32 เรื่องราวที่ไม่ธรรมดาเกี่ยวกับโรลส์-รอยซ์
โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส เชื่อว่า สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้คนมากมายหลงใหลในโรลส์-รอยซ์ก็คือเรื่องเล่าและตำนานเกี่ยวกับแบรนด์ กระแสความสนใจนี้เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่บริษัทเผยว่า มีการติดตั้งตู้เย็นพิเศษในยนตรกรรมของแบรนด์ ซึ่งสามารถทำความเย็นได้ 2 โหมด คือโหมด ‘ฤดูร้อน’ และ ‘ฤดูหนาว’ เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าของยนตรกรรมจะได้ลิ้มรสเครื่องดื่มในอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับแต่ละฤดูกาล และด้วยเหตุนี้ คงถึงเวลาแล้วที่เราจะเผยให้ทุกคนได้ทราบถึงเรื่องราวและข้อเท็จจริงอื่นๆ ที่เป็นนิยามให้กับความสำเร็จของโรลส์-รอยซ์ในปัจจุบัน
1. ในขั้นตอนการผลิตต้นแบบของเครื่องยนต์V12 สูบ 6.75 ลิตรของโรลส์-รอยซ์ เครื่องจะต้องสามารถทำรอบได้ถึง 750 ล้านครั้งอย่างไร้ที่ติ ก่อนที่จะได้รับการอนุมัติให้ผลิต
2. กลไกที่ทำหน้าที่ดึง สปิริต ออฟ เอ็กสตาซีเหนือกระจังหน้ารถ เข้ามาเก็บไว้เพื่อป้องกันการโจรกรรมและความเสียหาย ประกอบด้วยตลับลูกปืนและข้อต่อที่ถูกซ่อนไว้ถึง 24 ชิ้น
3. สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี เป็นสิ่งที่แบรนด์ให้ความสำคัญมาก จนถึงกับมีตู้เซฟภายในพื้นที่การผลิตที่ไว้เก็บมาสค็อตโดยเฉพาะ โดยจะเก็บจำนวนเท่าที่จำเป็นสำหรับการผลิตในหนึ่งวัน และมีช่างศิลป์เพียงกลุ่มเล็กๆ เท่านั้นที่รู้รหัสเปิดเซฟ
4. วิศวกรผู้เชี่ยวชาญของโรลส์-รอยซ์14 คนทำหน้าที่ทดสอบประสิทธิภาพรถ วันละ 16 คัน 365 วันต่อปี โดยเป็นความรับผิดชอบเสริมจากปริมาณงานปกติ ซึ่งพวกเขารับหน้าที่นี้โดยไม่ปริปากบ่น
5. เซ็นเซอร์ในโรลส์-รอยซ์ มีความไวสูงมากจนสามารถตรวจจับได้แม้กระทั่งว่าผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารกำลังเปลี่ยนถ่ายน้ำหนักตัวจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง และปรับการทำงานให้เหมาะสมตามนั้น
6. ระบบเสียงแบบสั่งผลิตพิเศษ กำลัง 1300 วัตต์ 18 ช่อง 18 ลำโพง ในโรลส์-รอยซ์ ได้รับการปรับแต่งอย่างละเอียดที่สุด นักออกแบบตกแต่งภายในจะต้องขออนุญาตจากวิศวกรที่ดูแลระบบเสียงเสียก่อนจึงจะทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงใดๆ เกี่ยวกับการออกแบบ
7. สายเคเบิลความยาวกว่า 25 เมตรถูกนำมาใช้ในการถ่ายโอนข้อมูลเสียงในยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์ และมีการนำเส้นใยแก้วนำแสงมาใช้เพื่อให้แน่ใจว่าเสียงจะไม่ถูกรบกวน
8. ไมโครโพรเซสเซอร์กว่า100 ตัวทำหน้าที่ประมวลผลโค้ด130 ล้านบรรทัดเพื่อให้มั่นใจได้ว่าฟีเจอร์ที่ล้ำสมัยทั้งหมดของโรลส์-รอยซ์จะสามารถถูกเรียกใช้งานได้ทันทีและต่อเนื่องโดยผู้ขับขี่หรือผู้โดยสาร
