FERRARI PUROSANGUE โดดเด่นอย่างไม่มีใครเทียบเคียงได้

 เฟอร์รารี่ พูโรซังกเว้ ยนตรกรรม 4 ประตู, 4 ที่นั่ง รุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของม้าลำพอง เปิดตัวแล้ววันนี้

หลังจากมีการพูดถึงในแวดวงยานยนต์มาเป็นเวลาหลายปี วันนี้เฟอร์รารี่ได้เปิดตัว Purosangue ยนตรกรรม 4 ประตู, 4 ที่นั่ง รุ่นแรกในประวัติศาสตร์ 75 ปี ของม้าลำพอง ท่ามกลางบรรยากาศอันงดงามของ Teatro del Silenzio ในลาญาติโค (ใกล้เมืองปิซา)

นับตั้งแต่ปีแรกๆ ของแบรนด์ รถยนต์แบบ 2+2 ที่นั่ง (เช่น เบาะหน้า 2 ตัว และเบาะขนาดเล็กด้านหลังอีก 2 ตัว) มีบทบาทสำคัญในกลยุทธ์การตลาดเสมอมา ยนตรกรรมมากมายของเฟอร์รารี่ได้รวมเอาสมรรถนะอันโดดเด่นเข้ากับความสะดวกสบายระดับเฟิร์สคลาสจนเป็นหนึ่งในเสาหลักที่ประสบความสำเร็จของแบรนด์ และ ณ วันนี้ ในวาระครบรอบ 75 ปี แห่งความเป็นผู้นำในการค้นคว้าพัฒนา เฟอร์รารี่ได้รังสรรค์รถยนต์ที่ไม่เหมือนใครขึ้นสู่เวทีโลก ไม่เพียงบริบทด้านสมรรถนะ, อรรถรสในการขับขี่ และความสะดวกสบาย ที่หล่อหลอมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบเท่านั้น ทว่ายังเปี่ยมด้วย DNA อันเป็นเอกลักษณ์ของม้าลำพองอีกด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลที่ชื่อ Purosangue ซึ่งในภาษาอิตาลีแปลว่า ‘พันธุ์แท้’ ถูกนำมาใช้

เพื่อให้บริษัทบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้สำหรับโครงการนี้ และสร้างยนตกรรมที่คู่ควรกับการเป็นส่วนหนึ่งในเรนจ์ จึงได้สร้างสรรค์เลย์เอาต์และนวัตกรรมที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เมื่อเทียบกับรูปทรงทั่วไปของรถแบบ GT สมัยใหม่ (ที่เรียกว่า Crossover และ SUV) มาใช้ โดยทั่วไปแล้วเครื่องยนต์ของรถ GT สมัยใหม่ มักถูกติดตั้งเยื้องไปด้านหน้าจนเกือบคร่อมเพลาหน้า พร้อมกับชุดเกียร์ที่ต่อตรงไปยังเครื่องยนต์ ส่งผลให้มีการกระจายน้ำหนักไม่เหมาะสม ทำให้ขาดไดนามิกและอรรถรสในการขับขี่  ซึ่งลูกค้าของม้าลำพองและผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่คุ้นเคยกันดีในรถเฟอร์รารี่

ในทางกลับกัน Purosangue ใช้เครื่องยนต์แบบวางกลางลำด้านหน้า และติดตั้งชุดเกียร์ไว้ด้านหลัง เพื่อให้ได้มาซึ่งเลย์เอาต์ระบบขับเคลื่อนแบบรถสปอร์ต หน่วยควบคุมการถ่ายทอดกำลัง (Power Transfer Unit – PTU) ติดตั้งไว้ด้านหน้าของเครื่องยนต์ มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่มีการทำงานไม่เหมือนใคร เหล่านี้ช่วยให้รถมีอัตราส่วนการกระจายน้ำหนัก หน้า:หลัง ที่ 49:51 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทีมวิศวกรแห่งมาราเนลโลต่างเห็นพ้องว่าเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับรถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางลำด้านหน้า

Purosangue ยืนหยัดเหนือคู่แข่งอื่นๆ ในกลุ่ม ด้วยประสิทธิภาพและความสะดวกสบาย นี่เป็นรถเครื่องยนต์วางกลางลำด้านหน้าเพียงหนึ่งเดียวที่ใช้ขุมพลัง V12 ไม่มีระบบอัดอากาศ เครื่องยนต์ที่ขึ้นชื่อที่สุดของมาราเนลโลได้นำมาใช้ในยนตรกรรมรูปแบบใหม่หมดจดคันนี้ เพื่อให้แน่ใจว่ารถจะปลดปล่อยพละกำลังได้สูงกว่ารถรุ่นอื่นในกลุ่มเดียวกัน (ที่ 725 แรงม้า) ทั้งยังรับประกันได้ว่าจะมาพร้อมกับเสียงคำรามอันน่าหลงใหลของเครื่องยนต์เฟอร์รารี่อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ยังให้แรงบิดได้มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ที่รอบต่ำ เพื่อมอบความสนุกในการขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ได้ทุกเวลาที่ต้องการ

แอโรไดนามิกของ Purosangue ถูกพัฒนาขึ้นโดยมุ่งเน้นไปที่ตัวถังใต้ท้องรถ และดิฟฟิวเซอร์หลัง ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ วิธีการใหม่ๆ รวมไปถึงการทำงานอย่างสอดคล้องกันระหว่างกันชนหน้าและซุ้มล้อ ที่ช่วยสร้างม่านอากาศขึ้นมาปิดล้อคู่หน้า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดลมหมุนย้อนกลับ

นอกจากนั้น เฟอร์รารี่ยังติดตั้งระบบควบคุมไดนามิกของรถรุ่นล่าสุดซึ่งถูกนำมาใช้กับรถสปอร์ตที่ทรงพลังและพิเศษที่สุดมาแล้ว ให้กับ Purosangue อีกด้วย นั่นรวมไปถึงระบบเลี้ยวอิสระสี่ล้อ และระบบ ABS ‘evo’ พร้อม Chassis Dynamic Sensor แบบ 6 ทิศทาง (6w-CDS)

และที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกของโลกคือระบบช่วงล่างแบบแอคทีฟของเฟอร์รารี่ ซึ่งเห็นผลอย่างยิ่งในการควบคุมการเอียงตัวของรถขณะเข้าโค้ง และทำให้หน้ายางยังคงติดพื้นขณะวิ่งบนผิวทางขรุขระ จึงสามารถถ่ายทอดสมรรถนะและการตอบสนองต่อการบังคับควบคุมได้เช่นเดียวกับรถสปอร์ตรุ่นต่างๆ ของแบรนด์

แชสซีส์แบบใหม่หมดจด มาพร้อมกับหลังคาคาร์บอนไฟเบอร์ติดตั้งให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพื่อช่วยลดน้ำหนักและจุดศูนย์ถ่วงของรถ การออกแบบตัวถังขึ้นใหม่ทั้งหมดยังหมายถึงทีมออกแบบสามารถใส่ประตูหลังแบบบานพับอยู่ด้านหลัง (Welcome Doors) เข้าไปได้ ทำให้สามารถ เข้า-ออก รถได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น ทว่ายังคงช่วยให้รถมีขนาดกะทัดรัดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ห้องโดยสารมาพร้อมกับเบาะไฟฟ้าแบบทำความร้อนได้ทั้ง 4 ที่นั่ง สามารถรองรับผู้ใหญ่ 4 คน ได้อย่างสะดวกสบาย ที่เก็บสัมภาระท้ายรถมีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เฟอร์รารี่เคยมีมา และเบาะหลังยังสามารถพับเก็บเพื่อเพิ่มพื้นที่ใส่สัมภาระได้อีกด้วย จากรูปแบบของรถทำให้ Purosangue มีตำแหน่งการขับขี่ที่สามารถควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ในรถได้เหนือกว่าเฟอร์รารี่รุ่นอื่นๆ แต่การจัดวางก็ยังคงเป็นแบบเดียวกับเฟอร์รารี่ทุกคัน นั่นคือตำแหน่งการขับขี่ที่กระชับและใกล้กับพื้น เพื่อมอบความรู้สึกเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกับการเคลื่อนไหวของรถ

Purosangue มอบตัวเลขสมรรถนะระดับหัวแถวในคลาส (จาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ใน 3.3 วินาที และจาก 0 ถึง 200 ใน 10.6 วินาที) ตำแหน่งการขับขี่และเสียงคำรามอันเกรี้ยวกราดของขุมพลัง V12 แบบไม่มีระบบอัดอากาศ ต่างมอบประสบการณ์การขับขี่รถยนต์เฟอร์รารี่ในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน นอกจากนั้น ยังติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายมาให้เป็นมาตรฐานมากมาย เช่น ชุดเครื่องเสียง Burmester© ตลอดจนออปชั่นสุดพิเศษที่มีให้เลือกมากมาย รวมทั้งหนัง Alcantara® แบบใหม่ ที่ผลิตจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลที่ผ่านการรับรอง ทำให้ Purosangue เป็นยนตรกรรมแบบ 4 ประตู, 4 ที่นั่ง ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในกลุ่ม

ระบบขับเคลื่อน

เครื่องยนต์ของ Purosangue (รหัส F140IA) ยังคงไว้ซึ่งรูปแบบที่ทำให้ขุมพลัง 12 สูบ อันเลื่องลือของม้าลำพองประสบความสำเร็จมาอย่างล้นหลาม เช่น เสื้อสูบทำมุม 65 องศาระหว่างกัน, ความจุ 6.5 ลิตร, ดรายซัมพ์ และหัวฉีดเชื้อเพลิงแรงดันสูง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ขุมพลังนี้ถูกออกแบบให้ทำแรงบิดสูงสุดได้ที่รอบต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยไม่สูญเสียสัมผัสแห่งพละกำลังที่ต่อเนื่อง  ซึ่งเป็นปกติของเครื่องยนต์ V12 ไม่มีระบบอัดอากาศจากเฟอร์รารี่   80 เปอร์เซ็นต์ของแรงบิดมีให้ใช้ที่รอบต่ำเพียง 2,100 รอบ/นาที และสูงสุด 716 นิวตันเมตร ที่ 6,250 รอบ/นาที แรงม้าสูงสุด 725 แรงม้า ที่ 7,750 รอบ/นาที ร่วมด้วยบุคลิกการตอบสนองคันเร่งแบบเดียวกับรถสปอร์ตขนานแท้

