SHARGE จุดพลุธุรกิจ EV Charging ปูพรมเปิด 200 สถานี กว่า 1,200หัวชาร์จทั่วประเทศปี 65

เดินหน้าจับมือพันธมิตรยักษ์ใหญ่เพิ่ม นำร่องด้วยปอร์เช่ หวังรองรับดีมานด์ EV แห่งอนาคต คาดภายใน 10 ปี ธุรกิจรถ EV โตพุ่ง 10 เท่า

  • ชาร์จ แมเนจเม้นท์ ประสบความสำเร็จอีกระดับ ก้าวสู่การผนึกกำลัง 4 พันธมิตรชั้นนำของประเทศ “บางจาก – สยามฟิวเจอร์ – กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว – พันธมิตรกลุ่มค้าปลีก” นำร่องด้วยการผนึกกำลังค่ายรถยนต์ปอร์เช่ ร่วมพัฒนาสถานี การันตีมาตรฐานรองรับซูเปอร์คาร์
  • พร้อมโชว์ศักยภาพเตรียมเปิด High Power Charging Station กำลังชาร์จสูง 350 กิโลวัตต์ ใช้ระยะเวลาในการชาร์จเพียง 10 นาที เร็วสุดในประเทศไทย! จากปัจจุบันรองรับการชาร์จสูง 120 กิโลวัตต์ ใช้เวลาชาร์จเร็วสุดเริ่มที่ 25 นาที
  • ชูจุดเด่นบริการที่เหนือกว่าด้วยแอปพลิเคชั่น SHARGE รองรับบริการค้นหาสถานี จองหัวชาร์จล่วงหน้า 24 ชั่วโมง และตรวจสอบเวลาชาร์จของรถที่ชาร์จคันก่อนหน้า และจ่ายค่าไฟฟ้าผ่านแอปพลิเคชั่น

 

จากแนวโน้มการเติบโตของ EV ในประเทศไทย SHARGE  จึงได้ตั้งเป้าในการเปิดให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าทั้งกระแสสลับ (AC Charging) และกระแสตรง (DC Charging) เพิ่มมากขึ้น โดยตั้งเป้าไว้ที่ 200 สถานี หรือราว 1,200 หัวชาร์จ โดยปัจจุบัน SHARGE มีจุดให้บริการ EV Charging ใน 7 สถานี รวมกว่า 50 หัวชาร์จ ในทำเลธุรกิจ ปรได้แก่ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี, เซ็นทรัล ชิดลม, โครงการ T77, สิงห์ คอมเพล็กซ์, ไบเทค บางนา, ทรูดิจิทัล พาร์ค และอาคารฮักส์ นอกจากนั้น ยังเตรียมเปิดเพิ่มเติมอีก 6 สถานีภายใน ธ.ค.นี้ โดยเมื่อรวมกับแผนการเปิดสถานีเพิ่มเติมในปี 2565 จะส่งผลทำให้ SHARGE มีสถานีให้บริการถึง 213 สถานีหรือกว่า 1,200 หัวจ่ายได้ภายในปีหน้า

 

โดยล่าสุด SHARGE ได้จับมือกับพันธมิตร 4 กลุ่มใหญ่ เพื่อเพิ่มขอบเขตบริการไปสู่การเปิดสถานีอัดประจุไฟฟ้ากระแสตรงเพื่อให้บริการครอบคลุมไปสู่ผู้ใช้ EV ทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยพันธมิตรที่เข้ามาร่วมมือในขณะนี้มาจากองค์กรขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในด้านทำเลที่ผู้ใช้ EV เข้าถึงง่าย ประกอบด้วย 1. บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) 2. พันธมิตรกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม 3. บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) 4.พันธมิตรกลุ่มห้างค้าปลีกอื่นๆ โดยจากการร่วมมือกับพันธมิตรทั้ง 4 กลุ่มนี้ทำให้ SHARGE มีแผนจะเปิดให้บริการสถานีชาร์จภายในปีนี้อีก 6 สถานี

 

การเข้ามาของพันธมิตรทั้ง 4 กลุ่ม จะมาเสริมความแข็งแกร่งให้ SHARGE ด้วยการดึงเอาจุดเด่นของพันธมิตรแต่ละราย ครอบคลุมทำเลศักยภาพ สนับสนุนธุรกิจให้เกิดการบริการที่ดีที่สุด สร้าง EV Charging Ecosystem อย่างครบด้าน และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากพันธมิตรแต่ละรายมีสถานที่ให้พัฒนาเป็นสถานีชาร์จ EV ในทำเลที่แตกต่างกัน เริ่มต้นจาก