9. การทอเส้นใยคาร์บอนที่เป็นแกนกลางของฝาครอบแอโร แควลิงสำหรับตัวรถส่วนหลังในยนตรกรรมดอว์น ได้รับการเชื่อมแบบบุ๊กแมทช์ (Book match) ให้เหมือนกับวีเนียร์ภายในยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์ ซึ่งทั้งหมดทำด้วยมือเพื่อให้ได้รูปตัววีที่สมมาตรอย่างสมบูรณ์แบบ
10. เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับช่างภาพมาร์ค ริชชิโอนี (Mark Riccioni) ในการถ่ายภาพแบล็ค แบดจ์ คัลลิแนน ในลอสแองเจลิสโรลส์-รอยซ์ได้สั่งผลิตกล่องโมดูลสันทนาการ (Recreation Module) ขึ้นเป็นพิเศษสำหรับช่างภาพ แต่งขอบด้วยหนังคุณภาพเยี่ยมสีฟอร์จ เยลโลว (Forge Yellow) ในกล่องอุปกรณ์ประกอบด้วยโดรน DJI Mavic Mini, Apple iPad Pro, Apple MacBook Pro และเสื้อผ้าแนวสตรีทจาก Supreme
11. ในปี2560ที่แบรนด์ได้เปิดตัวแฟนธอม เจเนอเรชันที่ 8 บลูมเบิร์กได้ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับแบรนด์ที่ถูกกล่าวถึงในเพลงป็อปมากที่สุด และโรลส์-รอยซ์ก็คว้าตำแหน่งแชมป์ไปครอง เอาชนะเฟอร์รารี เฮนเนสซี่ และโรเล็กซ์
12. ก่อนที่จะสร้าง “ห้องปลอดเชื้อ” สำหรับประกอบแกลเลอรีของโรลส์-รอยซ์ แฟนธอม พนักงานจาก Home of Rolls-Royce ได้เดินทางไปศึกษาห้องปลอดเชื้อทางเภสัชกรรมและการผลิตไมโครโพรเซสเซอร์ เพื่อทำความเข้าใจห้องปฏิบัติการที่ซับซ้อนเหล่านี้อย่างลึกซึ้ง
13. เซ็นเซอร์ภายในห้องปลอดเชื้อสำหรับประกอบแกลเลอรีจะทำการวัดความเข้มข้นของอนุภาคระดับไมครอนอย่างต่อเนื่อง และจะแจ้งเตือนหากตรวจพบอนุภาคที่มีขนาดใหญ่กว่า 001 ไมครอน ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งหากเทียบกับเส้นผมของมนุษย์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 50-100 ไมครอน
14. ยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์ แบล็ค แบดจ์ เรธ พิชิตการแข่งขันไต่เขาอันโด่งดังในงาน Goodwood Festival of Speed ปี 2558 ด้วยเวลาเพียง 71 วินาที ถือเป็นความสำเร็จที่ยานยนต์มาเซราติ 2 คัน พอร์ช และเบนท์ลีย์ไม่สามารถทำได้
15. ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์แนะนำว่าอุณหภูมิของการจิบแชมเปญแบบนอนวินเทจ (non-vintage) ที่เหมาะสมที่สุดคือ6องศาเซลเซียสและแชมเปญวินเทจคือ 11 องศาเซลเซียสโรลส์-รอยซ์จึงติดตั้งตู้เย็นสั่งผลิตพิเศษไว้ในตัวรถ ซึ่งสามารถทำความเย็นได้ 2 โหมด คือที่ 6 และ 11 องศาเซลเซียส
16. เพดานห้องโดยสารสตาร์ไลท์ เฮดไลนเนอร์ (Starlight Headliner) ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของ Bespoke ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของแบรนด์ ประกอบไปด้วยดวงไฟใยแก้วนำแสงทอมือ 1,340 ดวง ลูกค้าสามารถระบุกลุ่มดาวที่ตนต้องการได้ ซึ่งแบรนด์จะทำงานร่วมกับหอดูดาวในท้องถิ่นเพื่อยืนยันความถูกต้อง การผลิตเพดานห้องโดยสารนี้ต้องใช้การเดินสายเคเบิลด้วยมืออย่างประณีต ความยาวทั้งหมดกว่า 2 กม.