ท่อไอดี, การจุดระเบิด และไอเสีย ได้รับการออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด ขณะที่ฝาสูบนำมาจากรุ่น 812 Competizione จุดที่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือเรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพเชิงกลและการเผาไหม้ โดยปรับใช้จากแนวคิดที่ได้มาจากรถแข่งฟอร์มูล่า 1 ผลลัพธ์ที่ได้คือเครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เฟอร์รารี่เคยมีติดตั้งในรถแบบ 4 ที่นั่ง ทั้งยังทรงพลังที่สุดเมื่อเทียบกับรถในกลุ่มเดียวกัน รวมถึงเป็นรถเพียงหนึ่งเดียวที่ให้เสียงคำรามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามสไตล์ของเครื่องยนต์เฟอร์รารี่ V12

เพื่อรับประกันว่าจะได้ประสิทธิภาพเชิงกลสูงสุด มวลของชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวต่างๆ จึงถูกออกแบบขึ้นใหม่ เพลาข้อเหวี่ยงเหล็กเคลือบไนไตร์ด ได้รับการปรับแต่งเพื่อเพิ่มช่วงชัก ส่วนท่อทางเดินน้ำมันเครื่องภายในออกแบบใหม่ให้เพิ่มประสิทธิภาพการไหลของน้ำมันไปยังแบริ่งได้มากยิ่งขึ้น ความคลาดเคลื่อนของแบริ่งที่น้อยลงกว่าเดิมช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองลงได้ ปั๊มน้ำหล่อเย็นและปั๊มน้ำมันเครื่องก็ได้รับการออกแบบใหม่โดยมุ่งเน้นไปที่การลดความฝืดและมวล ด้วยการใช้โรเตอร์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กลง และปรับทางเข้าออกให้เหมาะสมที่สุด รวมไปถึงการซีลโรเตอร์อีกด้วย

ชุดควบคุมการเปิดปิดวาล์วเป็นแบบใหม่ทั้งหมด ขณะที่กระบวนการขัดผิวแบบใหม่ให้กับแคมชาฟต์ช่วยลดความหยาบของพื้นผิวและลดแรงเสียดทานระหว่างลูกเบี้ยว, แกนของแคมชาฟต์เอง และถ้วยกดวาล์วแบบไฮดรอลิก

เพื่อปรับ Curve ของแรงบิดให้เหมาะสม และให้แน่ใจว่า (แรงบิด) จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงความเร็วรอบ จึงมีการแก้ไขรูปทรงของท่อไอดีและท่อร่วมอากาศ รูปแบบการจัดวางระบบระบายไอเสียก็ถูกปรับให้เหมาะสมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการไหลและลดแรงดันย้อนกลับ นอกจากนั้น ลูกสูบยังเป็นแบบเฉพาะที่ออกแบบหัวลูกสูบให้เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ได้มากขึ้น

ระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ประกอบด้วยปั๊มเชื้อเพลิงแรงดันสูง (350 บาร์) สองตัว สำหรับส่งน้ำมันเบนซินไปยังหัวฉีดเพื่อใช้ในการเผาไหม้ ระบบจุดระเบิดที่ประกอบด้วยคอยล์และหัวเทียน 12 ชุด ได้รับการตรวจสอบตลอดเวลาโดย ECU ที่มีระบบตรวจจับไอออน ที่จะคอยวัดกระแสไอออไนซ์เพื่อควบคุมจังหวะการจุดระเบิด มีการทำงานทั้งแบบจุดระเบิดครั้งเดียวและหลายครั้ง เพื่อให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในทุกย่านความเร็วรอบเครื่อง นอกจากนั้น ECU ยังควบคุมการเผาไหม้ในกระบอกสูบเพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องยนต์จะทำงานในช่วงอุณหภูมิที่มีประสิทธิภาพสูงสุดอยู่เสมอ ด้วยการประมวลผลที่ซับซ้อนเพื่อรับรู้ค่าออกเทน (RON) ของเชื้อเพลิงในถังและปรับ (การจุดระเบิด) ล่วงหน้าให้เหมาะสมกับเชื้อเพลิง การทำงานอื่นๆ ของเครื่องยนต์ยังรวมไปถึงฟังก์ชันที่ได้รับการจดสิทธิบัตรใหม่ซึ่งได้มาจากความเชี่ยวชาญด้านการแข่งขันฟอร์มูล่า 1 ของเฟอร์รารี่ ที่จะช่วยเพิ่มแรงบิดให้เหมาะสมระหว่างการเร่งความเร็วในช่วงรอบต่ำและกลาง

เสียงคำรามของขุมพลัง F140IA เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการผสมผสานระหว่างเสียงบรรเลงอันไพเราะที่รังสรรค์ขึ้นโดยลำดับการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ และความสามารถของเฟอร์รารี่ในการควบคุมเสียงในห้องโดยสาร ท่อร่วมไอเสียที่มีความยาวเท่ากันทั้งหมด ได้รับการปรับแต่งเพื่อรับประกันว่าการประสานเสียงของกระบอกสูบทั้ง 12 จะออกมาอย่างไร้ที่ติ ท่อร่วมอากาศแบบใหม่พร้อมกับช่องรับอากาศที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ให้เสียงโทนแหลมสูงร่วมกับเสียงย่านความถี่กลาง หม้อพักไอเสียแบบโปรเกรสซีฟทั้ง 2 ชุด ซึ่งสามารถสั่งการทำงานได้ผ่าน Manettino รองรับการขับขี่ทั้งในเมืองและในแบบเพอร์ฟอร์มานซ์ สุ้มเสียงที่ได้ยังคงความเป็นเฟอร์รารี่ไว้เช่นเคย ด้วยเสียงบรรเลงอันไร้ที่ติของขุมพลัง V12 ที่กึกก้องทว่าละเอียดลออ จนกระทั่งผู้ขับเร่งเครื่องเต็มกำลัง เมื่อเครื่องยนต์เข้าใกล้เรดไลน์ที่ 8,250 รอบ/นาที จะปรากฏเป็นเสียงคำรามอันน่าหลงใหลกระทั่งแตะรอบสูงสุด ซึ่งมีเพียงเครื่องยนต์ของเฟอร์รารี่เท่านั้นที่มอบเสียงแบบนี้ได้

โครงสร้างของเกียร์ 8 จังหวะ, คลัตช์น้ำมันคู่ ได้รับการปรับให้เหมาะสมผ่านการใช้ดรายซัมพ์และชุดคลัตช์ที่มีขนาดกะทัดรัดกว่าเดิมอย่างมาก ช่วยลดความสูงไปได้ 15 มม. เมื่อติดตั้งเข้าไปในรถซึ่งทำให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำลงไปด้วย ประสิทธิภาพของคลัตช์ชุดใหม่เพิ่มสูงขึ้น 35 เปอร์เซ็นต์ รองรับแรงบิดระหว่างเปลี่ยนเกียร์ได้มากสุดถึง 1,200 นิวตันเมตร ชุดควบคุมแรงดันไฮดรอลิกเจเนอเรชั่นใหม่ช่วยให้เวลาในการปลดและจับคลัตช์เร็วกว่าเดิม ทำให้เวลารวมในการเปลี่ยนเกียร์ลดลงเมื่อเทียบกับเกียร์ DCT 7 จังหวะ รุ่นก่อนหน้านี้  อัตราทดเกียร์ใหม่หมายถึงแต่ละเกียร์จะสั้นลงและต่อเนื่องมากขึ้น  ขณะที่อัตราทดเกียร์สูงที่ยาวขึ้นจะช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองเมื่อขับขี่ทางไกล การเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ (Down shift) ได้รับการปรับแต่งให้ทำงานได้นุ่มนวล พร้อมมุ่งเน้นไปที่ความสนุกในการขับขี่และเสียงจากขุมพลัง V12 ตัวใหม่

แชสซีและตัวถัง

แชสซีของ Purosangue ถูกออกแบบขึ้นใหม่หมดจด โดยมีจุดประสงค์เพื่อรังสรรค์โครงสร้างที่แข็งแกร่งที่สุด โครงสร้างส่วนล่างของแชสซีส์ทำจากอะลูมิเนียมอัลลอยความแข็งแกร่งสูงทั้งหมด และนำประสบการณ์อันช่ำชองของเฟอร์รารี่ในด้านอัลลอยน้ำหนักเบามาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เมื่อรวมกับองค์ประกอบโครงสร้างของตัวถังส่วนบนแล้ว ทำให้เกิดเป็นแชสซีแบบสเปซเฟรมที่ประกอบด้วยการอัดขึ้นรูปส่วนปิดที่เชื่อมต่อด้วยการหล่อ ซึ่งรวมองค์ประกอบโลหะแผ่นอะลูมิเนียมที่รับน้ำหนักไว้ด้วยกัน

แม้จะมีขนาดใหญ่กว่า แต่แชสซีนี้ก็มีน้ำหนักเบากว่าเฟอร์รารี่แบบ 4 ที่นั่ง รุ่นก่อนหน้านี้ การเพิ่มความต้านทานการบิดตัว (+30 เปอร์เซ็นต์) และค่าความแข็งของคาน (+25 เปอร์เซ็นต์) เป็นทั้งปัจจัยพื้นฐานในการเพิ่มคุณภาพของ NVH และทำให้ขับขี่สบายขึ้นจากการดูดซับแรงสั่นสะเทือนและไม่มีเสียงดังเมื่อขับขี่บนถนนขรุขระ รวมทั้งให้สัมผัสที่พิเศษจากโครงสร้างที่สมบูรณ์แบบ

การใช้วิธีหล่อขึ้นรูปแบบกลวงจนได้ความบางเป็นพิเศษในหลายชิ้นส่วน ทำได้โดยใช้แกนภายใน ช่วยปรับโครงสร้างให้เหมาะสม, เพิ่มประสิทธิภาพสู่ระดับสูงสุด และมั่นใจได้ว่าจะทนแรงเครียดได้ดี จึงรับประกันได้ว่ารถจะเป็นไปตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยที่สำคัญสำหรับผู้โดยสารทั้งหมด นอกจากนั้น เทคโนโลยีพิเศษนี้ยังช่วยเพิ่มคุณภาพการประกอบให้มีความแม่นยำยิ่งขึ้น, มีองค์ประกอบน้อยลง และลดแนวเชื่อมลงได้อย่างมาก

ตัวถังทำจากวัสดุหลากหลายตั้งแต่อะลูมิเนียมไปจนถึงคาร์บอนไฟเบอร์ โดยนำเหล็กความแข็งแกร่งสูงมาใช้ในบริเวณสำคัญๆ และประกบข้อต่อต่างๆ ด้วยกาวยึดโครงสร้าง การผสมผสานวัสดุที่แตกต่างกันเหล่านี้ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งในจุดที่ต้องการ ทั้งยังช่วยลดน้ำหนักในบริเวณที่ไม่ต้องรับแรงได้อีกด้วย

เหล็กความแข็งแกร่งสูงถูกนำมาใช้บริเวณส่วนป้องกันการยุบตัว, เสริมความแข็งแกร่งบริเวณรอยต่อหลักต่างๆ และที่เสา B ของรถ ความพิถีพิถันใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอนการออกแบบของเรา ส่งให้มีการใช้วัสดุที่แตกต่างกันภายในองค์ประกอบแต่ละชิ้น ตัวอย่างหนึ่งคือบานพับแบบเดี่ยวของประตูหลัง ชิ้นส่วนที่อยู่กับที่ทำจากอะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูป ขณะที่ชิ้นส่วนเคลื่อนไหวใช้โครงสร้างซึ่งทำจากโลหะปั๊มขึ้นรูปด้วยความร้อน

หลังคาคาร์บอนไฟเบอร์แบบชิ้นเดียวพร้อมฉนวนป้องกันเสียงรบกวนในตัว เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ และมีระดับความแข็งแกร่งเทียบเท่าหลังคากระจก ในขณะที่น้ำหนักเบากว่าหลังคาอะลูมิเนียมที่มีฉนวนป้องกันเสียงรบกวนถึง 20 เปอร์เซ็นต์ เมื่อมองตามหลักสรีรศาสตร์ เรามุ่งเน้นที่การมอบพื้นที่ทางเข้าให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ขณะที่ยังคงรักษาฐานล้อให้มีขนาดกะทัดรัด เพื่อให้ทำเช่นนี้ได้ เราเลือกใช้การเปิดแบบดั้งเดิมสำหรับประตูหน้า ซึ่งเปิดออกได้ 63 องศา (กว้างกว่ารุ่นอื่นๆ ของเรา 5 องศา) ร่วมกับประตูหลังแบบบานพับด้านหลัง เปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้า ที่เปิดได้กว้าง 79 องศา และนอกจากการใช้รูปแบบการเปิดฝากระโปรงหน้าแบบเฟอร์รารี่ Monza SP1/SP2 ตลอดจนเฟอร์รารี่ระดับตำนานรุ่นต่างๆ ในอดีตแล้ว ฝากระโปรงแบบเปิดไปด้านหน้าของ Purosangue ยังช่วยเปิดโอกาสให้เรารังสรรค์รูปทรงของเสา A ได้อย่างสุดขั้วอีกด้วย โดยชุดบานพับของฝากระโปรงหน้าทำจากอะลูมิเนียมเพื่อความแข็งแรงและความมั่นคงเมื่อเปิดออก ฝาท้ายที่ผลิตขึ้นจากอะลูมิเนียมเป็นแบบ เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า ตัวยกฝากระโปรงไฟฟ้าช่วยให้ฝาท้ายเปิดได้กว้างถึง 73 องศา เพื่อความง่ายดายในการใช้งานพื้นที่เก็บสัมภาระ และทำให้การใส่และยกสัมภาระออก แม้กระทั่งกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ ก็ทำได้อย่างสะดวกสบาย รูปแบบบานพับนี้ช่วยให้เราสามารถสร้างรูปแบบที่สวยงามแหวกแนวในบริเวณสปอยเลอร์ด้านบนได้

อากาศพลศาสตร์

ส่วนเว้าส่วนโค้งและข้อจำกัดที่แตกต่างกันมากของ Purosangue ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง ทำให้เกิดความท้าทายใหม่อย่างแท้จริงกับแผนกแอโรไดนามิกของเฟอร์รารี่ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการคิดใหม่โดยสิ้นเชิงทั้งด้านทฤษฎีและการแก้ปัญหา เป้าหมายสูงสุดคือการลดแรงต้าน, การใช้งานที่เฉพาะเจาะจง และความต้องการของตลาดที่เฉพาะเจาะจงของรถรุ่นนี้ ตลอดจนความจำเป็นในการลดความร้อนที่เกิดขึ้นจากเครื่องยนต์ V12 และองค์ประกอบอื่นๆ ทำให้ต้องใช้เวลาหลายร้อยชั่วโมงไปกับอุโมงค์ลม และอีกนับพันครั้งกับเครื่องจำลองเชิงคำนวณในการเคลื่อนไหวแบบพลศาสตร์ (Computational Fluid Dynamics – CFD) ซึ่งความจริงแล้ว เหล่านี้เป็นกระบวนการเดียวกับที่ใช้ในรถสปอร์ตที่เร็วแรงและทรงพลังทั้งหลาย

จุดที่โฟกัสเป็นหลักในการออกแบบชุดแอโรของ Purosangue คือส่วนกึ่งกลางของรถ ซึ่งจำเป็นต่อการออกแบบการไหลของอากาศและเพื่อลดค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (Cd) รวมถึงลดพื้นที่พื้นผิวด้านหน้า รูปร่างด้านหน้าของรถได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างความต่อเนื่องไร้รอยต่อระหว่างพื้นที่ส่วนโค้งสูงสุดของฝากระโปรงหน้าและขอบบนของกระจกบังลมหน้าให้ได้มากที่สุด พื้นที่ด้านหลังของหลังคา, กระจกหลัง และสปอยเลอร์ คือจุดที่ต้องทำงานกันหนักที่สุด เนื่องจากเป็นพื้นฐานในการจัดการกับการแยกส่วนการไหลและสนามแรงดันของอากาศ

การประนีประนอมที่ดีที่สุดระหว่างความต้องการดีไซน์ที่ราบรื่นที่สุดสำหรับเส้นสายส่วนท้ายของหลังคาบริเวณกระจกหลัง กับความจำเป็นในการลดความสูงของส่วนท้ายนั้น ทำได้โดยใช้สององค์ประกอบที่ทำให้ชุดแอโรของส่วนท้ายรถลงตัวอย่างสมบูรณ์ นั่นคือ สปอยเลอร์หลังคาแบบลอยตัวและสันบริเวณขอบของฝาท้าย ขณะที่สปอยเลอร์แบบลอยตัวช่วยปรับความโค้งของกระแสอากาศของพื้นที่บริเวณเหนือศีรษะของผู้โดยสารเบาะหลังให้เป็นกลาง สันบนขอบฝาท้ายซึ่งยกตัวสูงขึ้นเพียง 7 มม. จะส่งกระแสอากาศวนเพื่อสร้างแรงบีบอัดเล็กน้อยที่ส่วนท้ายของรถ

มองไล่มาจากส่วนกึ่งกลางของรถไปสู่ด้านท้าย จะเห็นสกู้ปที่เริ่มต้นจากส่วนปลายของหลังคาต่อเนื่องไปยังกระจกหลัง ทำให้เกิดเป็นสันเนินสองฝั่ง (ฝั่งละ 1 เนิน) วิธีนี้ช่วยรักษาพื้นที่เหนือศีรษะสำหรับผู้โดยสารเบาะหลังเอาไว้ และยังคงแยกกระแสอากาศออกจากส่วนบนของหลังคาตลอดจนบริเวณห้องโดยสารได้อย่างถูกต้องอีกด้วย

อีกส่วนที่มีความสำคัญเช่นกันในการพัฒนา Purosangue คือกระแสอากาศจากล้อทั้งสี่ มีการใช้ทางออกด้านอากาศหลากหลายวิธีเพื่อแก้ไขปัญหานี้ นั่นรวมถึงการผสานครีบระบายอากาศเข้าไปในแผงปิดซุ้มล้อแบบลอยตัวทั้งด้านหน้าและด้านหลัง อย่างไรก็ตาม ระบบที่ซับซ้อนที่สุดอยู่ที่ด้านหน้า ซึ่งทั้งกันชนและครีบทำงานประสานกันเพื่อสร้างม่านอากาศอันทรงพลังบริเวณล้อหน้าตามหลักอากาศพลศาสตร์ ป้องกันไม่ให้เกิดการปั่นป่วนของอากาศตามแนวขวาง มีการสร้างท่อดักอากาศติดตั้งไว้ระหว่างด้านนอกของกันชนหน้ากับช่องรับอากาศด้านข้างและครีบแนวตั้ง ท่อดักอากาศนี้ได้รับการปรับแต่งเพื่อเร่งการไหลไปยังพื้นที่บริเวณทางออกของอากาศที่มาจากช่องระบายอากาศ และสร้างกำแพงลมขึ้นที่ไหล่ด้านนอกของยาง พื้นผิวด้านนอกของครีบระบายอากาศจะเบี่ยงเบนการไหลไปตามแนวด้านข้างของรถ

ที่ด้านหลังของแผงปิดซุ้มล้อหน้า มีท่อเพิ่มเติมที่ทำโปรไฟล์ไว้เพื่อเพิ่มการดูดอากาศออกจากด้านในของล้อ และยังใช้วิธีเดียวกันนี้ที่ซุ้มล้อหลังร่วมกับช่องระบายอากาศที่ซุ้มล้ออีกด้วย นอกจากนั้น พื้นผิวด้านนอกของซุ้มล้อยังได้รับการปรับแต่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับจุดแยกการไหลของอากาศ ซึ่งจะไหลต่อไปตามด้านข้างของตัวรถและล้อต่างๆ อีกด้วย

ปีกแบบลอยตัวบนฝากระโปรงหน้า ก่อนถึงเสา A ซึ่งเรียกว่า Aerobridge เป็นองค์ประกอบที่คล้ายคลึงกับที่ใช้ใน F12 Berlinetta ทว่ามีบทบาทที่แตกต่างอย่างมากแม้จะใช้ชื่อเดียวกันก็ตาม โดย Aerobridge ของ F12 จะปัดกระแสอากาศที่ไหลมาจากฝากระโปรงลงด้านล่างเพื่อเพิ่มแรงกด ส่วนของ Purosangue ได้รับการออกแบบเพื่อลดแรงต้าน

อากาศที่ไหลผ่านใต้ปีกบนฝากระโปรงหน้าจะถูกเพิ่มพลังด้านในเพื่อลดผลกระทบด้านลบของลมหมุนที่ฐานของกระจกหน้า และเพื่อเร่งการไหลของอากาศ ตลอดจนเพิ่มปริมาณอากาศที่ออกมาจากช่องระบายอากาศที่ซ่อนอยู่ใต้ Aerobridge ซึ่งก็คือส่วนหนึ่งของระบบท่อดักอากาศที่ซับซ้อนซึ่งรับลมมาจากปล่องที่อยู่เหนือไฟหน้านั่นเอง โดยมวลอากาศเหล่านี้จะถูกส่งไปยังซุ้มล้อหน้า กระแสลมที่ไหลมาจากด้านหน้ารถจะระบายตามธรรมชาติผ่านช่องระบายอากาศที่ด้านบนของโครงซุ้มล้อหน้า แล้วไหลต่อไปในห้องเครื่องจนถึงช่องระบายอากาศใต้ Aerobridge และในทำนองเดียวกัน เพื่อลดแรงดันส่วนเกินภายในซุ้มล้อหลัง จึงเพิ่มช่องระบายอากาศเข้าไปที่ใต้ไฟท้าย (ในบริเวณที่มีแรงดูดตามธรรมชาติ) เพื่อนำทางอากาศจากท่อดักภายในซุ้มล้อหลังให้ระบายทิ้งออกไป

ช่องระบายอากาศจากส่วนล่างของกันชนหน้าไปสู่ใต้ท้องรถ ช่วยลดพื้นที่ภายใต้การบีบอัดลมตามธรรมชาติของกันชนหน้า เพิ่มปริมาณอากาศที่ส่งไปยังส่วนล่างของรถ ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่ใช้กับเฟอร์รารี่รุ่นอื่นๆ มาแล้วเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในกรณีนี้กลับถูกนำไปใช้งานด้านอื่น กระแสอากาศที่ไหลไปตามใต้ท้องรถซึ่งเกิดขึ้นจากพื้นที่ที่ลมพัดเข้าไป กระทบกับพื้นผิวของใต้ท้องรถที่ออกแบบขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อสร้างแรงดูดใกล้กับจุดปล่อยอากาศของแผงระบายความร้อนส่วนกลางที่ใต้ท้องรถด้านหน้า วิธีนี้จะช่วยลดความร้อนให้กับแผงระบายความร้อนส่วนกลางลงอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และยังช่วยให้สามารถออกแบบช่องรับอากาศเข้าหม้อน้ำให้มีขนาดเล็กลงได้อีกด้วย ระยะห่างใต้ท้องรถที่สูงขึ้นของ Purosangue หมายความว่าพื้นที่เปิดบริเวณล้อมีส่วนสำคัญในการสร้างแรงต้าน ด้วยเหตุนี้จึงต้องใช้แรมพ์ที่เอียงลงด้านล่าง ติดตั้งไว้ก่อนถึงล้อหน้าเพื่อเพิ่มแรงกดให้กับรถได้สูงสุด

ส่วนโค้งของพื้นผิวตัวถังได้รับการออกแบบให้มีความเหมาะสมกับล้อหน้าและปีกนก จึงจำกัดปริมาณอากาศที่เข้าสู่ซุ้มล้อได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ สิ่งสำคัญสำหรับเอฟเฟกต์นี้คือแผ่นกั้นขนาดเล็กที่ติดตั้งไว้บนปีกนกล่าง บริเวณที่มีแรงดันต่ำซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติหลังล้อหน้า ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างพื้นที่ระบายอากาศสองส่วนที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการกระจายมวลอากาศ โดยการลดแรงดันส่วนเกินในห้องเครื่องและลดแรงต้าน

ดีไซน์ของดิฟฟิวเซอร์หลัง เป็นอีกครั้งที่ต้องบอกว่า เป็นผลลัพธ์จากการเพิ่มประสิทธิภาพเชิงลึกที่เน้นการทำงานร่วมกันระหว่างดิฟฟิวเซอร์, ตัวถังส่วนบน และกันชนหลังเป็นหลัก การไหลของอากาศที่กระทบเข้ากับดิฟฟิวเซอร์จะค่อยๆ ขยายออกไปและอยู่ในความควบคุม ในท้ายที่สุดของการขยายอากาศออกไปนี้ สันขนาดเล็ก (บนฝาท้าย) จะแยกกระแสอากาศออกจากกัน หลังจากถูกบีบอัดใหม่เล็กน้อย เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบ โดยเพิ่มการดูดอากาศร้อนออกจากบริเวณรอบชุดเกียร์และระบบไอเสียได้สูงสุดไปพร้อมๆ กัน

Purosangue ไม่มีที่ปัดน้ำฝนกระจกหลัง ดังนั้นกระจกหลังจึงได้รับการทำความสะอาดจากอากาศที่ไหลไปตามพื้นผิวของกระจก พื้นผิวส่วนล่างของสปอยเลอร์แบบลอยตัวมีความโค้งเพื่อรับประกันว่าอากาศจะไหลผ่านที่ความเร็วและทิศทางที่ถูกต้องไปยังกระจกหลัง มีตัวสร้างลมหมุน 2 ชุด ติดตั้งไว้ที่พื้นผิวใต้สปอยเลอร์ เพื่อปรับความสม่ำเสมอของอากาศที่กระทบพื้นผิว ช่วยต้านกระแสลมหมุนที่เกิดจากเสา C และยังทำงานร่วมกับรูปทรงเฉพาะของกระจกหลังอีกด้วย

ตำแหน่งที่แหวกแนวของไฟหน้าทำให้สามารถสร้างช่องรับอากาศสองช่องด้านบนและด้านล่างของ DRL ส่วนบนใช้เพื่อนำอากาศเข้าสู่ระบบระบายอากาศที่ซับซ้อนซึ่งปล่อยออกจากใต้ Aerobridge ด้านหน้า ส่วนช่องด้านล่างใช้สำหรับนำอากาศไปสู่ระบบระบายความร้อนของชุดเบรกหน้า ดีไซน์ของพื้นผิวด้านนอกแนวตั้งของช่องรับอากาศทั้งสอง มาพร้อมกับตัวดักอากาศซึ่งเพิ่มปริมาณอากาศที่ไหลผ่านเข้าไปได้มากยิ่งขึ้น

ต่ำลงมาเป็นช่องรับอากาศไปยังระบบระบายความร้อนต่างๆ เมื่อมองจากด้านหน้า ด้านขวาคือแผงระบายความร้อนของระบบช่วงล่างแบบแอคทีฟที่รับประกันความสะดวกสบายของผู้โดยสาร ทำงานได้ยอดเยี่ยมแม้บนพื้นผิวที่ขรุขระ ส่วนช่องด้านขวารับอากาศมาให้กับแผงระบายความร้อนสำหรับ Power Transfer Unit (PTU) ดิฟเฟอเรนเชียลไฟฟ้าสำหรับการกระจายแรงบิด สุดท้ายคือช่องรับอากาศตรงกลางเพื่อส่งความเย็นไปยังคอนเดนเซอร์ของระบบปรับอากาศ เพื่อให้มั่นใจว่าห้องโดยสารจะมีอุณหภูมิที่ให้ความสบายสูงสุด และแผงระบายอากาศของน้ำมันเครื่องและระบบหล่อเย็นหม้อน้ำของขุมพลัง V12 ไม่มีระบบอัดอากาศ อันเลื่องลือนั่นเอง

ระบบควบคุมไดนามิกของรถ

การพัฒนาสมรรถนะด้านไดนามิกของ Purosangue เน้นไปที่การรังสรรค์ยนตรกรรมที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลก รถที่มอบอรรถประโยชน์และมาตรฐานความสะดวกสบายที่ส่งให้ขึ้นไปอยู่ระดับแถวหน้าของตลาด ตลอดจนถ่ายทอดระบบไดนามิกของรถและสมรรถนะอันเป็นเอกลักษณ์ของเฟอร์รารี่ ที่เทียบเคียงกับรถรุ่นอื่นๆ ในเรนจ์

Purosangue ภูมิใจนำเสนอระบบที่แปลกใหม่และไม่เหมือนใครเป็นครั้งแรกของโลก เทคโนโลยีช่วงล่างแบบแอคทีฟของเฟอร์รารี่ ที่ทำงานด้วย True Active Spool Valve (TASV) ของระบบ Multimatic เมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ ในตลาด สถาปัตยกรรมระบบกันสะเทือนแบบใหม่นี้มีข้อดีหลายประการ จากการผสานการสั่งงานของมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ากับแดมเปอร์ไฮดรอลิก ที่ใช้วาล์วแบบ Spool ซึ่งมีความแม่นยำสูง รวมไว้ในระบบเดียวกันแบบครบวงจร มอเตอร์ไฟฟ้าช่วยให้มั่นใจได้ว่าตัวถังและล้อสามารถควบคุมได้แบบแอคทีฟด้วยการสั่งการที่เหนือกว่าและที่ความถี่ที่สูงกว่าระบบอะแดปทีฟหรือกึ่งแอ็คทีฟแบบดั้งเดิม

ข้อดีอย่างหนึ่งของระบบกันสะเทือนแบบแอ็คทีฟจากเฟอร์รารี่คือ ความเร็วที่มอเตอร์ TASV 48 โวลต์ ส่งแรงไปในทิศทางของช่วงชักของแดมเปอร์ มอเตอร์ไฟฟ้าไร้แปรงถ่านแบบสามเฟสที่มีกำลังสูงได้รับการพัฒนาร่วมกันกับเฟอร์รารี่เพื่อการใช้งานนี้โดยเฉพาะ มอเตอร์ใช้เทคโนโลยีขดลวดสเตเตอร์แบบ “slotless” เพื่อลดขนาดรัศมีและเพิ่มความหนาแน่นของพลังงานให้สูงสุด จากมุมมองด้านเทคนิค แรงของมอเตอร์จะถูกส่งผ่านในรูปแบบใหม่ ผ่านบอลสกรูแบบลีดคู่ที่ต่อตรงกับก้านลูกสูบของแดมเปอร์ไฮดรอลิก ซึ่งช่วยให้ตอบสนองได้ดีที่ความถี่สูง และลดแรงเสียดทาน, ความเฉื่อย และพื้นที่ติดตั้ง

ระบบกันสะเทือนแบบแอ็คทีฟใช้ตัววัดอัตราเร่งและเซ็นเซอร์ที่อยู่ในช่วงล่างแต่ละล้อ  สื่อสารกับระบบควบคุมการลื่นไถลด้านข้าง (Side Slip Control – SSC) 8.0 และเซ็นเซอร์ของระบบ 6w-CDS ถือเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของเฟอร์รารี่ ที่ทำงานร่วมกับแดมเปอร์ TASV ของระบบ Multimatic จะจัดการองค์ประกอบด้านประสิทธิภาพของช่วงล่างแบบแอ็คทีฟเต็มรูปแบบด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์

เทคโนโลยีนี้ช่วยปรับสมรรถนะการเข้าโค้งให้เหมาะสมที่สุดด้วยการกระจายความแข็งแบบแปรผันและต่อเนื่อง ตลอดจนลดแรงเหวี่ยงลงได้แบบแอคทีฟ  (ลดลงต่ำสุด 10 มม.) เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพของแรงด้านข้างที่กระทำต่อยางสูงสุด และความสมดุลระหว่างโอเวอร์และอันเดอร์สเตียร์ การควบคุมความถี่สูงจะควบคุมทั้งการเคลื่อนไหวของตัวถังและการเคลื่อนที่ของล้อ ช่วยลดโอกาสพลิกคว่ำและยกตัว รวมทั้งดูดซับความขรุขระของพื้นถนน

นอกจากเทคโนโลยีระบบกันสะเทือนแบบแอ็คทีฟแล้ว Purosangue ยังติดตั้งปีกนกแบบ Semi-virtual รุ่นใหม่ โดยปีกนกล่างจะมีจุดยึดสองจุดบนโครงยึดดุมล้อ วิธีนี้หมายความว่า จุดยึดแกนบังคับเลี้ยว (ลูกหมาก) ตัวล่างเสมือนที่เกิดจากแขนทั้งสองข้างนั้น จะอยู่ใกล้กับศูนย์กลางของล้อมาก ดังนั้น จึงลด Scrub Radius ลงอย่างมาก กล่าวคือ ระยะห่างระหว่างจุดตัดจากส่วนบนของสตรัทที่ลากผ่านมาถึงลูกหมากปีกนก และกึ่งกลางของหน้ายางที่ระดับพื้นดิน ซึ่งทำให้พวงมาลัยสะบัดน้อยลงบนถนนขรุขระและขณะเบรก

Purosangue ติดตั้งตัวควบคุม ABS ‘evo’ รุ่นใหม่ ที่ออกแบบร่วมกับ Bosch® และรวมเข้ากับระบบ Brake-by-wire ที่เปิดตัวครั้งแรกใน 296 GTB สำหรับ Purosangue ฟังก์ชันดังกล่าวได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อรับมือกับพื้นผิวที่มีการยึดเกาะต่ำ และในการตั้งค่าผ่าน Manettino ทั้งหมด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถขณะเบรกซ้ำๆ ในทุกสภาพถนน ตัวควบคุมใหม่นี้ ใช้ข้อมูลจากระบบควบคุมการทรงตัวแบบอิเลกทรอนิกส์ (Electronic Stability Control – ESC) จึงประเมินความเร็วของรถได้แม่นยำยิ่งขึ้น เพื่อตรวจวัดการลื่นไถลของล้อทั้งสี่ขณะกำลังเบรก ความแม่นยำที่ได้รับการปรับปรุงนี้ หมายถึงสามารถใช้แรงตามยาวของยางทั้งสี่เส้นได้ดีขึ้น ในขณะที่การประเมินผลที่แม่นยำยิ่งขึ้นยังหมายถึงความสามารถในการประมวลผลซ้ำภายใต้ค่าเป้าหมายได้หลายครั้งยิ่งขึ้น จึงลดโอกาสผิดพลาดอันเนื่องมาจากความแปรผันที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น สภาพของถนนลาดยาง เป็นต้น

ระบบประเมินการยึดเกาะที่ใช้ข้อมูลจาก EPS ซึ่งเดิมพัฒนาขึ้นสำหรับ 296 GTB ยังได้รับการปรับแต่งเพื่อการขับขี่บนหิมะหรือพื้นผิวอื่นๆ ที่มีการยึดเกาะต่ำอีกด้วย จากการใช้ข้อมูลใน ECU และมุมลื่นไถลที่คำนวณโดย SSC 8.0 ทำให้ระบบสามารถคำนวณระดับการยึดเกาะระหว่างหน้ายางและถนนขณะกำลังหักเลี้ยวได้ ซึ่งจะให้ค่าประมาณการที่แม่นยำแม้ในขณะที่รถไม่ได้ขับจนถึงขีดจำกัดสูงสุด จึงทำให้ฟังก์ชันการเรียนรู้ด้วยตนเองของการยึดเกาะถนนเร็วขึ้น และการประเมินการยึดเกาะถนนในทุกสภาวะการยึดเกาะทำได้แม่นยำยิ่งขึ้น

ใน Purosangue ระบบ 4RM-S ที่พัฒนาขึ้นสำหรับ GTC4Lusso ได้รับการพัฒนาเพิ่มเติม และยังสืบทอดนวัตกรรมที่สร้างขึ้นจากตรรกะการควบคุมที่พัฒนาขึ้นสำหรับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของ SF90 Stradale ควบคู่ไปกับระบบเลี้ยวสี่ล้ออิสระใหม่ ที่มีอยู่ใน 812 Competizione การจัดการการเลี้ยวขณะเข้าโค้งเมื่อเร่งความเร็ว จึงได้รับการปรับให้เหมาะสมด้วยการผสาน Torque Vectoring ที่เพลาหน้า, การกระจายแรงบิดไปยังยางหลังโดย E-Diff และการควบคุมแรงกระทำด้านข้างโดยระบบเลี้ยวสี่ล้อเข้าด้วยกัน การจัดการทางอิเลกทรอนิกส์แบบใหม่ ให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับความแม่นยำในการควบคุมตำแหน่งของแอคทูเอเตอร์เดี่ยว การตอบสนองของเพลาที่เร็วยิ่งขึ้น และเป็นผลเนื่องมาจากการเพิ่มความแม่นยำของแรงกระทำด้านข้าง

เทคโนโลยีข้างต้นทั้งหมดรวมอยู่ในระบบ Side Slip Angle Control เวอร์ชัน 8.0 ซึ่งป้อนภาษาที่ใช้ร่วมกันให้กับระบบควบคุมทั้งหมด เพื่อกำหนดการทำงานที่ดีที่สุดในการเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด ข้อเท็จจริงก็คือ ระบบ SSC 8.0 ได้รวมการควบคุมทั้งหมดของรถ (พวงมาลัย, แทร็คชั่น และการควบคุมในแนวตั้ง) โดยทำงานแบบแอคทีฟที่ล้อทั้งสี่ เกิดเป็นการประสานงานกันอย่างเป็นธรรมชาติร่วมกับระบบ ABS evo รุ่นใหม่

มีการให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับวัตถุประสงค์ใหม่คือเพื่อความเร้าใจในการขับขี่ ซึ่งตั้งเป้าหมายด้านสมรรถนะไว้อย่างเฉพาะเจาะจง  การเร่งความเร็วในแต่ละเกียร์เมื่ออยู่ในโหมด Manual ได้รับการปรับให้ทำงานได้ในช่วงกว้างและทันใจ ควบคู่ไปกับการเพิ่มอัตราเร่งและลดเวลาในการตอบสนอง ซึ่งเป็นสิ่งที่นิยามความโดดเด่นของ Purosangue ได้ดีที่สุด

Purosangue ปลดปล่อยศักยภาพของชุดเกียร์ DCT 8 จังหวะ รุ่นใหม่ ออกมาได้จากทุกมิติ ทั้งทางด้านกลไก, พลัง และการควบคุม อัตราทดเกียร์เท่ากับที่ใช้อยู่ใน SF90 Stradale และ 296 GTB แต่ด้วยล้อและยางที่ใหญ่กว่า ส่งให้อัตราทดสั้นกว่าเฟอร์รารี่แบบ 4 ที่นั่ง รุ่นก่อนหน้านี้ จึงมอบสมรรถนะที่เหนือกว่าขณะเร่งความเร็ว เกียร์ทั้ง 8 สปีด ถูกออกแบบให้มอบประสบการณ์อันผ่อนคลายเมื่อขับขี่ทางไกล

