เบนท์ลีย์ร่วมมือกับนักแต่งเพลงระดับฮอลลีวูด สตีฟ มาซซาโร รังสรรค์ผลงานดนตรีในแบบเฉพาะตัว
สามสหายแห่งเสียงดนตรี ร่วมมือรังสรรค์ผลงานเพลงสุดเอ็กซ์คลูซีฟ
เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส และ เครื่องเสียง เนมม์ (Naim) พันธมิตรด้านระบบเสียงภายในรถยนต์ ร่วมมือกับนักแต่งเพลงระดับฮอลลีวูด สตีฟ มาซซาโร รังสรรค์ผลงานดนตรีเป็นครั้งแรกสำหรับสุดยอดระบบเครื่องเสียงเนมม์ภายในห้องโดยสารของอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์
นักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ สตีฟ มาซซาโร เจ้าของผลงานเพลงจากภาพยนตร์เรื่องล่าสุด No Time to Die and Dune ได้ร่วมมือกับเบนท์ลีย์ มอเตอร์สในการรังสรรค์ผลงานดนตรีที่สื่อให้เห็นถึง พลังเสียง คุณภาพเสียง และความสมบูรณ์แบบของระบบเสียงเนมม์ แต่ยังคงสะท้อนการตีความของดนตรีตามเอกลักษณ์ของเบนท์ลีย์ ซึ่งก็คือ แรงบันดาลใจ ความเป็นหนึ่งเดียว และศักยภาพ อันเป็นหลักการในการออกแบบของอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์
Flying Spur คือ อีกหนึ่งคอนเสิร์ตฮอลล์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับผลงานของมาซซาโร ซึ่งถือเป็นการโชว์ระบบเสียงเนมม์อันน่าทึ่งด้วยแอมพลิฟายเออร์ขนาด 2,200 วัตต์ ขับเคลื่อนลำโพงทั้งหมด 19 ตัวรอบห้องโดยสารและเบาะโดยสารแบบสั่นสองตัวหน้า โดยระบบสามารถมอบพลังเสียงคุณภาพและช่วงความถี่เพื่อให้เสียงดนตรีที่โดดเด่น
ผลงานดนตรีชื่อ ‘The Extraordinary Journey’ จะถูกประชาสัมพันธ์ไปยังผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์ทั่วโลกเพื่อเปิดภายในโชว์รูม โดยสามารถรับฟังออนไลน์ได้จาก SoundCloud ของเบนท์ลีย์
The Extraordinary Journey
สำหรับการโชว์ระบบเสียงด้วยผลงานดนตรีของมาซซาโรที่มีความยาวเกือบ 10 นาทีนั้นจะประกอบด้วย 3 ช่วงด้วยกัน ซึ่งจะนำผู้ฟังไปสู่การเดินทางผ่านสไตล์ดนตรีที่แตกต่างกันถึง 3 แบบ ภายใต้การรังสรรค์จากแนวคิดเดียวกัน โดยในช่วงต้นเพลงจะถูกบรรเลงด้วยกีตาร์ฟลาเมงโกที่มีจังหวะกระฉับกระเฉงและทรงพลังประกอบกับเปียโนที่ให้ความรู้สึกอ่อนโยน บนพื้นฐานของเสียงเบสที่หนักแน่นและการเคาะจังหวะ แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของเครื่องขยายเสียงในการกรองความถี่ที่เหมาะสมไปยังลำโพง
ช่วงที่สองจะมีความเป็นออร์เคสตรามากขึ้น สะท้อนถึงเบื้องหลังเพลงประกอบภาพยนตร์ของมาซซาโร และเน้นย้ำถึงความกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวภายในห้องโดยสาร โดยดนตรีจะเริ่มด้วยความสมบูรณ์แบบของเครื่องสายสู่เสียงกีตาร์อะคูสติก แสดงให้เห็นถึงความชัดเจนของเนื้อเสียงอันเหนือชั้นจากเครื่องเสียงเนมม์
ช่วงที่สามและส่วนสุดท้าย คือ นิยามของคำว่า ‘ศักยภาพ’ อย่างแท้จริง เมื่อแนวดนตรีเปลี่ยนเป็นแบบซิมโฟนีที่ขับเคลื่อนด้วยอิเล็กทรอนิกา สื่อถึงความลึกล้ำและพลังก่อนที่ดนตรีจะถึงช่วงไคลแม็กซ์ ซึ่งบรรเลงโดยเครื่องสายและกีตาร์ไฟฟ้า
เครื่องเสียงเนมม์สำหรับเบนท์ลีย์ (Naim for Bentley)