17. เมื่อโรลส์-รอยซ์ประกาศเริ่มต้นโครงการพัฒนาคัลลิแนน (Project Cullinan) บริษัทได้แจ้งให้สมเด็จพระราชินีและนายกรัฐมนตรีทราบ ก่อนที่จะส่งข่าวให้สื่อมวลชน เมื่อได้ทราบข่าวดังนั้น เจ้าหน้าของรัฐบาล ณ บ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิง (บ้านพักประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ) จึงเห็นว่านายกรัฐมนตรีควรเดินทางไปเยือน Home of Rolls-Royce เพื่อเป็นเกียรติในพิธีเปิดโครงการ
18. สุภาพสตรีท่านหนึ่งเจาะจงว่าอยากให้สีของเบาะหนังในโรลส์-รอยซ์เข้าคู่กับสีของสุนัขพันธุ์ เรด เซทเตอร์ ของเธอ แบรนด์จึงเนรมิตเฉดสีดังกล่าวขึ้นมา และในการนี้ สุนัขไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
19. โชว์รูมแห่งแรกของแบรนด์ตั้งอยู่บนถนนคอนดวิท (Conduit Street) ย่านเมย์แฟร์ ห่างจากแหล่งตัดเย็บเสื้อผ้า ซาวิลล์ โรว์ที่มีชื่อเสียงของกรุงลอนดอนเพียงไม่กี่ก้าว
เซอร์เฮนรี่ รอยซ์ และหุ้นส่วนของเขา ชาร์ลส์ โรลส์ จึงได้สะท้อนจุดเด่นของย่านนี้ โดยการผลิตยนตรกรรมที่หรูหราเทียบเท่ากับเสื้อผ้าที่ดีที่สุดของกรุงลอนดอนให้กับลูกค้าที่มีรสนิยมที่สุด โครงรถและระบบขับเคลื่อนของโรลส์-รอยซ์ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
20. ‘ความไม่สมบูรณ์แบบ’ ไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของโรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส เราใช้หนังที่มาจากวัวกระทิงที่ดีที่สุด ที่เลี้ยงในพื้นที่สูงเท่านั้น ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้หนังมีการยืดหรือมีรอยแมลงกัด หนังที่มีรอยเล็กน้อย ที่คนทั่วไปอาจมองไม่เห็น จะถูกคัดทิ้ง แล้วส่งต่อให้อุตสาหกรรมแฟชั่น หนังที่เราใช้จะมาจากอุตสาหกรรมการผลิตเนื้อสัตว์
21. การตกแต่งภายในของโรลส์-รอยซ์ในส่วนที่เป็นหนังทำมือ ใช้เวลา 17 วัน
22. เพื่อให้ได้สีรถที่เงาวับราวกระจกตามมาตรฐานของแบรนด์จะมีการเคลือบสีอย่างน้อย 5 ชั้นโดยหุ่นยนต์ที่ Home of Rolls-Royce ส่วนในบริเวณที่เข้าถึงยาก จะมีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงสีที่มีทักษะสูงคอยดูแล โดยรวมแล้วกระบวนการเคลือบสีตัวถังที่ไร้ที่ติของแบรนด์นั้นใช้เวลา 7 วัน และใช้สีมากกว่า 100 ปอนด์
23. งานปักชิ้นที่มีรายละเอียดมากที่สุดในยนตรกรรมของโรลส์-รอยซ์คืองานปักเหยี่ยวเพเรกริน ซึ่งเป็นนกที่เร็วที่สุดในโลก การรังสรรค์ที่เหมือนจริงราวภาพถ่ายนี้ประกอบด้วยฝีเข็มเกือบ 250,000 ฝีเข็ม และใช้ทีมนักออกแบบ ช่างฝีมือ และวิศวกรมาช่วยกันพัฒนาเป็นเวลากว่า 1 เดือน
24. ชิ้นส่วนไม้ที่สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถัน 48 ชิ้น ถูกนำมาตกแต่งภายในยนตรกรรมแฟนธอม โดยใช้เวลาทั้งหมด 28 วันในการผลิต ลายไม้นั้นจะผสานเป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะเราใช้ต้นไม้ 1 ต้น สำหรับยนตรกรรมแต่ละคัน
25. มาร์คคอร์ท(Mark Court) เป็นบุคคลเพียงคนเดียว ที่สามารถวาดเส้นโค้ชไลน์แบบตรงได้สมบูรณ์แบบ โดยจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงต่อด้าน เขาใช้แปรงพิเศษที่ทำจากขนวัวและขนกระรอกเพื่อให้แน่ใจว่าเส้นจะมีความสม่ำเสมอ และมีความกว้าง 3 มม. เขาได้ทักษะการวาดที่นิ่งเช่นนี้มาจากการวาดภาพป้ายให้กับผับต่างๆ
26. โรลส์-รอยซ์วิ่งได้เงียบมากจนเซอร์เฮนรี่รอยซ์ ต้องสั่งติดตั้งป้ายเตือนที่โรงงานว่า “ระวัง รถเงียบ”(Caution, Silent Cars) ส่วนมาตรการด้านความปลอดภัยในปัจจุบัน มีกำหนดไว้ว่าช่างที่ทำหน้าที่เคลื่อนย้ายรถในบริเวณโรงงานผลิตจะต้องบีบแตรส่งเสียงเตือนเป็นครั้งคราว
27. ยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์ถูกขับเคลื่อนบนเบาะลมขนาด 16 ลิตรที่จับคู่มากับตัวกันกระแทกและสปริงที่จะปรับตัวเองแบบไดนามิกทุกๆ 5 มิลลิวินาทีเพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เป็นอิสระและนุ่มนวลเหมือนอยู่บนพรมวิเศษ
28. มีเรื่องเล่าว่าในงานฉลองวันเกิดที่สุดเหวี่ยงของคีธ มูน(Keith Moon)เขาขับโรลส์-รอยซ์ คอร์นิช ของตนลงสระว่ายน้ำของโรงแรม เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะเขาหลงรักโรลส์-รอยซ์มากเกินกว่าที่จะทำให้มันต้องได้รับความเสียหาย
29. ในการรังสรรค์สถาปัตยกรรมของยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานให้การสร้างโรลส์-รอยซ์ในปัจจุบันทุกคัน วิศวกรได้ผนวกเอา Resonance Chamber ไว้ในส่วนฐานของตัวรถ ซึ่งเทียบเท่าการแปลงร่างรถยนต์ให้กลายเป็นลำโพงซับวูฟเฟอร์ (Subwoofer) ที่ปล่อยเสียงที่มีความถี่ต่ำเป็นพิเศษ
30. ในขณะที่นักข่าวชาวอเมริกันกำลังทดลองขับโรลส์-รอยซ์ ดอว์น ก็เกิดเหตุแผ่นดินไหวที่วัดได้ 6 ริกเตอร์ ตามด้วยอาฟเตอร์ช็อกที่วัดได้ 2.6 ริกเตอร์ แต่เนื่องจากการขับขี่ที่นุ่มนวลราวกับพรมวิเศษของแบรนด์ กว่าที่เขาจะรู้เกี่ยวกับเหตุแผ่นดินไหว ก็เช้าวันรุ่งขึ้นเข้าไปแล้ว
31. วิศวกรของแบรนด์ที่ทำหน้าที่พัฒนากลไกหลังคาสำหรับ โรลส์-รอยซ์ ดอว์น ได้รับโจทย์ว่าให้สร้างระบบที่ทำงานได้เหมือน “บัลเลต์ที่เงียบสงัด” และพวกเขาก็ทำสำเร็จ แม้ว่าหลังคาเปิดประทุนของดอว์นจะมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แต่ก็เป็นหลังคาที่เงียบที่สุดด้วย
32. ช่างศิลป์ของโรลส์-รอยซ์ นั้นมาจากหลากหลายสาขาอาชีพ เช่น ช่างแต่งหน้า ช่างสัก ช่างทำเสื้อผ้าเพื่อการทหาร และแม้แต่อดีตผู้ผลิตกล่องเก็บเอกสารที่เรียกว่า Red Box ของรัฐสภาอังกฤษ