เครือซีพี โตโยต้า และ CJPT ประกาศความสำเร็จในการสนับสนุนเป้าหมาย การลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนหลากมิติ
ทั้งด้านพลังงาน ด้านข้อมูล และด้านการเดินทาง ในงานประชุมระดับโลก COP28
- เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น (โตโยต้า) และ Commercial Japan Partnership Technologies Corporation (CJPT) ประกาศความคืบหน้าโครงการนำร่องการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานไฮโดรเจนจากก๊าซชีวภาพ แห่งแรกของประเทศไทย ในการประชุม COP28 ซึ่งเป็นการประชุมระดับโลกว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
- เครือเจริญโภคภัณฑ์ วางแผนการใช้พลังงานไฮโดรเจนจากก๊าซชีวภาพในการขนส่งระยะไกล ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งจะช่วยเร่งกระบวนการ การลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนของประเทศไทยให้เร็วขึ้น
- ประสบความสำเร็จในการทดสอบการใช้โดรนไร้คนขับ เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมเกษตร โดยเฉพาะพื้นที่เกษตรแปลงใหญ่
- ใช้ในระบบการขนส่งอัจฉริยะ (Smart Logistic) เพื่อจัดการการขนส่งอย่างมีประสิทธิภาพ
ภายในการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 28 (COP28) ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (ซีพี) โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น (โตโยต้า) และ Commercial Japan Partnership Technologies Corporation (CJPT) ประกาศความคืบหน้าโครงการนำร่องการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานไฮโดรเจนจากก๊าซชีวภาพแห่งแรกของประเทศไทย เริ่มต้นผลิตได้ 2 กิโลกรัม/วัน โดยความร่วมมือระหว่างไทยและญี่ปุ่น กับความสำเร็จในการผลิตก๊าซไฮโดรเจนชีวภาพ (Bio-Hydrogen) ซึ่งได้มาจาก ของเสียของสัตว์ปีก ถือเป็นก้าวสำคัญ ในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนในภาคขนส่ง ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดสำคัญของการประชุม COP28 ที่มุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์สำคัญ 4 ด้าน และหนึ่งในนั้นคือเร่งการเปลี่ยนผ่านจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
การนำเทคโนโลยีล้ำสมัย มาใช้ในการพัฒนาก๊าซชีวภาพที่ได้จากของเสียจากฟาร์มสัตว์ปีกของเครือซีพี ในการผลิตก๊าชไฮโดรเจนชีวภาพ ความร่วมมือครั้งนี้ของเครือซีพี โตโยต้า และ CJPT ได้ร่วมกันนำนวัตกรรมผสานความมุ่งมั่นในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้ โตโยต้ายังได้จัดแสดงอุปกรณ์การผลิตไฮโดรเจนจากก๊าซชีวภาพแห่งแรกของประเทศไทย ที่สำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียที่จังหวัดสมุทรปราการ
เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของไฮโดรเจนชีวภาพ ในฐานะแหล่งพลังงานสะอาด จะเริ่มดำเนินการทดลองใช้เชื้อเพลิงดังกล่าว สำหรับการขนส่งระยะไกล และมีการทดสอบประสิทธิภาพของไฮโดรเจนชีวภาพ พลังงานทดแทนสำหรับภาคการขนส่ง โดยเราหวังว่าจะนำไฮโดรเจนชีวภาพมาใช้กับการขนส่งระยะไกลของเครือเจริญโภคภัณฑ์ รวมถึงสำหรับการดำเนินงานบางส่วนในประเทศไทย
ภายใน Thailand Pavilion ในงาน COP28 ณ เมืองดูไบ นายสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า “พวกเราทุกคนต้องแข่งขันกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การประชุม COP28 ครั้งนี้ เป็นโอกาสที่ดีสำหรับเราทุกคนที่จะรวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิด และสร้างสรรค์นวัตกรรม จากความร่วมมือกับ โตโยต้า และ Commercial Japan Partnership Technologies Corporation (CJPT) เพื่อค้นหาวิธีปฏิวัติการใช้พลังงานทดแทนและแนวทางใหม่เพื่อนำไปสู่อนาคต จากความร่วมมือนี้เราจะสร้างโลกที่ความยั่งยืน และเป็นวิถีของการดำรงชีวิต”
ไฮโดรเจนชีวภาพจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนในประเทศไทย นอกเหนือจากการนำของเสียจากสัตว์ปีกไปเป็นผลิตก๊าซชีวภาพล้ว ความร่วมมือครั้งนี้ยังขยายไปสู่ภาคยานยนต์ อีกความสำเร็จของการทดลอง ในการใช้โดรนยานยนต์ไร้คนขับ สนับสนุนภาคการเกษตรของประเทศไทย โตโยต้าได้นำโดรนที่ใช้ไฮโดรเจนชีวภาพ นำมาใช้งานในฟาร์มซีพีหลายแห่ง ตั้งแต่การเพาะเมล็ด การใส่ปุ๋ย ตลอดจน งานเกษตรกรรมอื่นๆ
นายมาซาฮิโกะ มาเอดะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารภูมิภาคเอเชีย โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นความก้าวหน้าในการดำเนินการเพื่อสังคมร่วมกับทาง ซีพี ซึ่งบรรลุผลด้วยดีในการลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ และมีส่วนในการสร้างความสุขให้กับคนไทย 67 ล้านคน ภายใต้แนวคิด “doing what can be done now” ร่วมกับพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์เดียวกัน ด้วยทรัพยากรทางการเกษตรของประเทศรวมกับความแข็งแกร่งตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานของซีพี ผนวกกับความเชี่ยวชาญทางธุรกิจยานยนต์ ของโตโยต้าและ CJPT การทดลองครั้งแรกในประเทศไทย ในการผลิตไฮโดรเจนจากการใช้ก๊าซชีวภาพ จากฟาร์มสัตว์ปีกสามารถนำไปใช้เพื่อการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเราต้องการขยายขอบเขตความร่วมมือ ริเริ่มโครงการเพื่อสนับสนุนความเป็นกลางทางคาร์บอนในประเทศไทยใน 3 ด้าน ได้แก่ พลังงาน ข้อมูล และยานยนต์”
เครือเจริญโภคภัณฑ์มีการดำเนินธุรกิจยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ผ่านบริษัทในเครือฯ ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ยังมีการศึกษายานยนต์ไฟฟ้าประเภทต่างๆ เพิ่มเติม ทั้ง HEV (ยานยนต์ไฟฟ้าไฮบริด), BEV (ยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่) และ FCEV (ยานยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการโดยสารขนส่งในเมืองและการขนส่งของภาคการเกษตร รวมถึงการนำข้อมูลมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพในการคำนวณน้ำหนักบรรทุกที่เหมาะสม อีกทั้งวางแผนเส้นทางเพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นจากการขนส่ง
นายขจร เจียรวนนท์ กรรมการบริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า “เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ โตโยต้า มีความสนใจ ในการสนับสนุนการลดการปล่อยปริมาณคาร์บอนร่วมกัน ตั้งแต่เริ่มต้นเป็นพันธมิตรมากว่า 25 ปี เรามีความยินดีที่ได้ลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ รวมทั้งหาแนวทางใหม่เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสำหรับประเทศไทย เป้าหมายของเราคือศึกษาศักยภาพในการผลิต การขนส่ง และการใช้ไฮโดรเจนชีวภาพทุกธุรกิจของเครือฯ โดยเริ่มทดลองจากเขตเศรษฐกิจพิเศษ ในบางพื้นที่ หลังจากนั้นจะมีการขยายให้ครอบคลุม เราขอเชิญชวน พันธมิตรและชุมชนต่างๆ ในการมีเป็นพันธกิจและร่วมในการเดินทางของเราครั้งนี้”
ด้วยความเชี่ยวชาญและทรัพยากรของทั้ง เครือเจริญโภคภัณฑ์ โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และ Commercial Japan Partnership Technologies เรามุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกและการมีส่วนร่วมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน