คอนติเนนทอล ได้รับเลือกจากฉางอาน

ส่งยางรุ่น PremiumContact 6 และ EcoContact 6 ขึ้นแท่นเป็นยางหลักให้กับรถยนต์ไฟฟ้า ChangAn AVATR 11

คอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) ผู้นำด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านยางรถยนต์ระดับโลกจากเยอรมนี ตอกย้ำความแข็งแกร่งในตลาดยางรถยนต์ด้วยการได้รับเลือกจากฉางอาน ออโตโมทีฟ (CHANGAN Automotive) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำจากประเทศจีน ในการผลิตและส่งมอบยางรถยนต์ รุ่น PremiumContact 6 และ EcoContact 6 เพื่อเป็นยาง OE (Original Equipment) เพียงเจ้าเดียวให้กับรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่น ChangAn AVATR 11 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา

มร. คาเรล คูเซรา (Mr. Karel Kucera) กรรมการผู้จัดการ คอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา คอนติเนนทอลได้ส่งมอบยางให้แก่ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำรายใหญ่ที่สุดของโลกกว่า 10 รายเป็นครั้งแรก นับเป็นความภาคภูมิใจของเราเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเลือกจากฉางอาน ให้เป็นผู้ผลิตและส่งมอบยางรุ่น PremiumContact 6 และ EcoContact 6 เพื่อติดตั้งเป็นยางมาตรฐานจากโรงงานในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น ChangAn AVATR 11 การเป็นพันธมิตรกันในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจยางรถยนต์ของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นการร่วมมือกันขับเคลื่อนตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้ก้าวหน้าอย่างเต็มพลังยิ่งขึ้น”

ยางคอนติเนนทอลรุ่น PremiumContact 6 ถูกออกแบบมาโดยยึดความปลอดภัยและความสะดวกสบายเป็นหลัก
มาพร้อมเทคโนโลยี ‘Safety Silica Compound’ ช่วยให้ยางยึดเกาะถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกสภาพอากาศ และช่วยรีดน้ำเพื่อมอบสมรรถนะการเบรกสูงสุดแม้บนถนนเปียก พร้อมเพลิดเพลินไปกับการขับขี่ที่เงียบสงบกว่าเดิมด้วยเทคโนโลยี ContiSilent ซึ่งใช้ตัวดูดซับยางด้านในที่ทำจากโพลียูรีเทนโฟมในการลดการสั่นสะเทือนของยาง และ ป้องกันเสียงรบกวนจากพื้นถนนด้านนอกขณะขับขี่ไม่ให้ส่งผ่านล้อเข้าสู่ภายในตัวรถ โดยสามารถลดเสียงรบกวนจากพื้นถนนและเสียงล้อได้ถึง 9 เดซิเบล ขึ้นอยู่กับชนิดของรถยนต์ ความเร็ว และสภาพถนน

“คอนติเนนทอล ไทร์ส ได้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 15 ปี และยังคงมุ่งมั่นในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีคุณภาพสูง เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดรถยนต์ในทุกมิติ ปัจจุบันเรามีโรงงานที่ใหญ่และทันสมัยที่สุด ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดระยอง ด้วยกำลังการผลิตถึง 4.8 ล้านเส้นต่อปี ในตอนนี้เรากำลังเดินหน้าขยายโรงงานเข้าสู่เฟสที่ 2 โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตยางรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถบรรทุกขนาดเล็ก เพื่อรองรับความต้องการของยางรถยนต์ระดับพรีเมียมที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย รวมถึงภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอเมริกา” มร. คาเรล กล่าวทิ้งท้าย