นิปปอนเพนต์เดินหน้าโครงการ Protégé ปีที่ 5
ตั้งงบ 6 ล้านบาทส่งเสริมวิชาชีพช่างพ่นสีรถยนต์
นิปปอนเพนต์เดินหน้าโครงการ Protégé ปีที่ 5 มุ่งยกระดับวิชาชีพช่างพ่นซ่อมสีรถยนต์ ตั้งงบประมาณ 6 ล้านบาท สานต่อความร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อช่วยผลักดันและผลิตช่างสีรถยนต์คุณภาพที่มีทักษะความเชี่ยวชาญตามมาตรฐานสากลให้เพียงพอต่อความต้องการในตลาดอาชีพนี้ที่ยังขาดแคลน และสร้างหลักประกันด้านรายได้ที่มั่นคงในอาชีพที่เป็นหนึ่งในกลไกที่สำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศ
นายนพดล ศรีสินรุ่งเรือง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นิปปอนเพนต์ (ประเทศไทย) จำกัด หน่วยธุรกิจสีพ่นซ่อมรถยนต์ เผยว่า “แม้ว่าปัจจุบันหลายหน่วยงานจะมีการนำเทคโนโลยีมาแทนที่มนุษย์ แต่ในสายงานอาชีพที่ใช้ทักษะยังคงเป็นที่ต้องการอย่างมาก โดยเฉพาะวิชาชีพช่างพ่นซ่อมสีรถยนต์ที่ตลาดยังเปิดกว้างและมีความต้องการแรงงานอีกกว่า 30,000 คน เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจยานยนต์ของไทย โครงการ “Protégé” เป็นโครงการระยะยาวที่นิปปอนเพนต์ (ประเทศไทย) ดำเนินการต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 และให้ความสำคัญเทียบเท่าการพัฒนาเทคโนโลยีและสินค้า โดยตั้งเป้าจะผลิตช่างสีรถยนต์ให้เพียงพอต่อความต้องการในตลาดอาชีพนี้ที่ยังขาดแคลน โดยร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชนให้การส่งเสริมองค์ความรู้ในหลากหลายกิจกรรมทั้งในระดับอาชีวศึกษา และบุคคลทั่วไปในสายอาชีพ โดยคาดหวังว่าจะพัฒนาช่างสีที่เป็นแรงงานเก่าให้มีทักษะและความเชี่ยวชาญมากขึ้น ส่วนช่างสีรุ่นใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดจะมีทักษะความเชี่ยวชาญตามมาตรฐานสากล มีหลักประกันด้านรายได้ที่มั่นคงในสายอาชีพเพราะช่างสีรถยนต์จะได้รับอัตราค่าจ้างวันละประมาณ 500 – 1,000 บาท ตามระดับความชำนาญซึ่งสูงกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งตลอด 4 ปีที่โครงการ Protégé มีส่วนสนับสนุนและผลักดันอย่างจริงจัง ทำให้จากเดิมในปี พ.ศ. 2558 ที่มีสถาบันที่เปิดสอนสาขาวิชางานตัวถังและสีรถยนต์เพียง 12 วิทยาลัย ปัจจุบันมีกว่า 60 วิทยาลัย ชี้ให้เห็นแนวโน้มการขยายตัวของกลุ่มงานอาชีพตัวถังและสีรถยนต์ซึ่งเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศ และสนองตอบนโยบายประเทศไทยสู่อุตสาหกรรม 4.0”
การดำเนินกิจกรรมภายใต้โครงการ Protégé ปีที่ 5 ของนิปปอนเพนต์ (ประเทศไทย) ได้แก่
- ร่วมมือกับสำนักงานกรรมการอาชีวศึกษา (สอศ.) สนับสนุนผลิตภัณฑ์มาตรฐานที่ใช้สำหรับการซ่อมสีรถยนต์ พร้อมอุปกรณ์ให้กับวิทยาลัยในสังกัด สอศ.ที่เปิดสอนสาขาวิชางานตัวถังและสี เพื่อเป็นต้นแบบในการทำศูนย์ซ่อมมาตรฐานในสถานศึกษา พร้อมจัดอบรมให้บุคลากรอาชีวศึกษา โดยครึ่งปีแรกนี้จัดอบรมไปแล้ว 16 รุ่น จำนวน 400 คนจากที่ตั้งเป้าไว้ 1,500 คน
