เอ็มจี ประกาศความสำเร็จในปีที่ 5 ด้วยยอดขาย 50,000 คัน

“ขอบคุณ” คนไทยที่ให้การตอบรับรถยนต์เอ็มจีเป็นอย่างดี

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจี เผยภาพรวมของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีจากการแนะนำผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นด้านนวัตกรรมและสมรรถนะ พร้อมโชว์รูมที่ครอบคลุมทั่วประเทศ และบริการหลังการขายที่เหนือกว่า ทำให้บริษัทฯ สามารถมียอดขายรถยนต์รวมที่ 50,000 คัน ได้ในระยะเวลาไม่ถึง 5 ปีของการดำเนินงานในประเทศไทย   มั่นใจปีนี้ตลาดรถยนต์เติบโต  5 ถึง 10 %

มร.จาง ไห่โป กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด 

เปิดเผยถึงความสำเร็จของการดำเนินงานของเอ็มจีในประเทศไทยว่า “เอ็มจีต้องขอขอบคุณคนไทยที่ให้การต้อนรับผลิตภัณฑ์ของเอ็มจีเป็นอย่างดี รวมทั้งขอบคุณภาครัฐและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่ให้การสนับสนุนการดำเนินของบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมา จนกล่าวได้ว่าวันนี้เอ็มจีได้เติบโตอย่างมั่นคงในตลาดเมืองไทยซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดที่สำคัญของเรา ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าสานต่อการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องทั้งด้านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายซึ่งจะมาพร้อมนวัตกรรมยานยนต์ที่ทันสมัย การบริการที่เหนือมาตรฐาน ตลอดจนการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าให้กับลูกค้าของเอ็มจี และสร้างการเติบโตให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย”

สำหรับเอ็มจีเริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2556 โดยเริ่มจำหน่ายรถยนต์เอ็มจีรุ่นแรกในเดือนกรกฎาคม ปี 2557 และได้แนะนำรถยนต์ที่มาพร้อมนวัตกรรมยานยนต์อันทันสมัยสู่ตลาดเมืองไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นบริษัทรถยนต์รายแรกที่มีการติดตั้งซันรูฟ (Sunroof) ในรถยนต์ขนาดเล็ก และแนะนำระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ซึ่งเป็นระบบการเชื่อมต่ออัจฉริยะระบบแรกและระบบเดียวในโลกที่รองรับการสั่งการในรถด้วยเสียงภาษาไทย  พร้อมกับการพัฒนางานด้านบริการเพื่อให้สามารถดูแลลูกค้าแบบครบวงจร ในขณะที่การดำเนินงานด้านการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายก็เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยปัจจุบันเอ็มจีมีโชว์รูมกว่า 100 แห่งครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ

ในปี 2561 ที่ผ่านมา เอ็มจีมียอดขาย 23,740 คัน เติบโตขึ้นเกือบ 100% เมื่อเทียบกับปี 2560  ทั้งนี้ในต้นปี 2562 นี้ บริษัทฯ จะมียอดขายรถยนต์ในประเทศครบ 50,000 คัน ในระยะเวลาไม่ถึง 5 ปีของการดำเนินงาน นับตั้งแต่การขายรถยนต์คันแรกทั้งนี้การเติบโตดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจของเอ็มจีในประเทศไทยและแนวทางการบริหารงานที่เป็นเอกลักษณ์ จนสร้างการตอบรับจากลูกค้าชาวไทยได้เป็นอย่างดี

5 ปี 5 โมเดลยอดนิยม

ในเดือนกรกฎาคมปี 2557 เอ็มจีได้เริ่มจำหน่ายรถยนต์คันแรกคือ MG 6 รถยนต์นั่งในกลุ่มคอมแพ็คคาร์ (C-Segment) ดีไซน์สปอร์ต ซึ่งโดดเด่นทั้งในด้านการออกแบบ สมรรถนะ และความปลอดภัย จากนั้นในช่วงเดือนเมษายน 2558 ได้มีการแนะนำรถยนต์  MG 3 ที่มาพร้อมรูปลักษณ์และสีสันที่โดดเด่นพร้อมการติดตั้งซันรูฟ (Sunroof) ในรถยนต์ขนาดเล็กเป็นครั้งแรกของตลาดเมืองไทย ในช่วงครึ่งหลังของปี 2558 เอ็มจีได้แนะนำรถยนต์ MG 6 ใหม่ ที่มีการเพิ่มฟังก์ชั่นที่เหนือระดับพร้อมติดตั้งเทคโนโลยี inkaNet  และรถยนต์ MG 5 รถยนต์ในกลุ่มซับคอมแพ็คคาร์แบบ 4 ประตู สไตล์คูเป้ ที่ได้รับการออกแบบให้มีพื้นที่ห้องโดยสารขนาดใหญ่เทียบเท่ารถคอมแพ็คคาร์ ในปี 2559 ได้เปิดตัวรถยนต์ MG GS รถสปอร์ต SUV ที่มีสมรรถนะสูงรุ่นหนึ่ง ในปี 2560 แนะนำรถยนต์ MG ZS  สมาร์ทเอสยูวีที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART และล่าสุดในกลางปี 2561 ที่ผ่าน ได้มีการแนะนำ MG3 ใหม่ ซึ่งมาพร้อมระบบ i-SMART  และระบบความปลอดภัยครบครันซึ่งให้ความสนุกในการขับขี่มากยิ่งขึ้น

ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ของผู้ใช้รถด้วยนวัตกรรมอัจฉริยะ

จากวิสัยทัศน์หลักของเอสเอไอซี คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเอ็มจี ในการพัฒนารถยนต์แห่งอนาคตเพื่อให้ครอบคลุมไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ในทุกมิติ ด้วยการกำหนดแกนหลัก  4 ประการ กล่าวคือความเป็นอัจฉริยะ (Intelligent) การเชื่อมต่อเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตเข้ากับระบบภายในรถยนต์ (Internet) การใช้พลังงานทางเลือก (New Energy) และเป็นทรัพยากรที่สามารถใช้ร่วมกันได้ (Sharing) เอ็มจีจึงมุ่งมั่นในการนำเสนอนวัตกรรมยานยนต์เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่ของผู้ใช้รถและผลักดันเทคโนโลยีดังกล่าวสำหรับยานยนต์ในประเทศไทย โดยในปี 2558 เอ็มจีได้มีการแนะนำนวัตกรรมการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่กับรถยนต์เอ็มจีในแบบเรียลไทม์ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ภายใต้ชื่อ inkaNet  จากนั้นในปี 2559   เอ็มจีได้แนะนำระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART สู่ตลาดเมืองไทยอย่างเป็นทางการซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าคนไทยในฐานะระบบการเชื่อมต่ออัจฉริยะระบบแรกและระบบเดียวในโลกที่รองรับการสั่งการในรถด้วยเสียงภาษาไทยและยังสามารถเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ขับขี่  โดยเทคโนโลยี i-SMART ถูกนำมาใช้งานครั้งแรกในรถยนต์รุ่น MG ZS  ก่อนจะมีการติดตั้งใน MG3 ใหม่ และได้กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้รถทั้งสองรุ่นดังกล่าวได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าคนไทยและทำให้ยอดขายโดยรวมของเอ็มจีเติบโตขึ้นเท่าตัว

บริการที่ครอบคลุมและเหนือระดับ

เพื่อรองรับการเติบโตของฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เอ็มจีได้เปิดบริการหลังการขายเพื่อการดูแลลูกค้าที่ครบวงจรภายใต้ชื่อ “แพสชั่น เซอร์วิส”(Passion Service) ซึ่งได้แก่ การรับประกันคุณภาพนาน 4 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร  การบริการเช็คระยะและตรวจสอบสภาพรถนอกสถานที่ (Mobile Services) บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) บริการศูนยลูกค้าสัมพันธ์ (MG Call Centre) ตลอด 24 ชั่วโมง  อีกทั้งยังมีบริการรถสำรองใช้ระหว่างรอซ่อม เพื่อยกระดับความสะดวกสบายให้ลูกค้าเอ็มจี พร้อมโครงการรถมือสองคุณภาพเยี่ยม แอพพรูฟ เซอร์ติฟายด์ยูส คาร์ บาย เอ็มจี (APPROVED Certified Used Car by MG) เพื่อสร้างความมั่นใจและพึงพอใจสูงสุดใหญ่แก่ลูกค้าที่ใช้รถยนต์เอ็มจี

ขยายโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานที่ครอบคลุม ให้ผู้ใช้เอ็มจีอุ่นใจในการรับบริการทั่วประเทศ

การเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานที่ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศคือหนึ่งในปณิธานของเอ็มจีในการสร้างการบริการที่เหนือกว่าให้แก่ลูกค้าเอ็มจีทุกท่านที่ผ่านมา เอ็มจีได้มีการขยายการเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการไปทั่วประเทศแล้วกว่า 100 แห่ง และในปีพ.ศ. 2562 นี้ เอ็มจีตั้งเป้าที่จะขยายเพิ่มเป็น 140 แห่ง พร้อมการพัฒนาและยกระดับงานด้านการบริการให้เป็นมาตรฐานเดียวกันเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าของเอ็มจีว่าจะได้รับบริการที่เหนือกว่าและได้มาตรฐานในทุกโชว์รูม

ทุ่มงบลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาทเปิดโรงงานผลิตในประเทศ

จากความเชื่อมั่นในศักยภาพและเศรษฐกิจของประเทศไทย ผนวกกับความมุ่งมั่นที่จะยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศให้ก้าวหน้า  ในปี พ.ศ. 2560 เอ็มจีได้เปิดโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ด้วยงบการลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาทภายในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์น ซีบอร์ด แห่งที่ 2 จังหวัดชลบุรี โดยโรงงานแห่งใหม่บนพื้นที่กว่า 437 ไร่ นี้สามารถผลิตรถยนต์ได้สูงถึง 100,000 คันต่อปี เนื่องจากมีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย  มีการติดตั้งระบบตรวจสอบคุณภาพที่ได้รับมาตรฐานระดับโลก อีกทั้งเป็นโรงงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในปัจจุบันโรงงานแห่งนี้คือฐานการผลิตรถยนต์เอ็มจีพวงมาลัยขวาสำหรับจำหน่ายทั้งในประเทศไทย ภูมิภาคอาเซียนและทั่วโลก

เชื่อตลาดปี 2562 เติบโต 5 ถึง10%

เอ็มจีมั่นใจว่าตลาดอุตสาหกรรมรถยนต์ในปีพ.ศ. 2562 จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้บริษัทฯ ประมาณการณ์ว่าตลาดรถยนต์รถยนต์ไทยจะมีการเติบโตที่ราว 5 ถึง 10%  และตั้งเป้ายอดขายรวมของบริษัทฯ ไว้ที่ 50,000 คัน  โดยในปีนี้บริษัทฯ ได้ขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และเตรียมแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีนวัตกรรมยานยนต์ที่ทันสมัยอีกหลายรุ่นเพื่อขยายฐานลูกค้าเอ็มจี รวมไปถึงการยกระดับงานด้านการบริการ พร้อมจัดกิจกรรมทางการตลาดและส่งเสริมการขายรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี