เอ็ม เอ เอ็น เผยแนวทางเลือกซื้อรถบรรทุกเพื่อส่งเสริมธุรกิจของผู้ประกอบการไทย

โดย คุณจักรพงษ์ ศานติรัตน์ ผู้อำนวยการ เอ็ม เอ เอ็น ทรัค แอนด์ บัส ประเทศไทย

สำหรับผู้ประกอบการวงการโลจิสติกส์และภาคการขนส่งตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ รถบรรทุก ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการสร้างและขยายเครือข่ายทางธุรกิจ และเป็นพาหนะขนส่งที่ผู้ประกอบการส่วนมากนิยมใช้เพราะมีขนาดที่สามารถบรรทุกสินค้าได้ในปริมาณมาก ขนส่งได้อย่างสะดวกรวดเร็ว อีกทั้งเข้าถึงพื้นที่ต่างๆได้อย่างครอบคลุม อย่างไรก็ตามรถบรรทุกก็ยังเป็นเครื่องมือที่มาพร้อมต้นทุนค่าใช้จ่ายทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น ค่าซ่อมบำรุงรักษา ค่าน้ำมัน ค่าอุปกรณ์อะไหล่ ค่าประกันรถ และอื่นๆอีกมากมาย หากธุรกิจมีขนาดใหญ่ก็จำเป็นต้องใช้รถขนาดใหญ่และจำนวนมากซึ่งยิ่งเพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับผู้ประกอบการมากขึ้นเท่านั้น

เอ็ม เอ เอ็น ทรัค แอนด์ บัส ประเทศไทย ผู้นำนวัตกรรมด้านยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ชั้นนำจากประเทศเยอรมนี มีประสบการณ์ด้านการจำหน่ายและให้บริการรถบรรทุกคุณภาพสูงแก่ผู้ประกอบการไทยหลายรายในวงการขนส่งและโลจิสติกส์ ในการนำรถบรรทุกไปใช้เพื่อสร้างและขับเคลื่อนธุรกิจ ทำให้เข้าใจถึงความต้องการของผู้ประกอบการในการประหยัดต้นทุนด้านการขนส่งและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษารถบรรทุก ซึ่งเป็นอีกด้านในการเพิ่มรายได้ทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ เอ็ม เอ เอ็น จึงมีข้อแนะนำที่อยากส่งต่อให้ผู้ประกอบสำหรับพิจารณาในการเลือกซื้อรถบรรทุก เพื่อความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุดของธุรกิจ ดังนี้

เลือกรถบรรทุกที่เหมาะกับลักษณะการใช้งาน

ธุรกิจในแต่ละอุตสาหกรรมควรเลือกสรรรถบรรทุกที่เหมาะกับลักษณะการใช้งานเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะเป็น ประเภท ขนาด และน้ำหนักของสินค้า ระยะทางการขนส่ง หรือแม้กระทั่งลักษณะการขับขี่ของผู้ขับ เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพรวมถึงเพื่อความปลอดภัยของสินค้า ปัจจุบันแบรนด์รถบรรทุกมอบตัวเลือกสินค้าที่หลากหลายเพื่อความเหมาะสมและประโยชน์สูงสุดของผู้ประกอบการ โดยเอ็ม เอ เอ็ม เป็นหนึ่งในแบรนด์รถบรรทุกที่สามารถให้ลูกค้าปรับแต่งอุปกรณ์ต่างๆของรถบรรทุก (Tailor-made) ได้ทั้งภายนอกและภายในตามความต้องการ ให้ลูกค้าได้เป็นเจ้าของรถบรรทุกที่มีสมรรถนะ เครื่องยนต์ รวมถึงฟังก์ชันที่ต้องการได้อย่างครบถ้วนเพื่อประโยชน์ต่อการสร้างธุรกิจ

นอกจากนี้การที่ผู้ประกอบการหรือพนักงานขับขี่ได้มีโอกาสทดลองขับรถบบรรทุกจริง (Test drive) นับเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยให้สามารถตัดสินใจเลือกซื้อรถบรรทุกได้ดียิ่งขึ้น หากผู้ประกอบการสนใจรถบรรทุกไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใดหรือรุ่นใด ควรมีโอกาสได้ลอง Test drive ทดลองขับขี่จริงเพื่อสัมผัสคุณภาพระบบเกียร์และระบบเบรก รวมถึงสมรรถนะการขับขี่ของตัวรถ และการยึดเกาะถนน ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจและความสะดวกสบายในการขับขี่ เนื่องจากการขับรถบรรทุกขนส่งสินค้านั้นเป็นการเดินทางทั้งระยะทางใกล้และไกล หากรถบรรทุกมีเทคโนโลยีที่เอื้อให้ผู้ขับขี่สามารถขับได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น อาทิ รถบรรทุกที่มีระบบขับขี่โดยใช้ระยะควบคุมความเร็ว (Cruise control) และระบบการรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า ก็สามารถช่วยลดความเหนื่อยล้าและเพิ่มความปลอดภัยให้กับทั้งผู้ขับขี่และสินค้า