ซอฟต์แวร์ควบคุมการทำงานของระบบขับเคลื่อน มีข้อดีทั้งในเรื่องของสมรรถนะ (ลดเวลาในการเปลี่ยนเกียร์ ขึ้น/ลง 18 เปอร์เซ็นต์) และการทำงานแบบ “Sailing” ซึ่งปลดการทำงานของเครื่องยนต์และชุดเกียร์ออกจากกันเมื่อถอนคันเร่ง เพื่อมอบความราบรื่นนุ่มนวลขณะขับขี่ได้มากยิ่งขึ้นในสถานการณ์ที่ไม่ต้องการแทร็คชั่นใดๆ (และยังรวมไปถึงขณะเหยียบเบรกด้วย) นอกจากนั้น การทำงานของ Manettino ใน Purosangue ยังได้รับการปรับปรุงเพื่อให้เป็นไปตามจุดประสงค์ของโปรเจ็คต์นี้อีกด้วย

Purosangue มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือขณะขับขี่ (ADAS) หลากหลายรายการ ติดตั้งให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยมีหลายระบบที่พัฒนาร่วมกับ Bosch® รวมไปถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแอคทีฟ (Adaptive Cruise Control – ACC), ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (Automatic Emergency Brake System – AEB), ระบบ เปิด/ปิด ไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High Beam – HBA/HBAM), ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning – LDW), ระบบรักษาตำแหน่งรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping Assist – LKA), ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Detection – BSD), ระบบแจ้งเตือนการจราจรด้านหลัง (Rear Cross Traffic Alert – RCTA), ระบบแจ้งเตือนป้ายสัญลักษณ์จราจร (Traffic Sign Recognition – TSR), ระบบแจ้งเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้า (Driver Drowsiness and Attention – DDA) และกล้องแสดงภาพขณะถอยหลัง (NSW)

ส่วนฟังก์ชันที่นำมาใช้กับรถยนต์เฟอร์รารี่เป็นครั้งแรกคือระบบควบคุมรถขณะอยู่ในทางลาดชัน (Hill Descent Control – HDC) ที่จะช่วยผู้ขับขี่รักษาและควบคุมความเร็วของรถบนทางลาดชันโดยแสดงข้อมูลให้เห็นบนหน้าปัด เมื่อระบบ HDC ทำงาน จะควบคุมระบบเบรกเพื่อให้มั่นใจว่าความเร็วของรถจะไม่เกินไปกว่าที่ตั้งค่าเอาไว้บนจอแสดงผล อย่างไรก็ตาม ระบบสามารถตั้งค่าที่ต้องการได้ใหม่ผ่านแป้นคันเร่ง

การออกแบบ

Purosangue สร้างเซกเมนต์ใหม่ให้กับตลาด โดยม้าลำพองได้เปิดพรมแดนที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งต้องขอบคุณสถาปัตยกรรมแบบใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ส่งให้ Purosangue เป็นรถอเนกประสงค์ที่ผสมผสานความสะดวกสบายเหนือระดับเข้ากับสมรรถนะอันเป็นเอกลักษณ์ของเฟอร์รารี่และความเพลิดเพลินในการขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ การแปลง DNA ของม้าลำพองให้กลายเป็นยนตรกรรมที่ไม่เพียงแสดงความแปลกใหม่ของมาราเนลโลให้โลกได้ประจักษ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงโลกยานยนต์ทั้งหมดอีกด้วย นับเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ทว่าทำให้ Ferrari Styling Centre ที่นำโดย Flavio Manzoni เปี่ยมด้วยความภาคภูมิใจ

ชื่อ Purosangue อธิบายสถาปัตยกรรมของรถได้อย่างสวยงาม รูปลักษณ์ภายนอกที่โฉบเฉี่ยวและสปอร์ตทำให้รถ 4 ประตู, 4 ที่นั่ง คันนี้ แตกต่างจากรถ 4 ประตูรุ่นอื่นๆ ในตลาดโดยสิ้นเชิง ขุมพลัง V12 แบบไม่มีระบบอัดอากาศ วางกลางลำด้านหน้า ประสานกลมกลืนกับห้องโดยสารที่สะดวกสบาย, หรูหราโอ่อ่า และตกแต่งได้อย่างงดงามไร้ที่ติ นี่ไม่ใช่แค่รถที่เร็วแรงและคล่องตัวอย่างเหลือเชื่อ แต่ยังมอบพื้นที่ความกว้างขวางเพื่อความสบายเป็นพิเศษแก่ผู้โดยสารทั้ง 4 คนอีกด้วย

ตัวถังภายนอก

ตัวถังของ Purosangue ได้รับการออกแบบและขัดเกลาอย่างประณีตเพื่อให้เกิดเป็นรูปทรงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดีไซน์ประกอบด้วยสองส่วนที่แยกออกจากกันอย่างเห็นได้ชัด โดยส่วนล่างของตัวรถเน้นไปทางเทคนิคบริเวณใต้ท้องรถ ขณะที่ตัวถังส่วนบนมีความน่าเกรงขามและสง่างาม โดยจุดนี้เน้นย้ำให้เห็นถึงส่วนเว้าส่วนโค้งที่ดูราวกับลอยตัวอยู่เหนือซุ้มล้อทั้งสี่

แม้ส่วนเว้าส่วนโค้งของ Purosangue จะดูบึกบึนกว่ารถสปอร์ตที่ทรงพลังที่สุดของเฟอร์รารี่ ทว่าส่วนสูงของรถได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี จึงสร้างสัมผัสที่ดูเพรียวบางได้อย่างน่าประทับใจ ขณะเดียวกัน เพื่อทำให้ Purosangue มีสัดส่วนที่ดูทรงพลัง ทีมงานของ Ferrari Styling Centre จึงกล้าที่จะเลือกใช้รูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมเป็นหลัก

รูปทรงของ Purosangue ถูกมองเป็นประติมากรรมที่แสดงให้เห็นถึงการยกระดับการพัฒนาแอโรไดนามิกขึ้นไปอีกขั้นได้อย่างน่าทึ่ง สิ่งนี้ปรากฏเป็นหลักฐานชัดเจนในรายละเอียดต่างๆ ของรถ เช่น ผลที่ได้จาก Aerobridge ที่ติดตั้งอยู่ระหว่างด้านหน้ารถและข้างตัวถัง ทุกองค์ประกอบด้านแอโรถูกมองเป็นโอกาสในการปรับปรุงรูปลักษณ์ของประติมากรรม เพื่อเน้นให้เห็นความมีสไตล์ของรถ แนวคิดเรื่องสัมผัสที่บางเบาและความกะทัดรัด ยังถูกนำไปใช้กับหลังคาด้วยปีกหลังขนาดใหญ่ที่ตอกย้ำให้เห็นความบึกบึนที่ช่วยให้รถมีสัดส่วนที่ไม่มีใครเหมือน

ส่วนหน้ามีความลื่นไหลต่อเนื่องสู่ด้านข้างของรถได้อย่างไร้รอยต่อ และแปรเปลี่ยนสู่การเล่นระดับไปตามแนวนอนเพื่อเพิ่มความพริ้วไหว Purosangue ไร้ซึ่งกระจังหน้า ทว่าแทนที่ด้วยส่วนแบนราบที่แยกเป็นสองฝั่งที่ส่วนล่างอย่างชัดเจน ช่วยเพิ่มความงดงามได้อย่างมาก เปลือกทั้งสองที่สร้างรูปทรงแบบลอยตัวพร้อมช่องสำหรับติดตั้งกล้องหน้าและเซ็นเซอร์ช่วยจอด เพื่อให้หลอมรวมเข้ากับรูปทรงของรถได้อย่างกลมกลืน ที่ด้านข้างแต่ละฝั่งของฝากระโปรงหน้ามี DLR ติดตั้งอยู่ระหว่างช่องรับอากาศซึ่งผสานเข้ากับส่วนบนของแก้มข้างเพื่อเน้นให้เห็นธีมของการออกแบบได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้คือส่วนหน้าของ Purosangue ที่ดึงดูดสายตาด้วยช่องดักอากาศมากกว่าชุดไฟหน้า

รองรับส่วนบนของหน้ารถด้วยองค์ประกอบของพื้นที่ส่วนกลางสำหรับรับอากาศไปลดความร้อนให้กับหม้อน้ำเครื่องยนต์ ขนาบข้างด้วยกรอบที่ล้อมรอบลิ้นหน้าชิ้นกลางเอาไว้ สูงขึ้นไปจากตะแกรงของช่องรับอากาศให้หม้อน้ำ คือฝากระโปรงที่ทอดยาว ซึ่งแยกพื้นที่ออกจากกันด้วยพื้นผิวที่นูนโค้งมนอย่างนุ่มนวล ก่อนลื่นไหลลงสู่พื้นผิวของแก้มข้างทั้งสองฝั่ง Aerobridge เหล่านี้ ก่อให้เกิดเป็นสัมผัสที่ต่อเนื่องระหว่างฝากระโปรงและส่วนข้างของรถ

รูปแบบของ Aerobridge คือตัวกำหนดพื้นผิวด้านข้างของรถ เนื่องจากฟอร์มของรูปทรงวิ่งต่อเนื่องไปสู่ด้านข้าง จนกลายเป็นส่วนหลักในการออกแบบ และรังสรรค์เป็นรูปทรงเล่นระดับทอดยาวเชื่อมไปสู่มัดกล้ามอันบึกบึนที่ส่วนท้ายของรถ รูปทรงของซุ้มล้อช่วยเผยให้เห็นพื้นผิวชั้นที่สองที่ซ่อนอยู่ใต้งานตัวถัง องค์ประกอบด้านฟังก์ชันและทางเทคนิคถูกนำมาใช้เป็นเลเยอร์ที่สอง และช่วยสร้างรูปทรงที่พลิ้วไหวน่าประทับใจตามแบบฉบับของรถคูเป้ เมื่อเปิดประตูทั้งหน้าและหลังออกทั้งหมด ทำให้เห็นห้องโดยสารที่ดูกว้างขวางโอ่อ่ากว่าที่คิดไว้เมื่อตอนที่ประตูยังปิดอยู่ ต้องยกความดีความชอบให้กับการทำงานที่พิถีพิถันเพื่อทำให้สัดส่วนของหลังคามีขนาดกะทัดรัดอย่างยิ่ง

