เปิดตัวรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในปี 2565
ยลโฉมรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู พรีเมี่ยมคาร์ยอดนิยม ทั้ง 5 รุ่น ที่เตรียมเปิดตัวในปี 2565
บีเอ็มดับเบิลยู 430i Convertible M Sport ใหม่
ราคาจำหน่าย: ราคาโดยประมาณ 4,300,000 – 4,500,000 บาท (รอประกาศราคาอย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้)
บีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 4 สร้างนิยามใหม่ให้แก่สุนทรียภาพแห่งการขับขี่ในเซกเมนต์รถยนต์พรีเมียมขนาดกลาง ผสมผสานทั้งความแข็งแกร่งทรงพลัง ความหรูหราอันเป็นเอกลักษณ์ และตำนานสุดยอดความสปอร์ตของบีเอ็มดับเบิลยู ในดีไซน์ที่โดดเด่นสะดุดตาจากทุกมุมมอง หลอมรวมรูปลักษณ์ที่คุ้นเคยของรถสปอร์ตสองประตูและปรัชญาการดีไซน์ใหม่ที่ล้ำสมัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว โดยครั้งนี้มาในรูปแบบการขับขี่แบบเปิดประทุนในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู 430i Convertible M Sport ใหม่
รูปโฉมด้านหน้ารถประกาศถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่ซ้ำใครด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่แนวตั้งขนาดใหญ่ที่ยาวลงมาใกล้ขอบกันชนหน้า ไฟหน้าทรงเรียวของบีเอ็มดับเบิลยู 430i Convertible M Sport ใหม่ออกแบบให้ลากยาวไปถึงซุ้มล้อหน้า ระยะระหว่างล้อหน้าและส่วนหน้าสุดของรถสั้นปราดเปรียวยิ่งขึ้น โครงสร้างเสาได้รับการออกแบบให้เพรียวยิ่งขึ้นสอดรับกับความยาวของประตูและหน้าต่างไร้ขอบ รวมถึงแนวหลังคาที่ล้วนสะท้อนถึงความสง่างามของรถยนต์ซีรีส์ 4 คันนี้ ท้ายรถมอบความรู้สึกโฉบเฉี่ยวทรงพลังด้วยไฟท้าย LED ทรงเรียวยาวรูปตัว L พร้อมแต่งสีหม่นให้มาดขรึมอย่างทรงพลัง คาลิเปอร์เบรกดีไซน์ M Sport สีแดงเงา และชุดแต่ง M Aerodynamics ส่งให้รถเปิดประทุนคันนี้ดูโฉบเฉี่ยวมีสไตล์ยิ่งขึ้น ในขณะที่ระบบปลดล็อกประตูอัจฉริยะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายกว่าเคย หลังคาผ้าแบบอ่อนทำงานด้วยระบบไฟฟ้าเพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารเพลิดเพลินไปกับสุนทรียภาพแห่งการขับขี่ได้ในทุกสภาพอากาศ
เบาะนั่งตอนหน้าดีไซน์ Sport และพวงมาลัยหุ้มหนัง M Sport มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในบีเอ็มดับเบิลยู 430i Convertible M Sport ใหม่ คอนโซลด้านบนบุด้วยหนัง Sensatec และจอ Control Display ขนาด 10.25 นิ้ว มอบพื้นที่หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ ส่วนระบบช่วยโหลดสัมภาระ (Loading Assistant) ช่วยให้การจัดเก็บและขนย้ายสัมภาระในรถยนต์เปิดประทุนรุ่นนี้สะดวกสบายยิ่งขึ้น
บีเอ็มดับเบิลยู 430i Convertible M Sport ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo มอบสมรรถนะการขับขี่ได้เต็มพิกัด ส่งพละกำลังสูงสุด 190 กิโลวัตต์ / 258 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ระหว่าง 1,550 และ 4,400 รอบต่อนาที จึงเร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 6.2 วินาที ส่วนชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Sport Steptronic พร้อมช่วงล่าง M Sport ได้รับการพัฒนาใหม่ให้มอบการควบคุมที่ปราดเปรียวมากยิ่งขึ้น มาพร้อมล้ออัลลอย M น้ำหนักเบาขนาด 19 นิ้ว ลาย Double-Spoke แบบสลับสี
