‘รองดราฟ’ แจงความสำเร็จ ทัพกีฬา ม.กรุงเทพธนบุรี

เหตุเพราะทำงานเป็นทีม อยู่กันแบบครอบครัวกีฬา

ความสำเร็จของทัพนักกีฬา ม.กรุงเทพธนบุรี ในศึกกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 46 ระหว่างวันที่ 11-20 มกราคม ที่ผ่านมา ที่สามารถคว้าแชมป์มาครองเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งนับเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนรายแรกที่สามารถทำได้ในครั้งนี้ ถือว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดา อะไรคือกุญแจแห่งความสำเร็จในครั้งนี้ คนที่สามารถให้คำตอบในเรื่องนี้ได้อย่างกระจ่างชัด

นั่นก็คือ ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี คีย์แมนคนสำคัญ

ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในครั้งนี้นั่นเอง เผยถึงความสำเร็จครั้งนี้ว่า “ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า รู้สึกดีใจมากๆ ในความสำเร็จที่พวกเราทุกคนในทีม มุ่งมั่นและฝึกฝนกันมาตลอดทั้งปี ความเหนื่อยมันหายไปหมดเลย เบื้องหลังความสำเร็จของพวกเรา เป็นเพราะการทำงานกันแบบเป็นทีม และใช้ชีวิตอยู่กันแบบเป็นครอบครัวกีฬา BTU มีอะไร เราพูดคุยกันได้ ช่วยกันแก้ไขปัญหา และหมั่นฝึกซ้อม การเตรียมความพร้อมในการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยนั้น เราเตรียมตัวกันมาตลอดทั้งปี แต่สำหรับตัวน้องๆ นักกีฬาเอง เขามีความมุ่งมั่นและฝึกฝนกันมาเป็น 10 ปี สมกับเหรียญรางวัลที่ได้รับมา ต้องยกให้พวกเขาเลยครับ”

ส่วนปัจจัยในความสำเร็จในครั้งนี้นั้น รองดราฟ บอกว่า “น่าจะเป็นเพราะเราเริ่มต้นด้วยการวางแผน และทำตามแผนไปทีละขั้นทีละตอน โดยกุญแจแห่งความสำเร็จที่สำคัญที่สุดก็คือ การทำงานเป็นทีม แต่ละคนเชี่ยวชาญในสิ่งที่เขารัก เราก็ช่วยสนับสนุนในด้านที่เขาถนัด แล้วเขาจะทำได้ดีเลย”

“ถามว่า มีความคาดหวังมากน้อยแค่ไหน บอกตามตรงเลยว่า เริ่มต้น เราคาดหวังไว้เพียงว่า ได้เป็นหนึ่งในห้า ก็น่าจะพอใจแล้ว จริงๆ นะ เพราะถ้าเราไม่คาดหวังจนเกินไป ก็จะไม่ต้องผิดหวัง แต่ก็บอกทุกคนให้ทำเต็มที่ก็พอ”

“การเตรียมความพร้อมในก้าวต่อไปนั้น ต้องบอกเลยว่า หลังการแข่งขันในครั้งนี้เสร็จสิ้นลง ทีมเราก็วางแผนสำหรับการแข่งขันปีหน้าไว้เรียบร้อยแล้ว อาจจะเรียกว่า วางแผนดี มีชัยไปกว่าครึ่ง และหมั่นฝึกซ้อมครับ ส่วนจะตั้งเป้าคว้าแชมป์ 3 สมัยติดต่อกันหรือไม่นั้น ยอมรับว่า เรามุ่งมั่นเต็มที่ อยากจะคว้าแชมป์กีฬามหาวิทยาลัยฯ ติดต่อกันให้ได้ เพื่อชาวมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี แต่หลักๆ เลย ก็อยากให้น้องๆ ทำให้เต็มที่ก่อน ส่วนผลจะออกมาแบบไหนนั้น เราก็ต้องยอมรับมันครับ”

ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง กล่าวต่ออีกว่า “ในการแข่งขันครั้งต่อไปนั้น นักกีฬาหลักๆ ของเรา ยังอยู่ครบทุกชนิดกีฬา ส่วนพี่ๆ คนไหนที่อายุเกิน หรือเรียนจบแล้ว ก็จะผันตัวขึ้นมาเป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอนส่วนน้องๆ ที่เข้ามาใหม่ ใครผ่านเกณฑ์ ก็จะได้ขยับขึ้นไปเล่นเป็นตัวจริง เราเป็นครอบครัวเดียวกัน เราไม่ทิ้งใครไว้ครับ ไปก็ไปด้วยกันหมดนี่แหละ”

ในเรื่องความมั่นคงในอาชีพของนักกีฬาในโครงการที่สร้างความสำเร็จให้มหาวิทยาลัยนั้น ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง บอกว่า “อันนี้ถือเป็นหลักสำคัญ ที่เรามุ่งมั่นทำมาตั้งแต่เริ่มต้นทำทีมกีฬามหาวิทยาลัยเลยทีเดียว โดยมีหลักที่ว่า “กีฬาสร้างคน แก้จน สร้างชาติ” ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำมาแล้ว และก็ประสบความสำเร็จด้วย ในปัจจุบันนี้ นักศึกษาที่เป็นนักกีฬาของเรากว่า 70% ได้เข้ารับราชการตั้งแต่กำลังเรียนปริญญาตรี เราช่วยกันปรับให้ชีวิตเขาลงตัว เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย เล่นกีฬาไปด้วย ถ้าใครถึงเกณฑ์เพื่อความเป็นเลิศ ก็ให้ยึดการเล่นกีฬาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อให้เขาไปให้สุดทาง เป็นนักกีฬาระดับชาติ ระดับเอเชีย หรือ ระดับโลก เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติต่อไปครับ”

“ส่วนการคัดเลือกนักกีฬาในโครงการช้างเผือกนั้น หลักเกณฑ์หลักๆ เลย อันดับแรก ต้องเป็นคนน่ารักครับ พร้อมกับต้องพกความมุ่งมั่นมาเต็มกระเป๋า ส่วนรายละเอียดต่างๆ ในการคัดสรร ผมให้เป็นอำนาจของผู้จัดการทีมและหัวหน้าผู้ฝึกสอนในแต่ละชนิดกีฬา สามารถตัดสินใจได้เลย ที่สำคัญทัศนคติต้องได้ด้วยครับ เคมีถึงจะเข้ากัน ผลักดันกันให้ถึงที่สุด”

“สำหรับนักกีฬาดาวรุ่งในระดับภูมิภาคที่สนใจจะเข้าร่วมโครงการฯ ผมบอกได้เลยว่า ยินดีต้อนรับทุกคน สามารถติดต่อมาที่สำนักกีฬามหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีได้เลยครับ เราเปิดคัดตัวกันทุกปีการศึกษา และเราก็พร้อมเปิดรับน้องๆ ทุกคน ที่มีความรักและความมุ่งมั่นในกีฬาครับ”

นอกจากเป้าหมายในการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแล้ว ม.กรุงเทพธนบุรีของเรา ยังมีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมทุกความฝันของน้องๆ เยาวชนอยู่แล้วครับ โดยมุ่งเน้นไปที่วิชาชีพเป็นหลัก โดยเราเชียร์ให้น้องๆ ได้ศึกษาในสิ่งที่ตัวเองรักและชอบ ถ้าพวกเขามีความรักความชอบในสิ่งที่เขาทำแล้ว เขาจะไม่มีวันเหนื่อย จะไม่มีคำว่าย่อท้อ สุดท้ายเขาจะได้พบกับความสำเร็จและเป็นผู้เชี่ยวชาญในสิ่งที่เขารักครับ” ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง กล่าวทิ้งท้าย