สมรรถนะที่คงทนและยั่งยืนคือหัวใจสำคัญของรถบรรทุก

มาตรฐานการผลิตและเทคโนโลยีของรถบรรทุกถือเป็นหัวใจสำคัญที่กำหนดคุณภาพและอายุการใช้งาน รวมถึงความปลอดภัยในการขับขี่ หากตัวรถและอะไหล่รถบรรทุกผ่านการผลิตและพัฒนาด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงที่มีประสิทธิภาพ ก็จะป้องกันการเสื่อมสภาพและการเกิดสนิมของตัวอะไหล่ ช่วยให้รถบรรทุกมีอายุการใช้งานที่ยั่งยืน และทรงประสิทธิภาพตลอดอายุการใช้งาน สร้างความปลอดภัยทั้งการขับขี่และสินค้าของผู้ประกอบการ และเนื่องจากรถบรรทุกเป็นรถขนาดใหญ่ที่ต้องใช้น้ำมันปริมาณมากในการขนส่งแต่ละครั้งซึ่งเป็นการเพิ่มต้นทุนค่าใช้จ่ายให้กับผู้ประกอบการ ดังนั้นการเลือกซื้อรถบรรทุกที่มีประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการจนส่งได้ตลอดการใช้งาน

ผู้ประกอบการควรคำนึงถึงเทคโนโลยีที่แบรนด์ผู้ผลิตใช้ในการพัฒนารถบรรทุกว่ามีความทันสมัย สามารถการันตีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงสุดด้านการประหยัดพลังงานหรือไม่ ซึ่งรถบรรทุกของเอ็ม เอ เอ็น ทุกคันผลิตและนำเข้าทั้งคันแบบ CBU 100% จากประเทศเยอรมนี มั่นใจได้ว่าทั้งสมรรถนะ ประสิทธิภาพ และเทคโนโลยีของรถบรรทุกนั้นมีความแข็งแกร่ง ทนทาน ตรงตามมาตรฐานผู้ผลิตรถบรรทุกชั้นนำระดับโลก รวมถึงใช้เทคโนโลยีทันสมัยที่ช่วยประหยัดน้ำมันสูงสุด เนื่องจากเอ็ม เอ เอ็น เล็งเห็นถึงความสำคัญในการช่วยผู้ประกอบการลดต้นทุนทางธุรกิจ รวมถึงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในร่วมลดการปล่อยมลพิษในอากาศและพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

การรับประกันที่ครอบคลุมและบริการหลังการขายแบบครบวงจร

สิ่งหนึ่งที่เราพบว่าเป็นปัญหาสำหรับผู้ประกอบการหลายรายหลังจากซื้อรถบรรทุกและนำรถออกจากศูนย์แล้ว คือ บริการหลังการขายที่ไม่ได้มาตรฐานและการรับประกันที่ไม่ครอบคลุมเพียงพอ กลายเป็นการสร้างภาระค่าใช้จ่ายและทำให้ผู้ประกอบการเสียโอกาสทางธุรกิจ เนื่องจากเมื่อรถมีปัญหาแล้วต้องขับรถมาที่ศูนย์บริการด้วยตัวเองและใช้ระยะเวลาหลายวันกว่าจะสามารถนำรถกลับไปใช้งานได้อย่างเดิม ดังนั้นการพิจารณาเงื่อนไขการรับประกันและบริการหลังการขายให้ถี่ถ้วนก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อรถบรรทุก โดยบริการหลังการขายและการรับประกันควรให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุม ได้มาตรฐานและมีระยะเวลาที่เหมาะสม อาทิ บริการซ่อมและคุ้มครองชิ้นส่วนอะไหล่ บริการบำรุงรักษา และ บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน และระยะเวลาในการรับประกันควรครอบคลุมอย่างน้อย 2 ปี โดยรถบรรทุกทุกคันของเอ็ม เอ เอ็น ที่จำหน่ายในประเทศไทย จะได้การรับประกันที่ครอบคลุมทั้ง ตัวรถ ระบบขับเคลื่อนและตัวอะไหล่ รวมถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมง ไม่จำกัดระยะทาง การรับประกันคุณภาพของอะไหล่ 24 เดือน รวมถึงบริการ Onsite Service ซ่อมบำรุงรักษาให้บริการถึงที่ทั่วประเทศไทย โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ช่วยลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้าซ่อมบำรุงแต่ละครั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจและประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า

การเลือกซื้อรถบรรทุกที่มีคุณภาพ รองรับการใช้งานตรงที่ต้องการ และมีบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐาน เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมและขยายธุรกิจให้ผู้ประกอบการ นอกจากนี้รถบรรทุกที่มีคุณภาพสูงจะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถขับรถบรรทุกได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย เป็นการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของพนักงานขับรถและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเช่นกัน

สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมหรือทดลองขับรถบรรทุก เอ็ม เอ เอ็น สามารถติดต่อ ได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก MAN Truck and Bus Thailand หรือติดตามข้อมูลข่าวสารของ เอ็ม เอ เอ็น ได้ทางเว็บไซต์ www.man-truckbus-asia.com