บีเอ็มดับเบิลยู 430i Convertible M Sport ใหม่ ยังมาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ล้ำสมัยมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชั่น Stop&Go ระบบช่วยการขับขี่ ระบบเซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอด และเซนเซอร์ควบคุมความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน นอกจากนี้ ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู 430i Convertible M Sport ใหม่ ยังสามารถใช้ประโยชน์จากบริการด้านดิจิทัลผ่านหน้าจอ BMW Live Cockpit Professional โดยสามารถตั้งค่าการแสดงผลต่าง ๆ ตามความชอบส่วนบุคคล หรือเลือกช่องทางในการเชื่อมต่อสื่อสารและควบคุมได้ตามความถนัด ทั้งผ่านจอ Control Display ระบบสัมผัส ระบบ iDrive ปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชั่นบนพวงมาลัย ระบบการสั่งงานด้วยเสียงที่มาพร้อมกับระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon และเสริมความสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยระบบ BMW Intelligent Personal Assistant และการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดผ่านบริการ BMW ConnectedDrive
บีเอ็มดับเบิลยู 430i Convertible M Sport ใหม่ มาใน 4 สีตัวถัง ซึ่งรวมไปถึงสีดำ Black Sapphire สีขาว Mineral White สีเทา M Brooklyn Grey และสีน้ำเงิน Tanzanite Blue
บีเอ็มดับเบิลยู X6 xDrive40i M Sport ใหม่ (รุ่นประกอบในประเทศ)
ราคาจำหน่าย: 5,499,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard)
บีเอ็มดับเบิลยู X6 xDrive40i M Sport ใหม่ เป็นรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู X6 เจเนอเรชั่นที่สาม ซึ่งประกอบขึ้นในประเทศไทย มาพร้อมกับดีไซน์อันเฉียบคมดุดันและภาพลักษณ์ที่สะท้อนถึงความมั่นใจ ทรงอำนาจและความแข็งแกร่ง ภายนอกมาพร้อมกับความยาวตัวรถที่ 4,935 มิลลิเมตร ความกว้างที่ 2,004 มิลลิเมตร และความสูงที่ 1,696 มิลลิเมตร ลดลง 6 มิลลิเมตร จากรุ่นก่อนหน้า ผสมผสานสัดส่วนที่ขยายออกอย่างปราดเปรียว เติมเต็มภาพลักษณ์ทรงพลังยิ่งขึ้น กระจังหน้ารูปไตคู่ขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยกรอบที่เชื่อมต่อกันเป็นชิ้นเดียว ทำมุมรับกับไฟหน้าอย่างชัดเจนกว่าเดิม พร้อมไฟส่องสว่าง “Iconic Glow” มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เสริมรูปลักษณ์ภายนอกให้หรูหราดูเอ็กซ์คลูซีฟยิ่งขึ้น โดยแผงกระจังหน้าจะส่องแสงเมื่อเปิดหรือปิดประตูรถยนต์ แต่ผู้ขับสามารถสั่งเปิดหรือปิดไฟกระจังหน้าได้ด้วยตัวเองเช่นกัน รวมทั้งยังเปิดใช้ในขณะขับขี่ได้อีกด้วย
บีเอ็มดับเบิลยู X6 xDrive40i M Sport ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุดถึง 250 กิโลวัตต์ / 340 แรงม้า ที่ 5,500 – 6,500 รอบต่อนาที จึงมอบแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 5,200 รอบต่อนาที สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 5.7 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ xDrive เจเนอเรชั่นล่าสุด ส่งแรงบิดแบ่งล้อหน้าและหลังได้หลากหลายรูปแบบตามความต้องการในแต่ละสถานการณ์ด้วยความแม่นยำและความเร็วที่มากยิ่งขึ้น การตอบสนองแบบสปอร์ตของบีเอ็มดับเบิลยู X6 ใหม่ ถูกเสริมด้วยช่วงล่างแบบถุงลมสามารถปรับระดับอัตโนมัติ ส่งให้ช่วงล่างทรงประสิทธิภาพอย่างสมบูรณ์แบบ เติมเต็มสุดยอดความปราดเปรียวและการขับขี่ที่สะดวกสบายบนท้องถนน ทั้งยังช่วยยึดเกาะถนนได้อย่างมั่นคงแม้ในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย
ด้านข้างตัวรถคงไว้ซึ่งสัดส่วนที่คุ้นเคยกันดีของบีเอ็มดับเบิลยูด้วยเส้นสายลากผ่านซึ่งระบุถึงตัวตนได้อย่างชัดเจนและหลังคาที่ทำองศาโค้งอย่างปราดเปรียว ล้ออัลลอย M น้ำหนักเบา ขนาด 22 นิ้ว ลาย Double Spoke แบบสลับสี มาพร้อมกับซุ้มล้อทรงแปดเหลี่ยมมน
ส่วนช่องระบายอากาศสีเดียวกับตัวถังผสมผสานเข้ากับซุ้มล้อที่โดดเด่น เน้นย้ำรูปลักษณ์ภายนอกให้ปราดเปรียวยิ่งขึ้น ส่วนท้ายรถของบีเอ็มดับเบิลยู X6 ใหม่ มอบเค้าโครงอันแข็งแกร่งด้วยเส้นสายตัวถังที่ทรงพลัง เสริมรูปลักษณ์แข็งแกร่งด้วยไฟท้าย LED ขนาดกว้างรูปตัว L ส่วนประตูท้ายรถผสานอย่างไร้รอยต่อเป็นหนึ่งเดียวกับเส้นแนวขวางของตัวถังได้อย่างกลมกลืน
ภายในห้องผู้โดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู X6 xDrive40i M Sport ใหม่ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เอ็กซ์คลูซีฟและปราดเปรียวยิ่งขึ้น ดีไซน์บริเวณที่นั่งคนขับมาพร้อมกับการจัดวางแผงควบคุมแบบใหม่ที่ตอบรับกับปรัชญาอันโดดเด่นของบีเอ็มดับเบิลยูซึ่งคำนึงถึงผู้ขับขี่เป็นสำคัญ นอกจากนี้การออกแบบเบาะที่นั่งให้สูงขึ้นยังช่วยให้ผู้ขับขี่มีทัศนวิสัยในการขับขี่ได้อย่างครอบคลุมที่สุดอีกด้วย ด้านแพ็คเกจชุดแต่ง M Sport เสริมมาดความปราดเปรียวของบีเอ็มดับเบิลยู X6 รุ่นใหม่ ด้วยพวงมาลัยหุ้มหนังและเข็มขัดนิรภัยดีไซน์ M ภายในยังตกแต่งดีไซน์ M ด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ เพดานหลังคาภายในสี Anthracite นอกจากนี้ยังมอบการใช้งานที่หลากหลายด้วยพนักพิงเบาะหลังแบ่งพับแบบ 40:20:40 ซึ่งสามารถพับเก็บเพื่อเพิ่มความจุของพื้นที่จากเดิม 580 ลิตร เป็น 1,530 ลิตร สำหรับอุปกรณ์เสริมไฮไลท์อื่นๆ ได้แก่ ฟังก์ชั่นสั่งงานระบบ iDrive ด้วยการเคลื่อนไหวมือ BMW Gesture Control ที่วางแก้วน้ำปรับอุณหภูมิพร้อมการชาร์จแบบไร้สาย หลังคากระจกแบบ Panorama Sky Lounge และระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon
นอกจากฟังก์ชันที่เพิ่มเติมมามากมาย ระบบภายในรถยนต์ยังทำงานอย่างทรงประสิทธิภาพในการเสริมความสะดวกสบายและความปลอดภัย อุปกรณ์มาตรฐานของบีเอ็มดับเบิลยู X6 xDrive40i M Sport ใหม่ มาพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน Stop&Go ด้านระบบช่วยเหลือการขับขี่ Driving Assistant และระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ เสริมความสะดวกสบายและความปลอดภัยอันเหนือชั้น ระบบผู้ช่วยส่วนตัวในรถยนต์ BMW Intelligent Personal Assistant พร้อมมอบทุกความช่วยเหลือให้กับผู้ขับขี่ ส่วนระบบ BMW Live Cockpit Professional ในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู X6 xDrive40i M Sport ใหม่ ผสมผสานหน้าจอแสดงผลรุ่นใหม่และแนวคิดการใช้งานเข้ากับระบบการเชื่อมต่อที่ครบครันกว่าใคร บนแผงหน้าปัดและจอแสดงผลความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้ว
รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู X6 xDrive40i M Sport ใหม่ มาใน 3 สีตัวถัง คือสีดำ Black Sapphire, สี Manhattan Metallic และสีขาว Mineral White
บีเอ็มดับเบิลยู X7 xDrive40d M Sport ใหม่ (รุ่นประกอบในประเทศ)
ราคาจำหน่าย: ราคาโดยประมาณ 6,100,000-6,300,000 บาท (รอประกาศราคาอย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้)
บีเอ็มดับเบิลยู X7 xDrive40d M Sport ใหม่ รถยนต์หรูในเซกเมนต์รถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ (SAV) เผยโฉมอีกหนึ่งรุ่นประกอบในประเทศ โดยสมาชิกรุ่นใหญ่ที่สุดในตระกูล X รุ่นนี้ หลอมรวมทั้งความคล่องตัว ความทรงพลัง และความโอ่อ่าเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ทั้งยังมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนชั้นเลิศ แต่ยังคงไว้ซึ่งความสะดวกสบายด้วยตัวรถที่กว้างขวางในทุกมิติ
บีเอ็มดับเบิลยู X7 xDrive40d M Sport ใหม่ มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบรุ่นใหม่ พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo และระบบ Mild Hybrid ขนาด 48 โวลต์ ส่งพละกำลังสูงสุด 250 กิโลวัตต์ / 340 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตรที่ 1,750 – 2,250 รอบต่อนาที พร้อมโลดแล่นสู่ความเร็วสูงสุดที่ 243 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เร่งความเร็วจาก 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 6.1 วินาที เครื่องยนต์นี้ทำงานสอดประสานกับเกียร์อัตโนมัติ Sport Steptronic 8 จังหวะ ช่วงล่างแบบถุงลมสามารถปรับระดับอัตโนมัติ และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive จึงมอบความนุ่มสบายเหนือระดับ การควบคุมที่เฉียบคม และความปราดเปรียวอันทรงพลัง ขณะที่ระบบควบคุมช่วงล่าง Executive Drive Pro เสริมความมั่นใจด้วยเสถียรภาพที่เหนือกว่าในทุกจังหวะการขับขี่
