เชลล์ชูคอนเซ็ปต์ Tenant Mix เพิ่มร้านค้าหลากหลายในสถานีบริการน้ำมัน
ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค สร้างโอกาสเติบโตให้ธุรกิจพันธมิตร
เชลล์เร่งปรับกลยุทธ์เพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการในสถานีบริการน้ำมัน ด้วยการเพิ่มพื้นที่สำหรับร้านค้าในสถานีบริการเชลล์กว่า 700 แห่งทั่วประเทศ เพื่อมอบประสบการณ์ที่หลากหลายให้กับลูกค้า ที่ต้องการมากกว่าการใช้บริการเติมน้ำมันเพียงอย่างเดียว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เลือกใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังคงต้องการความสะดวกสบายในการจับจ่ายสินค้าและบริการโดยไม่ต้องเดินทางเข้าเมือง พร้อมเปิดรับพันธมิตรผู้เช่าและผู้ร่วมลงทุน ที่จะร่วมเติบโตไปพร้อมกับเชลล์
การปรับกลยุทธ์ของเชลล์ในครั้งนี้สอดคล้องกับผลวิจัยของ ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) ที่ชี้ว่า พื้นที่ค้าปลีกมีแนวโน้มที่จะมีการปรับเปลี่ยนเพื่อตอบสนองต่อความคาดหวังใหม่ ๆ ของผู้บริโภค ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์อย่างเต็มรูปแบบ การมีหน้าร้านจะยังคงมีความสำคัญ เนื่องจากสินค้าและบริการได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ดึงดูดและรองรับความต้องการ ไลฟ์สไตล์ และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้การลงทุนและการขยายพื้นที่หน้าร้าน โดยเฉพาะรูปแบบสแตนด์อโลนที่มาพร้อมกับพื้นที่จอดรถยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
นางสาวอรอุทัย ณ เชียงใหม่ รองประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด และตัวแทนผู้ถือหุ้น กลุ่มบริษัท เชลล์ ประเทศแอฟริกาใต้และยูเครน กล่าวว่า “ด้วยไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่หันมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น โดยเลือกใช้เวลากับการจับจ่ายสินค้าและบริการย่านชานเมือง มากกว่าการเดินทางเข้าไปในตัวเมือง ตามการขยายตัวของที่อยู่อาศัยในแนวระนาบ ทำให้ร้านค้าและสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันมีจำนวนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย กลุ่มธุรกิจโมบิลลิตี้ซึ่งมุ่งมั่นในภารกิจเติมสุขให้ทุกการเดินทาง จึงได้ปรับกลยุทธ์เพื่อต่อยอดให้สถานีบริการน้ำมันเชลล์เป็นแลนด์มาร์กที่ดึงดูดผู้บริโภคเข้ามาใช้บริการร้านค้าและสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากการเข้ามาเติมน้ำมันหรือเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ด้วยคอนเซ็ปต์ Tenant Mix เพื่อเพิ่มความหลากหลายของร้านค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างตรงใจ”
การเดินหน้าสร้างความแตกต่างนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนงานภายใต้ Powering Progress ที่มุ่งเน้นส่งเสริมคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของทุกคนให้ดีขึ้น โดยผลักดันการเติบโตของธุรกิจที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ขณะเดียวกันก็ยึดมั่นในเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ในการเป็นพันธมิตรที่วางใจได้ เพื่อสนับสนุนพันธมิตรทางธุรกิจและลูกค้าของเชลล์ให้เติบโตเข้มแข็งอย่างยั่งยืน
“เราไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ขณะเดียวกันก็เพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับพันธมิตรคู่ค้าที่พร้อมจะเติบโตไปกับเชลล์ ด้วยข้อเสนอสำหรับพื้นที่ในการขยายหน้าร้านหรือสาขาในลักษณะสแตนด์อโลน ภายในสถานีบริการน้ำมันเชลล์กว่า 700 สาขาทั่วประเทศ ด้วยความโดดเด่นของทำเลที่ตั้งท่ามกลางศูนย์กลางธุรกิจและชุมชนที่อยู่อาศัย เหมาะต่อการเพิ่มจุดกระจายสินค้าให้กับธุรกิจที่มีหน้าร้าน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่ต้องการมารับสินค้า และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถทำการตลาดแบบ omnichannel ให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าและบริการได้อย่างรอบด้าน ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งจะส่งผลให้มีผู้เข้ามาใช้บริการสถานีบริการน้ำมันมากขึ้นตามไปด้วย” นางสาวอรอุทัย กล่าว
ประเภทร้านค้าภายในสถานบริการน้ำมันเชลล์ถูกกำหนดสัดส่วนระหว่าง Food 55% และ Non Food 45% โดยจัดสรร Tenant Mix หรือส่วนผสมของประเภทร้านค้าในสถานีบริการน้ำมันให้มีความหลากหลาย ไม่ทับซ้อนประเภทสินค้าหรือบริการในสถานีบริการเดียวกัน เพื่อเพิ่มโอกาสการเป็นทางเลือกแรกของผู้บริโภคให้กับทุกร้านค้าที่เข้ามาทำธุรกิจในพื้นที่สถานีบริการน้ำมันเชลล์ และมอบบริการที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า เพื่อให้พันธมิตรร้านค้าสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
นางสาวอรอุทัย กล่าวเพิ่มเติมว่า “ด้วยความมุ่งมั่นของเชลล์ในการพัฒนาน้ำมันคุณภาพสูงประเภทต่าง ๆ ส่งมอบให้แก่ผู้บริโภค เช่น น้ำมันเชลล์ วี-เพาเวอร์ น้ำมันเกรดพรีเมียมรายแรกในประเทศไทย ได้รับความเชื่อมั่นในคุณภาพจากลูกค้ามายาวนาน ผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องเชลล์ที่ได้รับรางวัล TAQA award 8 ปีซ้อนในประเทศไทย ศูนย์บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง Shell Helix Oil Change+ ที่มีกว่า 436 แห่ง ร่วมด้วยผลิตภัณฑ์ในร้านกาแฟเชลล์ คาเฟ่ และเดลี่ คาเฟ่กว่า 300 สาขาที่ล้วนแต่คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพ ร้านสะดวกซื้อ เชลล์ ซีเล็คกว่า 180 สาขา และฐานลูกค้าสมาชิก Shell GO+ กว่า 3.4 ล้านคน ภายใต้ Loyalty Program ลูกค้า Shell Card สำหรับลูกค้าองค์กรซึ่งมีผู้ถือบัตรมากกว่า 1 แสนใบ พันธมิตรผู้เช่าพื้นที่สถานีบริการน้ำมันเชลล์จึงสามารถวางใจได้ว่าจะมีลูกค้าเข้าใช้บริการในสถานีบริการน้ำมันเชลล์อย่างสม่ำเสมอ”
ปัจจุบันพันธมิตรธุรกิจผู้เช่าพื้นที่ของเชลล์มีหลากหลายประเภท ทั้งร้านค้ารายย่อยที่มีสาขาเดียว SME ที่ต้องการขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ จนถึงแบรนด์ใหญ่ที่ต้องการขยายฐานลูกค้า และเชลล์ยังเปิดรับการร่วมเป็นพันธมิตรในรูปแบบอื่น ๆ เช่น การร่วมลงทุน เพื่อร่วมขยายธุรกิจและเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน โดยร้านค้าต่าง ๆ จะได้รับโอกาสในการขยายร้านค้าไปสู่ปั๊มน้ำมันเชลล์ในต่างประเทศอีกด้วย
องค์กรที่สนใจร่วมธุรกิจในสถานีบริการน้ำมันของเชลล์ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center (CBRE) โทร. 063-234-4747 หรือ email: shell.nfrservice@cbre.co.th ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป