“สนามช้างฯ” เตรียมเปิดสังเวียนรับศึกสองล้อชิงแชมป์เอเชีย 1-2 มิย.นี้
“ทัพนักบิดไทย” พร้อมเต็มร้อย! ล่าโพเดี้ยมบนแผ่นดินเกิด
สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ สังเวียนมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกของไทย เปิดแทร็ก รองรับศึกสองล้อชิงแชมป์เอเชีย “เอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2019” สนามที่ 3 ของฤดูกาล ระหว่างวันที่ 1-2 มิถุนายนนี้ ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขัน ทัพนักบิดไทยมากกว่า 10 คน ลงล่าความสำเร็จให้กับประเทศ ด้านตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ ผู้บริหารสนามช้าง เชื่อเด็กไทยพาเหรดขึ้นโพเดี้ยม-ฉลองชัยในบ้านเกิดแน่นอน
ไฮไลต์ของการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ทวีปเอเชีย รายการ เอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ จะอยู่ที่ 3 รุ่นหลักอย่าง เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1000 ซี.ซี. ที่เพิ่งเปิดตัวเป็นฤดูกาลแรกในปีนี้ ท่ามกลางความสนใจจากแฟนๆ ความเร็วทั่วทั้งเอเชีย รวมถึงรุ่นเดิมอย่าง ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซี.ซี. และ เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี.
นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เปิดเผยว่า “การแข่งขัน เอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ นับเป็นรายการสำคัญที่ สนามช้างฯ ให้ความสำคัญ เพราะเป็นหนึ่งในเวทีสำคัญของนักกีฬาไทยในการพัฒนาสู่ระดับโลก เราได้เห็นนักบิดไทยหลายคนคว้าแชมป์ที่นี่ และขยับขึ้นไปแข่งในระดับโลกและยุโรป เราอยากเห็นการพัฒนาที่ต่อเนื่องของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยในทุกระดับ”
“โดยในสุดสัปดาห์ของ เอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ ในช่วงต้นเดือนมิถุนายนนี้ ผมเชื่อว่าจะเป็นสนามที่นักบิดต่างชาติกลัว เพราะที่นี่คือสนามที่นักบิดไทยทำผลงานได้ดีมาโดยตลอด และเป็นสนามที่นักบิดของเรารู้จักดีกว่าใครๆ อยากขอเชิญชวนแฟนๆ มาส่งเสียงเชียร์กันในสนามเพื่อให้นักกีฬาไทยคว้าแชมป์ให้ได้” นายตนัยศิริ กล่าว
โดยในรุ่นใหญ่ที่สุดอย่าง เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1000 ซี.ซี. นักบิดไทยจะนำโดย คู่หูจาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม อย่าง “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ อดีตนักบิดโมโตทรีจูเนียร์จาก วีอาร์46 มาสเตอร์ แคมป์ ทีม ที่จับคู่กับ “โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ แชมป์เอเชียในคลาส ซูเปอร์สปอร์ตคนล่าสุดลงแข่งขัน
ส่วน คาวาซากิ ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม นั้นจะยังไม่มีชื่อของ “ติ๊งโน๊ต” ฐิติพงศ์ วโรกร ลงบิดในสนามหลังได้รับบาดเจ็บจากการพลาดล้มรุนแรงใน ศึก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และยังคงอยู่ระหว่างพักฟื้น โดย “ทีมกรีน” จะดึง ไบรอัน สตาร์ริ่ง นักบิดออสซี่มาร่วมงานกับ “ซีเค” ชัยวิชิต นิสสกุล นักบิดไทย หลังจากที่คว้าแชมป์ในสนามที่ผ่านมาที่ ออสเตรเลีย ให้กับทีม โดย ซีเค ลงแข่งในรุ่น เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1000 ซี.ซี.
ด้านการแข่งขันในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซี.ซี. “ต๋ง” พีรพงศ์ บุญเลิศ จาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ที่สร้างผลงานร้อนแรงในปี 2019 หลังคว้าแชมป์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์จาก 4 เรซแรก ครองจ่าฝูงก่อนถึงโฮมเรซ โดยเจ้าตัวตั้งเป้าคว้าแชมป์ให้ได้อีกสนาม ส่วน 2 คู่หูจาก เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ อย่าง “แชมป์” ภาสวิชญ์ ฐิติวรารักษ์ และ “นิว” กฤชพร แก้วสนธิ พัฒนาตัวเองขึ้นอย่างต่อเนื่องและทำผลงานติดท็อปเท็น
ขณะที่ การแข่งขันในคลาส เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่นักบิดไทยทำผลงานได้อย่างโดดเด่นมาตลอดช่วง 4 ปีหลัง โดยในฤดูกาลนี้ “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช ยอดนักบิดสาวแกร่งชาวไทยจาก เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่องคว้าแชมป์ 1 เรซ ที่มาเลเซีย และเก็บโพเดี้ยมที่ ออสเตรเลีย มาครอง
พร้อมพานักบิดรุ่นน้องในทีมอย่าง “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี และ “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ประทุมยศ คว้าแชมป์โฮมเรซ
นอกจากนี้ยังมี 2 ดาวรุ่งไทยจาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ลงแข่งขันในคลาส เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. ด้วย โดยนับเป็นหนึ่งในโปรแกรมพัฒนานักบิดตามลำดับขั้นเยาวชนของ ยามาฮ่า นำโดย “โฟลค” สวพล นิลพงษ์ และ “มอส” สุทธิภัทร พัชรีธร ที่ทำผลงานติดในท็อป 15 มาตลอดหลังเปิดฤดูกาล
แฟนความเร็วซื้อบัตรได้ที่ 7-Eleven ทุกสาขาหรือทาง www.allticket.com บัตรแบบ Grand stand 1 วัน ราคา 200 บาท / 2 วัน ราคา 300 บาท บัตรแบบ VIP 1 วัน ราคา 1,000 บาท / 2 วัน ราคา 1,500 บาท