กลุ่ม CARSOME ฉลอง 7 ปี แห่งความสำเร็จและความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนตลาดรถยนต์มือสอง
กลุ่ม CARSOME แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซซื้อขายรถยนต์มือสองครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฉลองครบรอบ 7 ปีกับการเติบโตทั่วภูมิภาค ด้วยยอดซื้อขายรถยนต์มือสองมากกว่า 260,000 คัน พร้อมให้บริการลูกค้าหลายล้านคนผ่านแพลตฟอร์ม โดยมียอดขายรถยนต์มือสองมากกว่า 18,000 คันต่อเดือนในตลาดหลักทั่วภูมิภาค
การก่อตั้งแบรนด์ชั้นนำในตลาดรถยนต์มือสองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นับตั้งแต่การก่อตั้งบริษัทฯ ในปี 2558 CARSOME ได้ริเริ่มนำข้อมูลและเทคโนโลยี พร้อมนำเสนอทางเลือกการซื้อขายรถยนต์มือสองให้แก่ลูกค้าในตลาด ตามจุดประสงค์หลักที่มุ่งแก้ปัญหาของลูกค้า (Pain Point) ด้วยการสร้างความน่าเชื่อถือ ทางเลือกที่หลากหลาย และความโปร่งใส CARSOME ซึ่งก่อตั้งขึ้นในมาเลเซียและเติบโตทั่วทั้งภูมิภาคได้รับความไว้วางใจให้เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซซื้อขายรถยนต์มือสองครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เอริค เฉิง (Eric Cheng) ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารกลุ่ม CARSOME กล่าวว่า 7 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจ โดยทีมงานได้ผ่านประสบการณ์หลากหลายทั้งฉลองความสำเร็จนับครั้งไม่ถ้วน และเรียนรู้ความผิดพลาดในหลายสถานการณ์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา “ในวันนี้ พวกเรายังคงทำงานกันอย่างไม่หยุดหย่อนเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของ CARSOME ในฐานะแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซซื้อขายรถยนต์มือสองครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผมภูมิใจที่ทีมของเราเต็มไปด้วยความหลากหลาย ความแข็งแกร่ง และความสามารถที่เป็นกำลังสำคัญให้ CARSOME เติบโตและส่งมอบคุณค่าสุดพิเศษให้กับลูกค้าของเรา” เฉิง กล่าว
ขึ้นแท่นผู้นำนวัตกรรมแห่งระบบนิเวศรถยนต์มือสอง
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา CARSOME ประสบความสำเร็จในการรุกตลาดรถยนต์มือสองและก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำตลาดในทั้ง 4 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และประเทศไทย ซึ่งการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ไม่ได้ส่งผลให้การเติบโตของบริษัทฯ หยุดชะงักลง และคาดว่าภายในสิ้นปี 2565 การดำเนินธุรกิจของ CARSOME นอกประเทศมาเลเซียนั้น จะสามารถสร้างรายได้คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 40 ของรายได้รวมทั้งหมด
ในขณะที่การแพร่ระบาดนี้ยังคงสร้างผลกระทบต่อเกือบทุกอุตสาหกรรม แต่ CARSOME ยังสามารถเดินหน้าขยายกิจการอย่างต่อเนื่องและเปิดตัวธุรกิจค้าปลีกในปี 2563 ซึ่งได้กลายเป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดของบริษัทฯ ด้วยอัตราการเติบโตต่อปีที่มากกว่า 10 เท่า ภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 ปี นับตั้งแต่การก่อตั้งศูนย์บริการครบวงจรแห่งแรกในมาเลเซีย จนมีสาขาครอบคลุมมากกว่า 20 แห่งทั่วทั้งภูมิภาค สามารถสร้างรายได้มากกว่าร้อยละ 25 ของรายได้รวมทั้งหมดในปัจจุบัน และคาดว่าจะสร้างรายได้มากกว่าครึ่งหนึ่งให้กับกลุ่ม CARSOME ทั้งในระยะกลางและระยะยาว
ด้วยการขยายธุรกิจแบบ “Phygital” หรือการผสานรูปแบบ Digital และ Physical เข้าด้วยกัน ปัจจุบัน CARSOME มีศูนย์ตรวจสอบสภาพรถเพื่อประเมินราคาและศูนย์บริการซื้อขายรถมือสองครบวงจรทั่วทั้ง 4 ประเทศที่เชื่อมต่อกันผ่านศูนย์กลางโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการรถยนต์มือสองคุณภาพดีที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า CARSOME ได้เปิดตัว CARSOME Certified Lab ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นศูนย์ปรับสภาพและซ่อมบำรุงรถยนต์มือสองแห่งแรกและมีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคที่ประเทศมาเลเซีย โดยศูนย์ดังกล่าวมีความสามารถในการปรับสภาพรถยนต์ได้สูงถึง 2,000 คันต่อเดือน และเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น CARSOME ยังได้วางแผนเปิดตัว CARSOME Certified Lab อีก 3 แห่งภายในปีนี้ โดยรวมถึง อินโดนีเซีย และประเทศไทยด้วย
ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมรถยนต์มือสองผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรและการพัฒนาบุคลากร
ด้วยพันธกิจที่ต้องการยกระดับระบบนิเวศรถยนต์มือสอง CARSOME มุ่งพัฒนาศักยภาพของพนักงานและจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น โดยในปี 2564 ที่ผ่านมา CARSOME ได้เปิดตัว “สถาบันคาร์ซัม อะคาเดมี่” (CARSOME Academy) เพื่ออบรมทักษะทางด้านเทคนิคให้แก่เยาวชน และให้โอกาสเข้าร่วมงานกับ CARSOME หลังจบหลักสูตร
ในปัจจุบัน สถาบันคาร์ซัม อะคาเดมี่ ได้รับการรับรองว่าเป็นศูนย์การเรียนรู้ทางวิชาชีพที่สามารถเทียบโอนสู่คุณวุฒิการศึกษา (Recognition of Prior Achievement Center) โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงานภายใต้กระทรวงทรัพยากรมนุษย์ ประเทศมาเลเซีย จากความมุ่งมั่นในการจัดฝึกอบรมและพัฒนาทักษะแรงงานเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมรถยนต์มือสอง โดยในปีนี้ ทางบริษัทฯ ได้เปิด สถาบันคาร์ซัม อะคาเดมี่ เพิ่มขึ้นในอีก 2 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซียและประเทศไทย เพื่อส่งเสริมศักยภาพแรงงานและสร้างโอกาสการทำงานในอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคให้มากยิ่งขึ้น จนถึงวันนี้ คาร์ซัม อะคาเดมี่ ได้จัดหลักสูตรอบรมให้แก่นักเรียนแล้วมากกว่า 1,500 คน หรือคิดเป็นเวลาการฝึกอบรมมากกว่า 6,000 ชั่วโมง โดยในประเทศไทยนั้น สถาบันคาร์ซัม อะคาเดมี่ ก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายนที่ผ่านมา และตั้งอยู่ที่ ทรู ดิจิทัล พาร์ค พระโขนง ถือเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซซื้อขายรถยนต์มือสองครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทยที่นำเสนอหลักสูตรพัฒนาทักษะและศักยภาพในการตรวจสภาพรถยนต์ที่ได้รับการยอมรับและรับรองอย่างถูกต้องจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สช.)
ทางบริษัทฯ ยังได้สร้างพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อเสริมความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำตลาด ด้วยการนำเสนอโซลูชั่นที่ขับเคลื่อนด้วยการบูรณาการข้อมูลระหว่างพันธมิตรเพื่อส่งมอบคำมั่นสัญญาของ CARSOME แก่ลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น โดยครอบคลุมถึงการเข้าซื้อกิจการ 3 บริษัท ได้แก่ iCar Asia ผู้นำแพลตฟอร์มซื้อขายรถยนต์และสื่อโฆษณาที่เกี่ยวข้องในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ WapCar แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและผู้ผลิตคอนเทนต์ด้านยานยนต์ชั้นนำในภูมิภาค และ CarTimes ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ชั้นนำในสิงคโปร์การันตีด้วยรางวัลและประสบการณ์ดำเนินงานมาแล้วหลายสิบปี (ซึ่งในปัจจุบัน CARSOME ถือหุ้นอยู่ 51%)
ขับเคลื่อน CARSOME สู่โลกอนาคต
ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรหลากหลาย ปัจจุบัน CARSOME มียอดผู้เข้าใช้แพลตฟอร์มมากกว่า 14 ล้านคนต่อเดือน และมีเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายกว่า 20,000 ราย มาเลเซีย เมื่อไม่นานมานี้ CARSOME เป็นบริษัทกลุ่มแรก ๆ ที่ได้รับใบอนุญาตธนาคารดิจิทัล (Digital Banking License) ในฐานะที่เป็นสมาชิกของสมาคมที่นำโดย KAF Investment Bank ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของ CARSOME ที่เป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการขับเคลื่อนระบบนิเวศรถยนต์มือสอง พร้อมกับเสริมความสามารถในการสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงทางการเงินสำหรับกลุ่มคนรายได้น้อย
เฉิง กล่าวสรุปว่า “แม้ว่าเศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในช่วงภาวะถดถอย แต่ความต้องการรถยนต์มือสองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลับเติบโตอย่างต่อเนื่อง CARSOME เชื่อมั่นในโอกาสนี้และมั่นใจว่าเราจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า”
“เส้นทางกว่าจะมาเป็น CARSOME ในวันนี้เป็นสิ่งที่น่าประทับใจ ระหว่างการเดินทางพวกเรามีหลายช่วงเวลาแห่งความภาคภูมิใจเมื่อสามารถทำได้มากกว่าการแก้ปัญหาให้กับลูกค้า ไปจนถึงการนำนวัตกรรมเข้ามาปรับใช้ในอุตสาหกรรมที่เคยขับเคลื่อนด้วยแนวทางการปฏิบัติแบบเดิม ๆ ซึ่งเป็นระยะเวลากว่า 7 ปีแล้ว และพวกเราจะยังคงเดินหน้าต่อไป ด้วยความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบความอุ่นใจและประสบการณ์ที่ดีกว่าให้กับผู้บริโภคในการซื้อ-ขาย และเป็นเจ้าของรถยนต์มือสอง” เฉิง กล่าวเพิ่มเติม