สำหรับแนวโน้มตลาดรถยนต์ของปี 2564 มร.ยามาชิตะคาดการณ์ว่า “มีหลากหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อทิศทางของตลาดรถยนต์ในปีนี้ อาทิ สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกล่าสุด การเข้าถึงวัคซีนของประชาชน รวมถึงแนวโน้มสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ตลอดจนการสนับสนุน จากองค์กรเอกชนทุกภาคส่วนที่ผนึกกำลังในการร่วมคลี่คลายสถานการณ์ เรามีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้ จะสามารถฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น ดังนั้นเราจึงคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในปี 2564 จะอยู่ที่ 800,000 คัน เพิ่มขึ้น  1 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา”

ประมาณการยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2564 ยอดขาย

ประมาณการปี 2564

เปลี่ยนแปลง

เทียบกับปี 2563

Ž ปริมาณการขายรวม 800,000 คัน     +  1 %
Ž รถยนต์นั่ง 271,000 คัน     – 1.4 %
Ž รถเพื่อการพาณิชย์ 529,000 คัน     + 2.3 %

มร.ยามาชิตะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับโตโยต้า เรามีเป้าหมายการขายในปี 2564 อยู่ที่ 260,000 คัน หรือคิดเป็นยอดขายที่เพิ่มขึ้น 6.4 % จากปีที่ผ่านมา คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดที่ 32.5% แม้ว่าเราจะเผชิญปัญหาจากสถานการณ์โควิด-19  แต่เรายังคงเชื่อมั่นว่า จากความพยายามของเรา ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มยอดขายบนช่องทางออนไลน์ แพ็คเกจการให้บริการที่ทำให้ลูกค้าสามารถ “เป็นเจ้าของรถยนต์ได้ง่ายขึ้น”   และมาตรการเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้าในเรื่องการดูแลสุขอนามัย ทั้งในโชว์รูมและศูนย์บริการ รวมทั้งการให้บริการทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคภายในรถยนต์ ตลอดจนความเข้มแข็งของเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ จะมีส่วนช่วยให้เราได้รับความเชื่อมั่นและการสนับสนุนจากลูกค้าเพื่อบรรลุสู่เป้าหมายของเราได้เป็นผลสำเร็จ”

ประมาณการขายรถยนต์ของโตโยต้าในปี 2564 ยอดขาย

ประมาณการปี 2564

เปลี่ยนแปลง

เทียบกับปี 2563

ส่วนแบ่งตลาด
Ž ปริมาณการขายรวม 260,000 คัน      + 6.4 % 32.5 %
Ž รถยนต์นั่ง   67,000 คัน      -1.7% % 24.7 %
Ž รถเพื่อการพาณิชย์ 193,000 คัน      + 9.6 % 36.5 %
Ž รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 166,800 คัน      + 11.5 % 40.2 %
Ž รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 142,000 คัน      + 9.3 % 39.6 %

สำหรับปริมาณการส่งออกของโตโยต้าในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 บริษัทฯได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปจำนวน 141,909 คัน เพิ่มขึ้น 46% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา  โดยมียอดการผลิตสำหรับการขายภายในประเทศและการส่งออกมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 258,365 คัน เพิ่มขึ้น 50% จากปีที่แล้ว

ปริมาณการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป

และการผลิตของโตโยต้า ม.ค. – มิ.ย. ปี 2564

ปริมาณปี 2564 เปลี่ยนแปลง

เทียบกับปี 2563

Ž ปริมาณการส่งออก 141,909 คัน     + 46%
Ž ยอดผลิตรวมทั้งส่งออกและการขายในประเทศ 258,365 คัน + 50%

ทั้งนี้สำหรับเป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของโตโยต้าในปีนี้ คาดการณ์ว่าปริมาณการส่งออกจะอยู่ที่ 322,000 คัน เพิ่มขึ้น 50 % จากปีที่แล้ว จากสัญญาณการฟื้นตัวในตลาดต่างประเทศ ด้วยปัจจัยต่างๆ อาทิ เช่น อัตราการลดลงของผู้ป่วยโควิด-19 ความคืบหน้าของแผนการฉีดวัคซีน และแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในประเทศต่างๆ

ส่วนในด้านการผลิตนั้น มองว่ามีแนวโน้มดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า จากความต้องการของลูกค้าในตลาดต่างประเทศซึ่งมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น ดังนั้นปริมาณการผลิตรถยนต์ของโตโยต้าในปี 2564 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 580,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 31 % จากปีที่แล้ว ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวสอดคล้องกับเป้าหมายการขายของทั้งในประเทศและส่งออก

เป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป

และการผลิตของโตโยต้าปี 2564

ปริมาณปี 2564 เปลี่ยนแปลง

เทียบกับปี 2563

Ž ปริมาณการส่งออก 322,000 คัน      + 50 %
Ž ยอดผลิตรวมทั้งส่งออกและการขายในประเทศ 580,000 คัน + 31 %

มร.ยามาชิตะ ยังได้กล่าวอีกด้วยว่า ” ภายใต้การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย  โตโยต้ายังคงเดินหน้าสนับสนุนและเคียงข้างสังคมไทยให้ก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน ผ่านโครงการ ‘Toyota Stay with You’ ซึ่งเราได้ส่งมอบรถยนต์โตโยต้าให้กับกระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร และสาธารณสุขจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อใช้ในการสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ระหว่างการแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  นอกจากนี้ จากการที่บริษัทฯได้ร่วมมือกับผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ เราได้ให้บริการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อในรถยนต์โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ให้แก่ลูกค้ารถยนต์ทุกยี่ห้อไปแล้วกว่า1,300,000 คัน จนถึงปัจจุบัน

นอกจากนี้ เรายังมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ การบริการ และกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความใส่ใจสูงสุดในด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยของพนักงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด อีกทั้งเราได้มีการว่าจ้างพนักงานในส่วนของสายงานการผลิตเพิ่มมากกว่า 400 อัตรา เพื่อกระตุ้นการจ้างงานในตลาดแรงงานไทยในปัจจุบัน รวมทั้งยังมีแผนที่จะจ้างงานเพิ่มในอนาคตอีกด้วย ทั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในความมุ่งมั่นของเราที่จะมีส่วนช่วยบรรเทาสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ และเรายังคาดหวังว่าอุตสาหกรรมยานยนต์จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมไทยและสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในอนาคต”

มร.ยามาชิตะ กล่าวปิดท้ายว่า “เราขอแสดงความขอบคุณต่อภาครัฐ และลูกค้าทุกท่านตลอดจนผู้มีส่วนร่วมทุกท่าน สำหรับการสนับสนุนที่ท่านได้กรุณามอบให้กับพวกเรามาโดยตลอด แม้ในช่วงเวลาอันยากลำบากเช่นนี้ก็ตาม เรายังคงยืนหยัดเดินหน้าตามแนวทางสากลของโตโยต้าในการยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางของการผลิตและส่งออกรถยนต์ในระดับภูมิภาค ตลอดจนเดินหน้าสร้างความเจริญเติบโตให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อคนไทย”

โตโยต้า ขับเคลื่อนความสุข

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมิถุนายน 2564

  • ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 64,974 คัน เพิ่มขึ้น 9%

อันดับที่ 1 โตโยต้า      22,337 คัน      เพิ่มขึ้น      67.1%       ส่วนแบ่งตลาด 34.4%

อันดับที่ 2 อีซูซุ          14,098 คัน      ลดลง       15.4%        ส่วนแบ่งตลาด 21.7%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า       7,339 คัน       เพิ่มขึ้น      26.1%        ส่วนแบ่งตลาด 11.3% 

  • ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 22,538 คัน เพิ่มขึ้น 3%

อันดับที่ 1 ฮอนด้า        6,422 คัน      เพิ่มขึ้น   33.3%          ส่วนแบ่งตลาด 28.5%

อันดับที่ 2 โตโยต้า        5,414 คัน      ลดลง     12.7%          ส่วนแบ่งตลาด 24.0%

อันดับที่ 3 มาสด้า        1,821 คัน      เพิ่มขึ้น   30.1%          ส่วนแบ่งตลาด  8.1% 

  • ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 42,436 คัน เพิ่มขึ้น 8%

อันดับที่ 1 โตโยต้า      16,923 คัน      เพิ่มขึ้น      97.6%        ส่วนแบ่งตลาด 39.9%