และอีกหนึ่งไฮไลท์ของบีเอ็มดับเบิลยู X7 xDrive40d M Sport ใหม่ ยังเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ประกอบขึ้น ณ โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ในจังหวัดระยอง ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Mild Hybrid ขนาด 48 โวลต์ ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ดีเซลที่ผ่านมาตรฐานยูโร 5 และรองรับสาร AdBlue ช่วยลดการปล่อยมลพิษได้มากกว่าเครื่องยนต์ดีเซลทั่วไป โดยระบบ Mild Hybrid จะใช้การทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังไฟขนาด 48 โวลต์ มาช่วยเสริมพละกำลังการขับเคลื่อนของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นอีกถึง 8 กิโลวัตต์ / 11 แรงม้า ส่งแรงทันใจโดยเฉพาะในช่วงออกตัวและจังหวะเร่ง ในขณะเดียวกันก็ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ล่าสุดที่สามารถลดไนโตรเจนออกไซด์ในไอเสียด้วยสารAdBlue จึงทำให้บีเอ็มดับเบิลยู X7 xDrive40d M Sport ใหม่ สามารถมอบประสบการณ์การขับขี่เร็วแรงทันใจและยังลดการปล่อยมลพิษได้อย่างเหนือชั้น
ดีไซน์ที่สง่างามของบีเอ็มดับเบิลยู X7 xDrive40d M Sport ใหม่ ได้รับการถ่ายทอดผ่านปรัชญาการออกแบบที่ล้ำสมัยและเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู พร้อมเสริมรูปลักษณ์สปอร์ตทรงพลังด้วยชุดแต่ง M Sport ขณะที่ระบบท่อไอเสียในสไตล์ M Sport มอบเสียงเครื่องยนต์กังวานสอดประสานกับพละกำลังและความสง่างามของตัวรถ และเติมบุคลิกความแรงอย่างลงตัวด้วยเบรก M Sport และพวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M
รูปลักษณ์ภาพนอกประกาศถึงความทรงพลังบนท้องถนนด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ ขนาบข้างด้วย
ไฟหน้าล้ำสมัย BMW Laserlight เส้นสายการดีไซน์ที่เฉียบคมบนตัวถังขนาดใหญ่สะท้อนถึงความปราดเปรียว เรียบง่ายและบึกบึน มาพร้อมล้ออัลลอยน้ำหนักเบา BMW Individual ลาย Y-spoke แบบสลับสีขนาด 22 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารมาพร้อมเบาะนั่งแบบสามแถว รวม 7 ที่นั่ง ทุกที่นั่งสามารถปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า มอบความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร โดยสำหรับเบาะที่นั่งตอนหน้ายังมาพร้อมกับระบบระบายอากาศและฟังก์ชันนวดผ่อนคลาย เบาะที่นั่งบุด้วยหนังแท้ Merino เนื้อละเอียดจาก BMW Individual หรูหราขึ้นไปอีกขั้นด้วยการตกแต่งห้องโดยสารด้วยลายไม้สีดำเงา ‘Fineline’ แบบ metal effect มอบความภูมิฐานสง่างาม ตกแต่งภายในด้วยผลึกแก้ว ‘CraftedClarity’ พร้อมชุดไฟ Ambient light ชุดไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร เพดานแบบ Panorama glass roof Sky Lounge ที่เพิ่มความโปร่งอย่างโอ่อ่าเหนือระดับ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 5 โซน และระบบความบันเทิงพร้อมจอภาพสำหรับผู้โดยสารตอนหลังรุ่น Professional อีกสองจอ ส่วนห้องเก็บสัมภาระท้ายรถมีปริมาตรความจุ 750 ลิตร และเพิ่มได้สูงสุดถึง 1,050 ลิตร เมื่อพับเบาะแถว 3 และแถว 2 ตามลำดับ ออกแบบมาเพื่อตอบทุกโจทย์การขับขี่
บีเอ็มดับเบิลยู X7 ใหม่ มอบความล้ำสมัยและความปลอดภัยยิ่งกว่าด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ใหม่ล่าสุด
ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติรุ่น Plus (Parking Assistant Plus) ระบบช่วยการขับขี่่ (Driving Assistant) และระบบความบันเทิงและสื่อสารรุ่นล่าสุดอย่าง BMW Live Cockpit Professional พร้อมจอ Control Display ขนาด 12.3 นิ้ว ระบบ BMW ConnectedDrive และระบบ BMW Intelligent Personal Assistant ซึ่งสามารถควบคุมผ่านระบบสั่งการด้วยเสียงได้อย่างง่ายดาย มอบความสะดวกสบายตามความต้องการของผู้ขับขี่ในทุกเส้นทาง
นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยูยังมุ่งมั่นในการปูรากฐานสู่อนาคตแห่งรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ด้วยฟังก์ชั่นอย่าง Reversing Assistant ซึ่งจะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ขับขี่ขณะถอยจอดหรือถอยออกจากที่แคบอัตโนมัติ เป็นส่วนหนึ่งของระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ Parking Assistant ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถถอยออกจากบริเวณที่มีพื้นที่แคบได้อย่างง่ายดายแม้จะมีมุมมองที่จำกัด โดยฟังก์ชั่นดังกล่าวจะจดจำองศาการเลี้ยวของพวงมาลัยขณะขับเข้าไปยังพื้นที่แคบด้วยความเร็วไม่เกิน 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก่อนจะถอยรถออกมาตามเส้นทางเดิมได้เป็นระยะทางสูงสุด 50 เมตร ซึ่งระบบจะสามารถจดจำองศาการเลี้ยวดังกล่าวไว้ได้เป็นระยะเวลายาวนาน ทำให้ผู้ขับขี่สามารถถอยออกจากที่จอดรถได้ แม้จะจอดทิ้งไว้ข้ามคืนหรือเป็นระยะเวลาหลายวัน
บีเอ็มดับเบิลยู X7 xDrive40d M Sport ใหม่ มาให้เลือกในห้าสี ได้แก่ สีเทา Arctic Grey Brilliant Effect, สีดำ Black Sapphire Metallic, สีดำ Carbon Black Metallic, สีขาว Mineral White Metallic และสีน้ำเงิน Phytonic Blue
บีเอ็มดับเบิลยู i4 M50 ใหม่
ราคาจำหน่าย: 4,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard นาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง)
บีเอ็มดับเบิลยู i4 eDrive40 M Sport ใหม่
ราคาจำหน่าย: 4,499,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard นาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง)
ฟรี BMW Wallbox พร้อมติดตั้ง สำหรับลูกค้า 22 ท่านที่จองออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป
ครั้งแรกของการผนวกความเพลิดเพลินในการขับขี่แบบปราศจากมลพิษกับรถยนต์นั่งขนาดกลาง บีเอ็มดับเบิลยู i4 ถือเป็น Gran Coupé สี่ประตูที่ผสมผสานความโอ่อ่ากว้างขวางภายในตัวรถเข้ากับการใช้งานจริง พร้อมโลดแล่นบนท้องถนนกับความโฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ตซึ่งเป็นความโดดเด่นของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู รวมถึงคุณสมบัติหลากหลายที่ทำให้การเดินทางไกลอุ่นใจยิ่งขึ้น เอกลักษณ์ความพรีเมียมที่ถูกสะท้อนให้เห็นในระบบขับเคลื่อนและเทคโนโลยีแชสซีที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง รวมไปถึงการออกแบบที่หรูหรา มาตรฐานคุณภาพของวัสดุ และฝีมือในการผลิตอันเหนือชั้น ตลอดจนออปชันอีกมากมายที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย นอกจากนี้ ระบบควบคุมและระบบปฏิบัติการ BMW iDrive รุ่นใหม่ พร้อมนวัตกรรมล้ำสมัยของระบบขับขี่และระบบการจอดอัตโนมัติ ยังช่วยเพิ่มสุนทรียภาพทางอารมณ์ในทุกประสบการณ์การขับขี่อีกด้วย
บีเอ็มดับเบิลยู i4 มาพร้อมเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าของบีเอ็มดับเบิลยูที่ให้ความสำคัญกับสมรรถนะการขับขี่อย่างแท้จริง ประกอบด้วยสองรุ่นย่อยคือ บีเอ็มดับเบิลยู i4 M50 ใหม่ รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M รุ่นแรกจาก M GmbH ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนปราศจากมลพิษ (อัตราการใช้ไฟฟ้ารวม 22.5 – 18 กิโลวัตต์ชั่วโมง / 100 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 0 กรัม / กิโลเมตร) ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวบริเวณเพลาหน้าและด้านหลังของรถ ส่งพลังได้ถึง 400 กิโลวัตต์ / 544 แรงม้า มอบความเพลิดเพลินในการขับขี่ได้ยิ่งกว่า ทั้งยังทำระยะวิ่งได้สูงสุดถึง 521 กิโลเมตร ตามมาตรฐานทดสอบ WLTP ด้านบีเอ็มดับเบิลยู i4 eDrive40 M Sport ใหม่ (อัตราการใช้ไฟฟ้ารวม 19.1 – 16.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง / 100 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 0 กรัม/กิโลเมตร) ผสมผสานมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 250 กิโลวัตต์ / 340 แรงม้า เข้ากับระบบขับเคลื่อนล้อหลังแบบคลาสสิก มอบระยะวิ่งสูงสุดถึง 590 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP
แนวคิดการออกแบบยนตรกรรมของบีเอ็มดับเบิลยู i4 ตอบโจทย์ทั้งในด้านการขับขี่แบบสปอร์ตและความสามารถในการทำระยะทาง ด้วยเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนที่ทรงประสิทธิภาพ การออกแบบเน้นน้ำหนักเบาที่เสริมสมรรถนะให้ปราดเปรียวยิ่งขึ้น และระยะทางขับขี่ที่ทำได้ไกลยิ่งกว่า โดยไม่จำเป็นต้องใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่น้ำหนักมาก ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป และประสบการณ์ที่ยาวนานในการพัฒนารถยนต์ระดับพรีเมียมสไตล์สปอร์ต ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู i4 มีความคล่องแคล่วปราดเปรียว ส่งพลังเร่งเครื่องได้อย่างเหนือชั้นเต็มกำลังรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ผลลัพธ์ที่ได้คือการขับเคลื่อนที่ทำได้อย่างง่ายดายแม้ขับขี่ในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย และการควบคุมที่แม่นยำ
ด้านมอเตอร์เน้นสมรรถนะทรงพลังด้วยแรงบิดที่สูง ยิ่งไปกว่านั้น บีเอ็มดับเบิลยู i4 M50 ใหม่ ยังสามารถเข้าสู่โหมด Sport Boost ผ่านการดึงพลังงานมหาศาลภายในเวลาเพียงกว่าสิบวินาที ซึ่งนอกจากจะช่วยส่งพละกำลังสูงสุดจากระบบขับเคลื่อนแล้ว ยังให้แรงบิดสูงสุดที่ 795 นิวตันเมตร จึงเร่งความเร็วจาก 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 3.9 วินาที ส่วนบีเอ็มดับเบิลยู i4 eDrive40 M Sport ใหม่ มาพร้อมกับแรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร มอบอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ 5.7 วินาที ประสบการณ์การขับขี่แบบสปอร์ตยังมาพร้อมกับเสียงอันทรงพลังที่ีตอบสองในจังหวะการเร่งเครื่องซึ่ง่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น นอกจากนี้ ระบบ BMW lconicSounds Electric ยังมาพร้อมกับเสียงประกอบต่าง ๆ ที่สร้างสรรค์ผ่านความร่วมมือระหว่างบีเอ็มดับเบิลยูและ Hans Zimmer นักประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์ชื่อดัง
เทคโนโลยีบีเอ็มดับเบิลยู eDrive เจเนอเรชั่นที่ 5 ยังประกอบด้วยแบตเตอรี่แรงดันสูงพร้อมด้วยเทคโนโลยีเซลล์แบตเตอรี่ล่าสุด โดยมีความจุพลังงานแบตเตอรีแรงดันสูงที่ 83.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถชาร์จไฟฟ้าแบบกระแสตรง (DC) สูงสุดได้ที่ 205 กิโลวัตต์ ใช้เวลาประมาณ 31 นาที ในการชาร์จไฟจาก 10 – 80%
ช่วงหน้าของรถที่สั้นลง เสาทรงเพรียว ประตูพร้อมหน้าต่างแบบไร้ขอบ และหลังคาท้ายลาดที่ออกแบบมา
อย่างโฉบเฉี่ยวตามแบบฉบับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูคูเป้ พร้อมระบบไฟหน้า BMW Laserlight และกระจังหน้าทรงไตคู่ของบีเอ็มดับเบิลยูที่มาพร้อมกับกล้องที่แฝงตัวอยู่ภายใน เซ็นเซอร์แบบเรดาร์และอัลตราโซนิก ล้วนแล้วแต่เป็นคุณสมบัติเด่นในส่วนหน้าของตัวรถ รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู i4 M50 ใหม่ ยังตกแต่งภายนอกด้วยวัสดุคาร์บอนดีไซน์ M พร้อมชุดแต่งวัสดุสีดำเงา BMW Individual คาลิเปอร์เบรก M Sport สีแดงเงา และโคมไฟหน้าสีดำ โดยภายในตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ในขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู i4 eDrive40 M Sport ใหม่ มาพร้อมชุดแต่ง M Sport ภายนอกตกแต่งด้วยอะลูมิเนียมแบบด้าน ภายในตกแต่ง ด้วยอะลูมิเนียมลาย Rhombicle Anthracite พร้อมแถบโครเมี่ยม บีเอ็มดับเบิลยู i4 M50 ใหม่ ยังมาพร้อมล้ออัลลอย M น้ำหนักเบาขนาด 19 นิ้ว ลาย Double-Spoke แบบสลับสี ด้านบีเอ็มดับเบิลยู i4 eDrive40 M Sport ใหม่ มาพร้อมล้ออัลลอย M น้ำหนักเบาขนาด 19 นิ้ว ลาย Y-Spoke แบบสลับสี
ภายในห้องโดยสารเน้นการใช้งานสำหรับผู้ขับขี่ เสริมด้วยบรรยากาศแห่งความหรูหราระดับพรีเมียม พร้อมพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง ฝาท้ายขนาดใหญ่ที่ติดตั้งเป็นมาตรฐานมาพร้อมกลไกการเปิดและปิดแบบอัตโนมัติ ที่เก็บสัมภาระท้ายรถมอบความจุที่ 470 – 1,290 ลิตร เบาะนั่งปรับไฟฟ้าพร้อมระบบจำตำแหน่ง แผงหน้าปัดรถยนต์หุ้มหนัง Sensatec เบาะนั่งบุหนังแท้ Vernasca ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน ชุดไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร รวมไปถึงระบบเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon ช่วยเสริมที่สุดแห่งความเพลิดเพลินและความสะดวกสบายในระหว่างการขับขี่
จอแสดงผล iDrive ระบบควบคุมและระบบปฏิบัติการเจเนอเรชั่นใหม่ถูกนำมาติดตั้งเป็นครั้งแรกในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู i4 และได้รับการพัฒนาให้การสั่งงานระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์เป็นไปอย่างคล่องตัวและเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น ผ่านระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8 ใหม่ล่าสุด โดยเน้นที่การใช้งานหน้าจอสัมผัสแบบโค้ง BMW Curved Display และการสั่งการด้วยเสียงผ่านระบบผู้ช่วยส่วนตัว BMW Intelligent Personal Assistant ที่ถูกพัฒนามาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หน้าจอดิจิทัล BMW Curved Display มาพร้อมจอแสดงข้อมูลขนาด 12.3 นิ้ว และจอควบคุมระบบสัมผัสขนาด 14.9 นิ้ว หน้าจอโค้งด้วยองศาที่รับกับมุมสายตาของผู้ขับขี่ นอกจากนี้ ระบบผู้ช่วยส่วนตัวดิจิทัลยังมาพร้อมกับฟังก์ชันใหม่ ๆ และการใช้ภาพกราฟิกแบบใหม่เพื่อสื่อสารกับผู้ขับขี่และผู้โดยสารบนรถอีกด้วย ระบบ Remote Software Upgrades ยังช่วยอัปเกรดให้ซอฟต์แวร์ของรถยนต์ยังคงทันสมัยอยู่เสมอ
หลากหลายระบบตัวช่วยถูกติดตั้งเพื่ออำนวยความสะดวกสบายและยกระดับความปลอดภัยในขณะขับขี่และเมื่อจอดรถ โดยไฮไลท์สำคัญในบีเอ็มดับเบิลยู i4 M50 ใหม่ คือระบบช่วยการขับขี่รุ่น Professional และระบบ Sport Boost ในขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู i4 eDrive40 M Sport ใหม่ โดดเด่นด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน Stop&Go และระบบช่วยการขับขี่ รถยนต์ทั้งสองรุ่นย่อยมาพร้อมกับระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติรุ่น Plus ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ระบบสร้างเสียงจำลองเตือนผู้ใช้ถนนรอบข้าง และกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง
บีเอ็มดับเบิลยู i4 M50 ใหม่ และบีเอ็มดับเบิลยู i4 eDrive40 M Sport ใหม่ มาให้เลือกในสีดำ Black Saphire, สีขาว Mineral White, สีเทา Brooklyn Grey, สีน้ำเงิน Frozen Portimao Blue สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู i4 M50 และสี Portimao Blue สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู i4 eDrive40 M Sport โดยมีจำหน่ายในจำนวนจำกัดในประเทศไทยเพียง 16 คันสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู i4 M50 และ 6 คันเท่านั้นสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู i4 eDrive40 M Sport
บีเอ็มดับเบิลยู iX3 M Sport ใหม่
ราคาจำหน่าย: 3,399,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard นาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง)
ฟรี BMW Wallbox พร้อมติดตั้ง สำหรับลูกค้า 33 ท่านแรกที่จองออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป
บีเอ็มดับเบิลยู iX3 M Sport ส่งพละกำลังสูงสุด 210 กิโลวัตต์/286 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ซึ่งโดดเด่นกว่ามอเตอร์ไฟฟ้าในรุ่นอื่น ๆ ด้วยความสามารถในการคงแรงบิดได้แม้ระหว่างรอบสูง โลดแล่นจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.8 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับขี่สนุกอย่างอุ่นใจด้วยระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อ (Near-actuator wheel slip limitation) ปริมาตรความจุแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นกว่าเดิมอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่การติดตั้งและน้ำหนัก ส่วนความจุพลังงานรวมอยู่ที่ 80 กิโลวัตต์ชั่วโมง โดยสามารถนำมาใช้งานได้สูงสุด 74 กิโลวัตต์ชั่วโมง เพื่อขับเคลื่อนให้บีเอ็มดับเบิลยู iX3 ขับขี่ได้ไกลถึง 460 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP และ 470 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC
เทคโนโลยีระบบชาร์จใหม่ล่าสุดเติมพลังงานสู่แบตเตอรี่ 400 โวลต์ และแหล่งจ่ายไฟ 12 โวลต์แก่อุปกรณ์ต่าง ๆ ในรถ หากใช้ไฟฟ้ากระแสสลับ สามารถชาร์จด้วยระบบไฟแบบ 1 เฟส และ 3 เฟส ได้สูงสุด 11 กิโลวัตต์ และเมื่อชาร์จแบบรวดเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง จะรับพลังงานได้สูงสุด 150 กิโลวัตต์ แบตเตอรี่แรงดันสูงในบีเอ็มดับเบิลยู iX3 ยังรองรับการชาร์จจาก 0 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ได้ภายใน 34 นาที มาพร้อมระบบการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่แบบแปรผัน (Adaptive recuperation)
แบตเตอรี่แรงดันสูงรุ่นล่าสุดที่ติดตั้งอยู่ใต้ตัวรถ ช่วยลดจุดศูนย์ถ่วงลงประมาณ 7.5 เซนติเมตร เมื่อเทียบกับ X3 รุ่นอื่น ๆ ระบบช่วงล่างแบบ Adaptive ปรับระดับด้วยไฟฟ้าตามสภาพถนนและสภาวะการขับขี่
ไฮไลท์ของบีเอ็มดับเบิลยู iX3 ยังอยู่ที่ดีไซน์ที่สื่อถึงความยั่งยืน กระโปรงหน้าและกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่มาในดีไซน์ปิดทึบ ท้ายรถมาพร้อมการออกแบบเพื่อลดแรงต้านอากาศ เบาะหลังพับได้แบบ 40 : 20 : 40 ช่วยเพิ่มปริมาตรการบรรจุสัมภาระจาก 510 ถึง 1,560 ลิตร เสริมความเอ็กซ์คลูซีฟด้วยระบบเสียง BMW IconicSounds Electric ซึ่งมาเป็นมาตรฐานสร้างทำนองเสียงไม่ซ้ำใครเมื่อสตาร์ทหรือดับเครื่องยนต์จากผลงานของ Hans Zimmer ล้อ M aerodynamic ขนาด 20 นิ้วแบบสลับสี ไฟหน้า Adaptive LED เสริมฉนวนกันเสียงที่ประตูหน้า และยังมีอุปกรณ์มาตรฐานเพื่อเสริมความสะดวกสบายแบบพรีเมียมอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบปลดล็อกประตู Comfort Access เบาะหนัง Vernasca ตอนหน้าดีไซน์แบบสปอร์ต จอ BMW Head-Up Display ระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ และระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติรุ่น Plus พร้อมกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง ยกระดับความสะดวกสบายและความปลอดภัยแบบเอ็กซ์คลูซีฟยิ่งขึ้นด้วยระบบ BMW gesture control ระบบเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon ระบบ BMW Live Cockpit Professional และ BMW Intelligent Personal Assistant
บีเอ็มดับเบิลยู iX3 M Sport มาให้เลือกใน 5 สี ได้แก่ สีดำ Carbon Black, สีขาว Mineral White, สีน้ำเงิน Phytonic Blue, สีแดง Piemont Red และสีเทา Sophisto Grey