เครื่องเสียงเนมม์สำหรับเบนท์ลีย์นำเสนอระบบเสียงที่ล้ำสมัยที่สุดของโลก ซึ่งมอบคุณภาพเสียงที่ดีที่สุด ตอบโจทย์ทั้งในการใช้ภายในห้องโดยสารของอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ และภายในห้องสำหรับที่พักอาศัย
สำหรับวิวัฒนาการล่าสุดของเครื่องเสียงเนมม์นั้น ระบบเสียงภายในห้องโดยสารของ Flying Spur มีลำโพงและเครื่องแปลงความถี่กว่า 21 ตัว พร้อมกำลังขยาย 2,200 วัตต์ ชุดตัวขับเสียง (BMR) ขั้นสูงขนาด 80 มม. จำนวน 9 ตัว สำรองด้วยตัวขับเสียงเบสขนาด 6” x 9” จำนวน 4 ตัว และซับวูฟเฟอร์ที่เข้าชุดกัน
การตั้งค่าระบบเสียงสามารถเข้าถึงได้ผ่านอินเทอร์เฟซหน้าจอระบบสัมผัสแบบ HD ขนาด 12.3 นิ้ว บริเวณตรงกลางของแดชบอร์ด ซึ่งลูกค้าสามารถกำหนดการตั้งค่าได้หลากหลายวิธี ทั้งแบบ แสดงเป็นหน้าจอเดี่ยว แยกหน้าจอแบบสัดส่วน 2:1 หรือ แสดงผลแบบสามฟังก์ชันในเวลาเดียวกัน การออกแบบโดยรวมจึงเน้นความเรียบง่ายในการใช้งานพร้อมความสวยงามแบบร่วมสมัย
เครื่องเสียงเนมม์และเบนท์ลีย์ คือ ผู้นำด้านการออกแบบและวิศวกรรมของประเทศอังกฤษ โดยได้ร่วมมือกันเพื่อส่งมอบระบบผลิตอุปกรณ์ตามแบบมาตรฐานภายในรถยนต์ที่ดีที่สุดในตลาด
เครื่องเสียงเนมม์ได้รับรางวัล Queen’s Award ในสาขานวัตกรรม และเมื่อเร็วๆนี้ บริษัทฯ ได้พัฒนาระบบประมวลผลสัญญาณดิจิทัล (DSP) ที่ล้ำสมัย ซึ่งเป็นแนวทางใหม่เพื่อมาปรับใช้กับการติดตั้งเครื่องเสียงภายในรถยนต์ โดย DSP คือ หัวใจสำคัญของระบบเสียงเนมม์สำหรับเบนท์ลีย์ด้วยเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับปรับแต่งเสียงภายในห้องโดยสารให้เหมาะสม ซึ่งวิเคราะห์ตามตำแหน่งที่นั่งและสไตล์ จึงช่วยให้มั่นใจได้ถึงคุณภาพของเสียงไม่ว่าจะอยู่ที่ความเร็วหรือสภาพถนนที่แตกต่างกัน
ระบบเสียงเนมม์สำหรับเบนท์ลีย์สามารถใช้งานร่วมกับ Spotify, Apple Music, TIDAL และ Deezer (รวมถึงระบบอื่นๆ) ลูกค้าจึงเพลิดเพลินกับเสียงเพลง วิทยุดิจิทัล หรือสื่อต่างๆ อาทิ หนังสือเสียงและพอดแคสต์
อัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์รุ่นใหม่ล่าสุดแต่ละรุ่นได้รับการปรับปรุงและอัปเดตจากระบบเสียงเนมม์แบบดั้งเดิม จากลำโพง 15 ตัว ขนาด 1,100 วัตต์ในปี 2551 สู่การพัฒนาเป็นแอมพลิฟายเออร์ ขนาด 2,200 วัตต์ที่ขับเคลื่อนลำโพงและตัวแปลงความถี่ 21 ตัวใน Flying Spur
เอเอเอสฯ มอบข้อเสนอที่ดีที่สุดในการครอบครอง เบนท์ลีย์ เบนเทก้า ไฮบริด ใหม่ (New Bentayga Hybrid) กับราคาเริ่มต้นที่ 13.2 ล้านบาท และ เบนท์ลีย์ ฟลายอิ้ง สเปอร์ ไฮบริด (Flying Spur Hybrid) กับราคาเริ่มต้นที่ 14.2 ล้านบาท พร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดนาน 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) การรับประกันจากโรงงานผู้ผลิตฯ พร้อมตัวเลือกสำหรับแผนต่อระยะเวลาการรับประกันจากโรงงานผู้ผลิต (Bentley Extended Warranty) สูงสุด 4 ปี และผู้ช่วยฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง นาน 3 ปีเต็ม