อันดับที่ 2 อีซูซุ           14,098 คัน      ลดลง       15.4%        ส่วนแบ่งตลาด 33.2%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด        2,721 คัน       เพิ่มขึ้น     57.6%        ส่วนแบ่งตลาด  6.4% 

  • ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 33,169 คัน เพิ่มขึ้น 12.1%                 

อันดับที่ 1 โตโยต้า      14,472 คัน      เพิ่มขึ้น   96.2%          ส่วนแบ่งตลาด 43.6%

อันดับที่ 2 อีซูซุ          12,564 คัน      ลดลง     18.2%          ส่วนแบ่งตลาด 37.9%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด        2,721 คัน       เพิ่มขึ้น     57.6%        ส่วนแบ่งตลาด  8.2%

ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 3,811 คัน โตโยต้า 1,768 คัน,  อีซูซุ 1,142 คัน,  มิตซูบิชิ 453 คัน,  ฟอร์ด 391 คัน,  นิสสัน 57 คัน 

  • ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 29,358 คัน เพิ่มขึ้น 10.4%

อันดับที่ 1 โตโยต้า      12,704 คัน     เพิ่มขึ้น    107.8%       ส่วนแบ่งตลาด 43.3%

อันดับที่ 2 อีซูซุ           11,422 คัน     ลดลง       23.2%        ส่วนแบ่งตลาด 38.9%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด           2,330 คัน     เพิ่มขึ้น     64.8%        ส่วนแบ่งตลาด  7.9%

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – มิถุนายน 2564

  • ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 373,191 คัน เพิ่มขึ้น 13.6%                              

อันดับที่ 1 โตโยต้า      117,185 คัน     เพิ่มขึ้น      24.4%       ส่วนแบ่งตลาด 31.4%

อันดับที่ 2 อีซูซุ           93,165 คัน     เพิ่มขึ้น      22.5%        ส่วนแบ่งตลาด 25.0%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า      42,715 คัน     เพิ่มขึ้น       3.4%        ส่วนแบ่งตลาด 11.4%

  • ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 120,351 คัน เพิ่มขึ้น 0.5%                                

อันดับที่ 1 ฮอนด้า        36,586 คัน      เพิ่มขึ้น      6.0%         ส่วนแบ่งตลาด 30.4%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      29,703 คัน     ลดลง       0.7%          ส่วนแบ่งตลาด 24.7%

อันดับที่ 3 นิสสัน        11,294 คัน     ลดลง      10.7%         ส่วนแบ่งตลาด  9.4%

  • ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 252,840 คัน เพิ่มขึ้น 21.0%                    

อันดับที่ 1 อีซูซุ          93,165 คัน     เพิ่มขึ้น      22.5%       ส่วนแบ่งตลาด 36.8%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      87,482 คัน     เพิ่มขึ้น     36.1%        ส่วนแบ่งตลาด 34.6%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด        16,296 คัน     เพิ่มขึ้น     41.5%        ส่วนแบ่งตลาด  6.4%

  •  ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)

    ปริมาณการขาย 196,934 คัน เพิ่มขึ้น 18.3%

อันดับที่ 1 อีซูซุ           85,021 คัน      เพิ่มขึ้น      20.5%       ส่วนแบ่งตลาด 43.2%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      74,141 คัน      เพิ่มขึ้น     31.8%        ส่วนแบ่งตลาด 37.6%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด        16,296 คัน      เพิ่มขึ้น     41.5%        ส่วนแบ่งตลาด  8.3%

ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน : 27,941 คัน โตโยต้า 12,308 คัน,  อีซูซุ 9,392 คัน,  มิตซูบิชิ 3,532 คัน,  ฟอร์ด 2,536 คัน,  นิสสัน 173 คัน 

  • ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 168,993 คัน เพิ่มขึ้น 13.1%

อันดับที่ 1 อีซูซุ            75,629 คัน     เพิ่มขึ้น      11.8%       ส่วนแบ่งตลาด 44.8%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      61,833 คัน     เพิ่มขึ้น      24.6%        ส่วนแบ่งตลาด 36.6%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด        13,760 คัน     เพิ่มขึ้น      46.1%        ส่วนแบ่งตลาด  8.1%