วิมณทิพย์ ทรานสปอร์ต ตอกย้ำนโยบายทางเลือกวอลโว่ บัส ต้องมากกว่า 1 ราย

บริษัท วิมณทิพย์ ทรานสปอร์ต จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรถรับจ้างไม่ประจำทางในหมวด 30 หรือรถขนส่งนักท่องเที่ยว เดินหน้าสั่งนำเข้าประกอบสำเร็จรถวอลโว่ บัส 10 คันจากประเทศมาเลเซีย เพื่อเสริมกองรถที่มีอยู่ในปัจจุบัน 57 คัน

นางวิภาพร ชาลาประวรรตน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท วิมณทิพย์ ทรานสปอร์ต จำกัด เปิดเผยว่าจากนโยบายของวอลโว่ บัส (ประเทศไทย) ที่ได้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรถบัสให้สามารถนำเข้ารถประกอบสำเร็จรูปจากต่างประเทศเข้ามาใช้ในประเทศไทย เพื่อเป็นทางเลือกจากอดีตที่มีเพียงผู้ประกอบตัวถังรถวอลโว่ บัส เพียงรายเดียว

“เรามีประสบการณ์ที่ซื้อรถนำเข้าจากมาเลเซียมา 1 คัน เพื่อทดลองใช้ ปรากฎว่าลูกค้าชอบมาก ทำให้เราตัดสินใจสั่งซื้อเพิ่มอีก 10 คันเพราะรถที่ประกอบสำเร็จมาจากมาเลเซียนั้น มีคุณภาพสูง และความปลอดภัยที่ลูกค้าสัมผัสได้ โดยทางผู้ประกอบตัวรถที่มาเลเซียพร้อมปรับในเรื่องการตกแต่งภายในให้ตรงกับใจเราได้เพราะเป็นผู้ใช้งาน เราย่อมรู้ดีว่าลูกค้าต้องการนั่งรถบัสแบบไหนอย่างไร” นางวิภาพร กล่าว

รถวอลโว่ บัส จำนวน 10 คันที่บริษัท วิมณทิพย์ ทรานสปอร์ต จำกัด สั่งนำเข้าจาก บริษัท Truckquip Sdn. Bhd ประเทศมาเลเซีย เป็นรถประกอบสำเร็จรูปจากบริษัท Truckquip Sdn. Bhd.ประเทศมาเลเซีย โดยใช้แชสซีส์ วอลโว่ บัส รุ่น B8R เป็นรถขนาดเครื่องยนต์ 7.7 ลิตร 330 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1200 นิวตันเมตร ที่รอบ 1200 – 1650 rpm ซึ่งรถประกอบสำเร็จรูปจากประเทศมาเลเซียนี้ ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับบริษัทผู้ประกอบกิจการให้บริการขนส่งผู้โดยสารในประเทศไทยที่มีความต้องการใช้รถโดยสารที่มีคุณภาพสูง ในราคาจับต้องได้

ทางด้านนายเดชชัย กุลกรินีธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ บัส (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวเพิ่มเติมว่าขณะนี้ วอลโว่ บัส ได้เชิญชวนผู้ประกอบตัวถังรถบัสที่สนใจจะร่วมเป็นพันธมิตรของวอลโว่ บัส ให้ส่งรายละเอียดโรงประกอบของตนเองพร้อมแผนงานปรับปรุงโรงประกอบตัวถังให้ตรงกับคุณสมบัติที่วอลโว่ บัส ได้กำหนดตามสเป็คของวอลโว่ บัส ประเทศสวีเดน ทั้งนี้เพื่อเพิ่มทางเลือกแก่ลูกค้าที่สามารถเลือกใช้ตัวถังจากโรงประกอบได้มากกว่า 1 ราย

 

นางวิภาพร กล่าวว่าจากนโยบายของรัฐบาลที่เร่งระดมฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด19 แบบปูพรหมทั่วประเทศในขณะนี้ อีกทั้งรัฐบาลมีนโยบายที่จะเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวในรูปแบบ Sand Box โดยเริ่มต้นที่จังหวัดภูเก็ต เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้ นอกจากนี้รัฐบาลกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา มีแผนจะหารือกับกระทรวงการคลังในการจัดตั้งกองทุน 10,000 ล้านบาทเพื่อใช้เป็นแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำให้แก่ ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว อาทิ บริษัททัวร์นำเที่ยว โรงแรม รถนำเที่ยว นวดสปา บริษัทฯ จึงได้เดินหน้าแผนการเตรียมความพร้อมกับการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยขณะนี้ได้รับการติดต่อจากบริษัททัวร์ที่เป็นคู่ค้าก่อนเกิดวิกฤติโควิด19 ซึ่งบริษัททัวร์เหล่านี้เป็นบริษัทที่นำนักท่องเที่ยวรายได้สูงจากยุโรป อเมริกาและญี่ปุ่น มาใช้จ่ายในประเทศไทยและบริษัทฯ ได้รับการยืนยันจากบริษัทเหล่านี้ว่าได้เริ่มขายแพ็คเก็จทัวร์ในประเทศไทยให้กับลูกค้าแล้ว ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่านักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวมีความพร้อมที่จะกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทย จึงได้เดินหน้าโครงการปรับปรุงสภาพรถบัสที่มีอยู่ 57 คัน ให้พร้อมใช้งานทันที พร้อมกันนี้ ยังได้สั่งซื้อรถใหม่จากบริษัท วอลโว่ บัส (ประเทศไทย) จำกัดเพิ่มอีก 10 คันเพื่อต้อนรับการกลับมาของนักท่องเที่ยว

“ปีที่ผ่านมา เราพูดได้เลยว่ารถเราจอดสนิท ทำให้รายได้เราสูญไปถึง 69 ล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว เราไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามา ทำให้เราต้องหยุดจ้างงานพนักงานไปจำนวนหนึ่ง แต่เรายังมีการติดต่อกันตลอดเวลาเพราะเราโชคดีที่เราได้พนักงานที่รักองค์กรและเข้าใจถึงความจำเป็นและพวกเขายังมีทางออกในการไปขับรถให้กับธุรกิจขนส่งที่ยังมีความต้องการพนักงานขับรถ แต่ความผูกพันธ์กับองค์กรยังมีอยู่สูงและมีการสอบถามเราตลอดเวลาถึงการกลับมาของแขกนักท่องเที่ยว เมื่อพวกเขาทราบข่าวความเคลื่อนไหวครั้งนี้ พวกเขาดีใจมากและพร้อมที่จะกลับมาขับรถกับเราอีกครั้งหนึ่ง” นางวิภาพร กล่าว

บริษัท วิมณทิพย์ ทรานสปอร์ต จำกัด ดำเนินธุรกิจให้บริการรถนักท่องเที่ยวตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 โดยเริ่มจากรถบัสเพียง 10 คัน และการดำเนินธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการเพิ่มรถบัสอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีรถบัสในกองรถทั้งสิ้น 67 คัน เป็นรถวอลโว่ บัสจำนวน 52 คัน นอกจากนี้ ยังมีรถมินิบัสอีก 6 คันและรถตู้อีก 11 คัน ลดลงจากอดีตที่มีรถตู้มากกว่า 60 คัน ซึ่งเป็นผลกระทบจากวิกฤติโควิ19

นางวิภาพร กล่าวว่าช่วงวิกฤติโควิด19 ผู้ประกอบรถโดยสารไม่ประจำทางในหมวด 30 ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยที่มีรถ 1 – 3 คัน ต้องเลิกกิจการไปเป็นจำนวนมากอันเป็นผลมาจากเงินทุนหมุนเวียนไม่เพียงพอ ส่วนบริษัทที่ยังอยู่รอดได้ส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีเงินทุนประคองกิจการเพื่อรอการกลับมาของนักท่องเที่ยว