มัดกล้ามที่ส่วนท้ายรถโอบรับไปสู่ด้านหลัง ที่ซึ่งเส้นตัดแนวนอนถูกผสานเข้ากับส่วนปลายขอบของไฟท้าย ใต้ชุดไฟคือปล่องระบายอากาศสองปล่องที่มาบรรจบกัน ดิฟฟิวเซอร์และปีกหลังขนาดใหญ่ สอดประสานกันจนทำให้มุมมองด้านหลังดูแผ่กว้างอย่างยิ่ง ร่วมด้วยห้องโดยสารแบบสปอร์ตที่วางต่ำไว้บนส่วนเว้าส่วนโค้งนี้ ขนาดที่กะทัดรัดเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งให้รถมีความสปอร์ต โดยไม่สูญเสียพื้นที่และความสะดวกสบายในห้องโดยสารไป โปรไฟล์ของห้องโดยสารโดดเด่นด้วยกระจกหน้าที่ลาดเอียงและเสา A ซึ่งลื่นไหลต่อเนื่องสู่สปอยเลอร์ด้านหลัง ด้านล่างเป็นสันเนินคู่ที่โดดเด่นซึ่งเป็นสิ่งที่นำสายตาไปยังกระจกหลัง ล้อแบบฟอร์จ ลวดลายเฉพาะตัวถูกออกแบบขึ้นสำหรับ Purosangue โดยมีพื้นฐานมาจากคอน เซปต์เรื่องแอโรแบบเดียวกับในรุ่น SF90 Stradale โดยองค์ประกอบด้านนอกของล้อจะทำหน้าที่ดูดอากาศร้อนออกจากโพรงซุ้มล้อ ครีบอากาศเหล่านี้ยื่นออกมาจากพื้นผิวสามมิติของล้อ และเน้นย้ำด้วยการตกแต่งแบบไดมอนด์คัทเพื่อความหรูหรา

ห้องโดยสาร

ภายในของ Purosangue ต้องการความพิถีพิถันในการออกแบบ ทั้งในส่วนของพื้นที่และการตกแต่ง ตลอดจนการเลือกใช้วัสดุอย่างเอาใจใส่เพื่อให้ได้มาซึ่งพื้นที่สำหรับผู้โดยสารในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน พร้อมความสะดวกสบายตามแบบฉบับของรถเฟอร์รารี่ 4 ที่นั่ง ห้องโดยสารให้ภาพลักษณ์และความรู้สึกราวกับห้องนั่งเล่นที่หรูหราและโฉบเฉี่ยวแบบสุดขั้ว เมื่อเปิดประตู จะเผยให้เห็นพื้นที่กว้างขวางจนน่าทึ่ง และที่น่าแปลกใจพอๆ กันก็คือ การตกแต่งภายในที่หรูหราล้ำสมัย จนรู้สึกได้ถึงความสง่างามและล้ำยุค ภาษาการออกแบบยุคใหม่ผสานเข้ากับสุนทรียะของรถสปอร์ต GT อันเป็นเอกลักษณ์ของเฟอร์รารี่ได้อย่างกลมกลืน รูปทรงทั้งหมดมีขนาดกะทัดรัดแต่มีเจตนาเพื่อเพิ่มทั้งพื้นที่ใช้สอยและสรีรศาสตร์

ค็อกพิทของผู้ขับได้รับแรงบันดาลใจมาจาก SF90 Stradale และฝั่งผู้โดยสารก็แทบจะเป็นดีไซน์แบบเดียวกัน สิ่งนี้ช่วยให้เกิดเป็นสัมผัสแห่งการมีส่วนร่วมต่อกันของผู้โดยสารเบาะหน้าอย่างที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้ ร่วมด้วยจอแสดงผลขนาด 10.2 นิ้ว ที่แจ้งข้อมูลสำคัญทั้งหมดเพื่อเสริมให้เกิดความรู้สึกร่วมในประสบการณ์การขับขี่ Purosangue ติดตั้งอินเตอร์เฟซแบบดิจิตอลเต็มระบบมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับในทุกเรนจ์

สถาปัตยกรรมภายในห้องโดยสารของ Purosangue ตั้งอยู่บนพื้นฐานของคอนเซปต์แบบค็อกพิตคู่ ซึ่งใช้ดีไซน์แบบเดียวกันต่อเนื่องไปยังเบาะหลัง เกิดเป็น 4 พื้นที่ ที่แยกจากกันอย่างชัดเจนทั้งในแง่ของฟังก์ชัน, รูปทรง, วัสดุ และสีสัน หลักการนี้ส่งผลให้องค์ประกอบของห้องโดยสารซึ่งมีดีไซน์ตามแนวนอนและไร้รอยต่อระหว่างกัน ดูกว้างขวางโอ่อ่าทว่ายังคงรักษาส่วนเว้าส่วนโค้งที่บางเบาและพริ้วไหวเอาไว้ได้ครบถ้วน

รูปแบบที่วิจิตรงดงาม บรรจบเข้าหาศูนย์กลางที่โอบล้อมรอบผู้โดยสาร ผ่านความเชื่อมโยงระหว่างเบาะนั่งและบริเวณของฟังก์ชันต่างๆ เน้นย้ำแนวคิดแบบ   ค็อกพิตคู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตัวควบคุมที่เกี่ยวกับความสะดวกสบายจะอยู่บนอินเทอร์เฟซแบบหมุนที่แฝงตัวกลมกลืนอยู่ในส่วนกลางของแดชบอร์ด ซึ่งผู้โดยสารด้านหลังก็สามารถเข้าถึงฟังก์ชันเดียวกันได้ผ่านอินเทอร์เฟซแบบปุ่มหมุนที่ติดตั้งไว้ด้านหลัง

คอนโซลกลางที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ผสานเข้ากับโครงสร้างรูปตัว Y ซึ่งโดดเด่นด้วยฐานเกียร์ทำจากโลหะ องค์ประกอบที่เรียบง่าย ทว่าได้รับการออกแบบมาอย่างดีพอๆ กัน คือปุ่มควบคุมกระจกหน้าต่าง, ที่วางแก้วแบบคู่ที่ทำจากแก้วเพื่อความหรูรา และช่องเก็บกุญแจซึ่งอยู่รวมในโซนแท่นชาร์จแบบไร้สาย พื้นที่ส่วนล่างมีช่องใส่ของกระจุกกระจิก และยังช่วยสร้างความรู้สึกต่อเนื่องกับพื้นอย่างไร้รอยต่อ ด้วยสีสันและวัสดุนำมาใช้ ส่วนประกอบของค็อกพิตที่เกิดจากรูปทรงเปลือกหอยอันเป็นเอกลักษณ์ ผสานรวมและสร้างจุดดึงดูดสายตาให้กับระบบเสียงที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เฟอร์รารี่เคยมีมา นอกจากนี้ยังเน้นเรื่องความสะดวกสบายเป็นพิเศษบริเวณที่พักแขนและมือเปิดประตูอีกด้วย

นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเฟอร์รารี่ที่ใช้เบาะแบบปรับด้วยไฟฟ้าที่ติดตั้งแยกอิสระต่อกันทั้ง 4 ตัว การผสมผสานส่วนประกอบที่เน้นความสบาย, การใช้โฟมที่ปรับความหนาแน่นได้ และระบบกันสะเทือนใหม่ หมายความว่า Purosangue จะมอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้โดยสารในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน พร้อมเลย์เอาต์ที่แสดงถึงความสปอร์ตและสง่างามตามแบบฉบับของภาษาการออกแบบจากเฟอร์รารี่ พนักพิงแบบทำความร้อนได้สามารถปรับและเอนได้อย่างอิสระ และหากเลื่อนไปข้างหน้าจนสุด จะช่วยเพิ่มความจุสัมภาระของ Purosangue ได้อย่างมาก

การแสวงหาหนทางสู่ความหรูหราของเฟอร์รารี่ ไม่ได้ละเลยแม้เพียงวินาทีต่อความรับผิดชอบกับสิ่งแวดล้อมและการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน วัสดุที่ยั่งยืนถูกนำมาใช้ในห้องโดยสารของ Purosangue ทั่วทั้งคัน จึงเปิดโอกาสให้สามารถผสมผสานรูปแบบใหม่ๆ เข้าไปได้ ข้อเท็จจริงก็คือ 85 เปอร์เซ็นต์ ของการตกแต่งในรถคันนี้ใช้วัสดุที่มีความยั่งยืนทั้งสิ้น ผ้าบุหลังคาผลิตจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล, พรมจากโพลีอารามิดซึ่งรีไซเคิลมาจากอวนที่เก็บได้จากทะเล และหนัง Alcantara® สูตรใหม่ ที่ทำมาจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลเช่นกัน โดย Purosangue นับเป็นรถคันแรกๆ ของโลกที่ใช้หนัง Alcantara® รุ่นพิเศษซึ่ง 68 เปอร์เซ็นต์ ทำจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล สำหรับ Alcantara® รุ่นนี้ ได้รับมาตรฐานจาก Recycled Claimed Standard (RCS) ซึ่งรับรองโดย ICEA เป็นมาตรฐานสากลชั้นนำที่ตรวจสอบยืนยันวัสดุรีไซเคิลและติดตามวัสดุจากแหล่งกำเนิดไปยังผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายได้