- ร่วมกับสำนักพัฒนาสมรรถนะครูและบุคลากรอาชีวศึกษา จัดอบรมหลักสูตร “พัฒนาทักษะวิชาชีพและการสอนภาคปฎิบัติเทคโนโลยีการซ่อมสีรถยนต์ระบบอัจฉริยะ (Quick Service) สำหรับตัวถังและสีรถยนต์” โดยจัดอบรมไปแล้ว 4 รุ่น
- ร่วมกับคณะอนุกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา(อ.กรอ.อศ.) กลุ่มอาชีพตัวถังและสี (Body and Paint) จัดการแข่งขันทักษะฝีมือช่างซ่อมสีรถยนต์ระดับประกาศนียบัตรชั้นสูง (ปวส.)และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.) ซึ่งจะเป็นต้นแบบของการจัดการแข่งขันทักษะฝีมือช่างซ่อมสีรถยนต์ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) ระดับจังหวัด และ ระดับชาติ ในงบประมาณปี 2563 ต่อไป
- ร่วมมือสนับสนุนโครงการไตรภาคี โครงการความร่วมมือระหว่างวิริยะประกันภัย ชมรมศูนย์ซ่อมมาตรฐานวิริยะประกันภัยภาค 6 และวิทยาลัยการอาชีพ ต่อเนื่องเป็นรุ่นที่ 6 เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาจากวิทยาลัยการอาชีพทั่วประเทศได้ฝึกงานในสายวิชาชีพที่มีมาตรฐาน โดยนิปปอนเพนต์ให้การสนับสนุนวิทยากรครูฝึก ผลิตภัณฑ์สีพร้อมวัสดุอื่น ๆ ในการฝึกอบรมเป็นระยะเวลา 1 เดือน ซึ่งมีการฝึกผ่านไปแล้ว 6 รุ่น รวม 140 คน หลังการอบรมนักศึกษาจะเข้าทำงานในอู่ซ่อมสีรถยนต์ในเครือประกันวิริยะที่มีการใช้ผลิตภัณฑ์สีนิปปอน วี-ซีรี่ย์ (V-Series)
- สนับสนุนการฝึกอบรมหลักสูตรเตรียมความพร้อมก่อนออกฝึกอาชีพร่วมกับชมรมวิชาชีพยานยนต์ในสถานประกอบการสาขาสีรถยนต์ระบบทวิภาคี ซึ่งจะเน้นทักษะฝีมืองานการเตรียมพื้นและพ่นสีให้กับนักศึกษาจากวิทยาลัยอาชีวศึกษาที่ลงนามความร่วมมือกับนิปปอนเพนต์และชมรมวิชาชีพยานยนต์ และในภาคการศึกษาฝึกอาชีพ ซึ่งตั้งเป้าปีนี้กว่า 120 คน
- ร่วมมือกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมช่างสีรถยนต์ในสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน (สพร.) เพิ่มอีก 1 แห่งในปีนี้ที่จังหวัดพัทลุง จากเดิมที่มีอยู่ 12 แห่ง พร้อมส่งวิทยากรไปให้การอบรมแก่ผู้สนใจ
“นิปปอนเพนต์ (ประเทศไทย) ยินดีส่งผู้เชี่ยวชาญไปฝึกอบรมให้กับพนักงานในหน่วยงานที่แจ้งความประสงค์มา ถือเป็นการช่วยสนับสนุนการพัฒนาและส่งเสริมความรู้และทักษะวิชาชีพช่างพ่นซ่อมสีรถยนต์ให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล เนื่องจากอาชีพนี้หากมีใจรัก อดทนและพร้อมเรียนรู้เทคนิคใหม่ ๆ สามารถพัฒนาตนเองไปสู่ระดับที่สูงขึ้นในฐานะช่างเทคนิคขั้นสูง ที่ปรึกษางานซ่อมตัวถังและสี หรือผู้ชำนาญงานพิเศษยานยนต์เฉพาะกลุ่ม เพราะโอกาสความสำเร็จในวิชาชีพนี้ยังเปิดกว้างอีกมาก” นายนพดลกล่าวทิ้งท้าย