  1. บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจและผู้ถือหุ้นของ SHARGE ที่จะมาร่วมพัฒนาสถานีชาร์จ EV ชาร์จเร็ว (High Power Charging Station) ที่มีเครื่องชาร์จกำลังชาร์จสูง 120 กิโลวัตต์ ในทำเลกรุงเทพ โดยเฉพาะในย่านใจกลางธุรกิจ ถ.สุขุทวิท ถ.พัฒนาการ และ                  ถ.ศรีนครินทร์ โดยสถานีแรกที่จะพัฒนาร่วมกันจะอยู่ภายในสถานีบริการน้ำมันบากจาก ซ.สุขุมวิท 62 ซึ่งมีแผนจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2564 นี้
  2. พันธมิตรผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมหัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยว กลุ่มผู้ประกอบการในหัวเมืองต่างๆเป็นอีกหนึ่งพันธมิตรที่จะร่วมพัฒนาสถานีชาร์จ EV แบบ High Power Charging Station ในต่างจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยว เพื่อรองรับการใช้งานของลูกค้าให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยขณะนี้มีสถานีให้บริการแล้วที่โรงแรม The Standard หัวหิน เป็นสถานีนำร่อง
  3. บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เป็นพันธมิตรที่มีจุดเด่นที่สำคัญคือคอมมูนิตีมอลล์และแหล่งไลฟ์สไตล์ชั้นนำกระจายอยู่ในทำเลศักยภาพ ซึ่งการร่วมพัฒนาสถานีชาร์จ EV สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์จะเป็นการชาร์จแบบปกติ ให้บริการที่ เจ อเวนิว ทองหล่อ, เอกมัย พาวเวอร์ เซ็นเตอร์, ลา วิลล่า อารีย์ และ มาร์เก็ตเพลส กรุงเทพกรีฑา ซึ่งทุกทำเลถือว่ามีศักยภาพสูงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าที่มาช็อปปิ้งหรือรับประทานอาหารที่ปกติจะใช้เวลาตามแหล่งไลฟ์สไตล์เหล่านี้มากกว่า 1 ชั่วโมง โดยจำนวนสถานีร่วมที่กับสยามฟิวเจอร์จะเปิดให้บริการภายในเดือน ธ.ค.นี้ ทุกสถานี
  4. กลุ่มพันธมิตรห้างค้าปลีกอื่นๆ กลุ่มนี้จะให้บริการสถานีชาร์จ EV แบบ High Power Charging Station เพราะเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ลูกค้าไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันไป ซึ่งจะช่วยให้เข้าถึงลูกค้าในใจกลางเมืองที่ต้องการที่ชาร์จขณะเดินช็อปปิ้งให้ครอบคลุมมากขึ้น

การเปิดสถานีให้บริการร่วมกับพันธมิตรครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญที่สนับสนุนให้ SHARGE สามารถเปิดบริการสถานนี้ได้ครอบคลุมลูกค้าทั้ง 3 กลุ่ม (NIGHT-DAY และ ON-THE-GO) ซึ่งสอดคล้องตามแผนธุรกิจ 5 ปีที่วางไว้ ซึ่งการเปิดสถานีในทุกทำเลศักยภาพของ SHARGE นี้เพื่อให้ SHARGE ก้าวไปสู่ผู้ให้บริการธุรกิจชาร์จรถ EV ครบวงจร  ซึ่งสถานีของ SHARGE ในหลายทำเลเป็นสถานีที่พัฒนาร่วมกับค่ายรถยนต์ปอร์เช่ (บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด) ซึ่งการร่วมพัฒนาสถานีของค่ายรถยนต์ชั้นนำนี้ถือเป็นการช่วยสร้างความเชื่อมั่นในมาตรฐานของสถานีชาร์จที่สามารถรองรับการชาร์จสปอร์ตคาร์ของทางปอร์เช่ และค่ายอื่นๆได้เป็นอย่างดี รวมถึงเป็นการการันตีลูกค้าของปอร์เช่ที่จะเข้ามาใช้บริการด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดีการให้บริการหลักยังคงเน้นลูกค้ากลุ่ม NIGHT ที่ต้องการติดตั้งเครื่องชาร์จตามที่พักอาศัย เพราะถือเป็นกลุ่มใหญ่สุดที่จะมีความต้องการชาร์จไฟฟ้า เนื่องจากเป็นการให้บริการที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันที่มักจะชาร์จไฟฟ้าขณะที่จอดรถไว้ที่พักอาศัยในช่วงกลางคืน ดังนั้นความร่วมมือในครั้งนี้จึงถือเป็นการสร้างระบบนิเวศเพื่อช่วยกันผลักดันการใช้ EV ของไทยให้เติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการช่วยให้ผู้ใช้ EV เข้าถึงที่ชาร์จได้เพียงพอถือเป็นหัวใจสำคัญของการผลักดันให้ EV เติบโต ซึ่งจะส่งผลดีต่อการสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

สำหรับการเปิดบริการสถานีบริการของ SHARGE จะเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ของการให้บริการ เพราะล่าสุดอยู่ระหว่างการเตรียมพร้อมเปิดให้บริการสถานีแบบ High Power Charging Station ที่มีเครื่องชาร์จกำลังชาร์จสูง 350 กิโลวัตต์ ใช้ระยะเวลาในการชาร์จต่ำสุด 10 นาที ถือเป็นการให้บริการที่เร็วที่สุดในประเทศไทย จากปัจจุบันที่ SHARGE มีสถานีบริการที่มีกำลังชาร์จสูง 120 กิโลวัตต์ และใช้เวลาชาร์จต่ำสุด 25 นาที นอกจากนี้ยังให้บริการด้านการชำระเงินผ่านแอปพลิเคชั่น SHARGE ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นที่ถูกพัฒนามาเพื่อรองรับการใช้งานชาร์จ EV ไม่ว่าจะเป็นการอำนวยความสะดวกในการค้นหาและจองสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าทั้งของ SHARGE และครอบคลุมทุกสถานีการให้บริการที่ทุกแบรนด์สามารถใช้งานร่วมกันได้  โดยความโดดเด่นของแอปพลิเคชั่น SHARGE คือผู้ใช้บริการสามารถจองหัวชาร์จล่วงหน้าได้ 24 ชั่วโมง โดยมีค่าจอง 20 บาท และค่าจองนี้สามารถนำไปจ่ายเป็นค่าไฟฟ้าในการชาร์จได้อีกด้วย ซึ่งฟีเจอร์นี้ในปัจจุบัน SHARGE เป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียว นอกจากนี้ยังสามารถแจ้งข้อมูลของสถานีชาร์จแต่ละแห่งว่ารถที่กำลังชาร์จอยู่แต่ละคันจะชาร์จเสร็จในช่วงเวลาไหน เพื่อให้ผู้ใช้งานคันต่อไปสามารถควบคุมเวลาการเข้าชาร์จได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น