 

“เราอยากจะขอให้รัฐบาลและกระทรวงคมนาคมให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการขนส่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นการตรวจสภาพรถตามระเบียบของกรมการขนส่งทางบกที่ระบุไว้ว่าให้รถขนส่งต้องตรวจสภาพปีละ 2 ครั้ง แต่ในความเป็นจริงของการทำงาน การตรวจสภาพรถนั้น ควรจะมีการระบุอายุของรถไว้ให้ชัดเจนว่ารถที่ควรจะต้องตรวจสภาพนั้น ควรจะต้องมีอายุการใช้งานเมื่อครบ 5 ปีแล้ว เพราะรถใหม่จนถึง 5 ปีนั้น สภาพรถยังถือว่าอยู่ในสภาพดีพร้อมใช้งานได้ ซึ่งหากจะเปรียบเทียบกับรถเก๋ง จะต้องตรวจสภาพรถเมื่อใช้งานขึ้นปีที่ 8 ดังนั้นรถโดยสารหากจะต้องตรวจสภาพเมื่อครบอายุใช้งาน 5 ปี ถือว่าสมเหตุสมผลมากกว่า” นางวิภาพร กล่าว

นางวิภาพร กล่าวว่าธุรกิจท่องเที่ยวถือเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยที่สำคัญและเครื่องยนต์นี้รัฐบาลไม่ต้องทุ่มเททรัพยากรให้มากเหมือนอุตสาหกรรมอื่น แต่ผลตอบแทนต่อประเทศนั้น สูงมากและกระจายไปในกลุ่มอาชีพที่หลากหลายถ้วนหน้า จึงอยากให้รัฐบาลหันมาสนใจปัญหาของบริษัทผู้ให้บริการรถนักท่องเที่ยวด้วยการให้ความช่วยเหลือบริษัทเหล่านี้บ้างโดยผลักดันนโยบายที่จับต้องได้มายังบริษัทผู้ให้บริการรถนักท่องเที่ยว

“ธุรกิจของพวกเรามันไม่เหมือนกับธุรกิจอื่นที่สามารถหยุดการเลือดไหลได้ด้วยการหยุดธุรกิจไปเฉย ๆ แต่ธุรกิจของพวกเราทำแบบนั้นไม่ได้เพราะรถที่มีอยู่ต้องมีการบำรุงรักษาตามโปรแกรม จะต้องนำรถออกวิ่งตามเวลาที่กำหนด หากไม่ทำตามโปรแกรมบำรุงรักษาแล้ว การนำรถกลับมาวิ่งรับนักท่องเที่ยว จะอันตรายมากเพราะรถมีโอกาสสูงมากที่จะเสียระหว่างการให้บริการ และหากเป็นเช่นนั้น จะสร้างความสูญเสียทางธุรกิจกับเราและกับประเทศอย่างมาก” นางวิภาพร กล่าว

นางวิภาพร กล่าวว่าบริษัทฯ ให้ความสำคัญอย่างมากกับคุณภาพรถที่จะให้บริการนักท่องเที่ยว โดยได้ลดรอบอายุการใช้งานของรถลงจากเดิม 10 ปีมาเหลือเพียง 5 ปี ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนรถใหม่ทดแทนรถเก่าทุก 5 ปี ทั้ง ๆ ที่อายุการใช้งานของรถบัสคุณภาพสูงอย่างวอลโว่ บัส มีอายุใช้งานสูงถึง 20 ปี แต่เพื่อให้ลูกค้ามีความพึงพอใจระดับสูงสุด บริษัทฯ จึงกำหนดนโยบายให้รถมีสภาพที่ดีที่สุด พร้อมใช้งานและส่งมอบบริการระดับสูงสุดให้กับลูกค้าระดับพรีเมียม