แทนที่จะใช้พรมหรือหนังแบบดั้งเดิมในการตกแต่งพื้นรถ ผู้เป็นเจ้าของสามารถเลือกใช้ผ้าพิเศษแบบกันกระสุนซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่ใช้ในเครื่องแบบทหารได้ เนื่องจากมีความเหนียวและทนทานเป็นพิเศษ หนังกึ่งอนิลีนสีน้ำตาลเข้มที่ร่วมสมัยและหรูหราได้รับการเปิดตัวเป็นครั้งแรกเช่นกัน สุดท้ายคือการตกแต่งแบบสปอร์ตด้วยคาร์บอนทอด้วยลวดลายใหม่ ที่เป็นอุปกรณ์สั่งติดตั้งพิเศษ ซึ่งทอโดยสอดลวดทองแดงชั้นดีเข้าไปผสมผสานด้วย จึงให้ได้รูปลักษณ์ที่มีรายละเอียดสูงกว่าคาร์บอนไฟเบอร์แบบปกติ

ชุดเครื่องเสียงสามมิติรอบทิศทาง Burmester® 3D High-End Surround Sound System ก็เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่นำมาใช้ในรถยนต์เฟอร์รารี่เป็นครั้งแรกเช่นกัน ระบบเสียงชุดนี้ให้ที่สุดแห่งประสิทธิภาพตั้งแต่ย่านความถี่ต่ำถึงสูง ด้วยการใช้นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีต่างๆ มากมาย เป็นครั้งแรกที่มีการนำทวีตเตอร์ทรงแท่งมาใช้ในรถยนต์ ขณะที่ซับวูฟเฟอร์ติดตั้งไว้ในกล่องระบบปิดเพื่อให้ได้มาซึ่งเสียงเบสที่ผสานความกระจ่างชัด, พลังเสียงและความเร็ว ได้อย่างน่าทึ่งที่ย่านความถี่ต่ำ ระบบเสียงสามมิติมาพร้อมกับ Pre-set หลากหลายรูปแบบ มอบประสบการณ์เสียงที่สมจริง, น่าตื่นเต้น และมีคุณภาพสูง สะท้อนลักษณะเฉพาะตัวของรถได้อย่างชัดเจน และตอกย้ำถึงแก่นแท้แห่งผลงานชิ้นเอกของยนตรกรรมที่ผลิตใน Maranello

ในบรรดาสีที่มีให้เลือกทั้งหมด มีสี Nero Purosangue ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยเฉพาะสำหรับรถรุ่นนี้ โดยใช้เม็ดสีที่ในบางสภาพแสงจะทำให้เกิดการสะท้อนออกมาเป็นสีแดงที่เข้มข้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มวอลลุ่มของรถได้อย่างสวยงาม

อุปกรณ์สั่งติดตั้งพิเศษและการตกแต่งอื่นๆ

Purosangue มีอุปกรณ์สั่งติดตั้งพิเศษและการตกแต่งแบบเฉพาะตัว ให้เลือกสรรหลากหลายชนิด ช่วยให้ผู้เป็นเจ้าของรังสรรค์สมดุลระหว่างความสะดวกสบายและประสิทธิภาพได้อย่างสมบูรณ์ตามความต้องการ นอกจากสีตัวถังและห้องโดยสารที่หลากหลาย รวมถึงสีพิเศษเฉพาะรุ่นนี้แล้ว ยังมีการเปิดตัวนวัตกรรมในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่แปลกใหม่สำหรับทั้งกับเฟอร์รารี่เองและตลาดโดยรวมอีกด้วย

เป็นครั้งแรกของเฟอร์รารี่ที่เปิดโอกาสให้ผู้เป็นเจ้าของสามารถเลือกปรับแต่งหลังคารถได้เอง โดยสามารถสั่งติดตั้งหลังคากระจกขนาดใหญ่เต็มพื้นที่แบบ Electrochromic แทนหลังคาคาร์บอนไฟเบอร์ที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานได้ ตัวกระจกเคลือบพื้นผิวด้านในด้วยฟิล์ม Electro-sensitive เมื่อมีกระแสไฟฟ้าขนาดเล็กไหลผ่านฟิล์ม จะเกิดการเปลี่ยนระดับสีเพื่อให้มีแสงแดดส่องเข้ามาภายในห้องโดยสาร หรือปิดทึบได้เมื่อต้องการ

เบาะนั่งด้านหน้าพร้อมถุงลมนิรภัย 10 ใบ มีระบบนวดที่จะมอบความผ่อนคลายให้กับผู้นั่ง โดยสามารถเลือกรูปแบบการนวดได้ 5 แบบ และเลือกความแรงได้ 3 ระดับ

Purosangue เป็นรถคันแรกของกลุ่มผลิตภัณฑ์จากเฟอร์รารี่ ที่มีเซ็นเซอร์วัดคุณภาพอากาศซึ่งสามารถตรวจสอบอากาศภายนอกรถและปรับปรุงคุณภาพอากาศในห้องโดยสารด้วยระบบควบคุมการหมุนเวียนอากาศอัจฉริยะ และการใช้ตัวกรองที่สามารถป้องกันอนุภาคได้ถึง PM2.5

และยังเป็นครั้งแรกที่รถรองรับได้ทั้งระบบ Android Auto และ Apple CarPlay เป็นมาตรฐาน โดยเข้ามาแทนที่ระบบนำทางแบบ Built-in ของเดิม

การรับประกัน 7 ปี

มาตรฐานคุณภาพที่เหนือชั้นของเฟอร์รารี่และการมุ่งเน้นที่การบริการลูกค้า เป็นหัวใจสำคัญของโปรแกรมการบำรุงรักษาขยายระยะเวลาเพิ่มขึ้นเป็น 7 ปี สำหรับ Purosangue โปรแกรมนี้ครอบคลุมการบำรุงรักษาตามปกติทั้งหมดในช่วง 7 ปีแรกของรถ การบำรุงรักษาตามกำหนดเวลานี้เป็นบริการพิเศษที่ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่ารถของท่านจะมีประสิทธิภาพสูงสุดและมีความปลอดภัยตลอดเวลา บริการพิเศษนี้มีให้สำหรับผู้ที่ซื้อเฟอร์รารี่มือสองด้วยเช่นกัน

การบำรุงรักษาตามปกติ (ตามระยะทาง 20,000 กม. หรือปีละครั้ง ไม่จำกัดระยะทาง), อะไหล่แท้ และการตรวจเช็คอย่างพิถีพิถันโดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรมโดยตรงที่ศูนย์ฝึกอบรมของเฟอร์รารี่ในมาราเนลโล โดยใช้เครื่องมือวินิจฉัยที่ทันสมัยที่สุด นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งในข้อดีอีกมากมายของโปรแกรม Genuine Maintenance บริการนี้ครอบคลุมทั่วโลก รวมถึงตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั้งหมด

โปรแกรมการบำรุงรักษา 7 ปีนี้ จะขยายขอบเขตของบริการหลังการขายที่เสนอโดยเฟอร์รารี่ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าที่ต้องการรักษาประสิทธิภาพและความเป็นเลิศ อันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ทุกคันที่สร้างขึ้นจากโรงงานในมาราเนลโล

ข้อมูลจำเพาะทางเทคนิค – PUROSANGUE

ระบบขับเคลื่อน

ประเภท                                                             V12 – ทำมุม 65 องศา – ดรายซัมพ์

ความจุกระบอกสูบ                                              6496 ซีซี

กระบอกสูบ x ช่วงชัก                                          94 มม. x 78 มม.

กำลังสูงสุด*                                                       725 แรงม้า ที่ 7750 รอบ/นาที

แรงบิดสูงสุด                                                       716 นิวตันเมตร ที่ 6250 รอบ/นาที

รอบเครื่องยนต์สูงสุด                                           8250 รอบ/นาที

อัตราส่วนกำลังอัด                                               13.6:1

อัตราส่วนกำลังต่อลิตร                                        111 แรงม้า/ลิตร

มิติและน้ำหนัก

ความยาว                                                            4973 มม.

ความกว้าง                                                          2028 มม.

ความสูง                                                              1589 มม.

ความยาวฐานล้อ                                                 3018 มม.

ความกว้างฐานล้อหน้า                                        1737 มม.

ความกว้างฐานล้อหลัง                                        1720 มม.

น้ำหนักรถเปล่า**                                                2033 กก.

อัตราส่วนน้ำหนักต่อแรงม้า                                 2.80 กก./แรงม้า

การกระจายน้ำหนัก                                             49% หน้า / 51% หลัง

ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง                                    100 ลิตร

ความจุห้องเก็บสัมภาระ                                      473 ลิตร

ล้อและยาง

หน้า                                                                    255/35 R22 J9.0

หลัง                                                                     315/30 R23 J11.0

ระบบเบรก

หน้า                                                                    398 x 38 มม.

หลัง                                                                    380 x 34 มม.

ระบบส่งกำลังและเกียร์

8-จังหวะ F1 DCT

ระบบอิเลกทรอนิกส์

ระบบควบคุมการลื่นไถลด้านข้าง (Side Slip Control – SSC) เวอร์ชั่น 8.0

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4RM-S evo

ระบบกันสะเทือนแบบแอคทีฟ (Ferrari active suspension technology)

ระบบ F1-Trac

ระบบป้องกันล้อล็อคขณะเบรก ABS ‘EVO’ พร้อมระบบประเมินแรงยึดเกาะ เวอร์ชั่น 2.0

ECS

สมรรถนะ

ความเร็วสูงสุด                                                    > 310 กม./ชม.

0-100 กม./ชม.                                                    3.3 วินาที

0-200 กม./ชม.                                                    10.6 วินาที

100-0 กม./ชม.                                                    32.8 เมตร

200-0 กม./ชม.                                                    129 เมตร

อัตราสิ้นเปลืองและการปล่อยมลพิษ

เป็นไปตามมาตรฐานข้อกำหนด

* ใช้น้ำมันเบนซินออกเทน 98 RON, รวม 5 แรงม้า จากการปรับแต่งรอม

** ติดตั้งอุปกรณ์น้ำหนักเบา (optional)